การโอ้อวด กับ ความน่าละอาย


การที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่สำคัญว่าจะต้องเรียนจบนั้นจบนี่ แต่คนที่เขามีความรู้ความสามารถด้านใดนั้น เป็นเพราะเขามีฉันทะ (มีใจรัก)ในสิ่งนั้น และ ตั้งใจใฝ่รู้ที่จะศึกษามันด้วยความจริงจัง

"จะไม่พูดอะไรที่แสดงถึงการโอ้อวด  ที่ให้เห็นว่าตัวเองเก่ง   เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย   มีแต่ความน่าอาย"

 เหตุเกิดของข้อคิดนี้  สืบเนื่องจากเรื่องการหาหัวข้อที่จะเขียนเพื่อยื่นเสนอหัวข้อวิจัยสำหรับสอบเข้า ป.เอก     ด้วยเรายังไม่มีความกล้าแกร่งทางวิชาการมากนัก  ประสบการณ์ทางการวิจัยก็ยังมีน้อย   แต่เมื่อรู้ว่า การที่จะเรียนต่อ ป.เอก นี้ หัวข้อวิจัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง   ก็เป็นสาเหตุให้เราต้องค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ    เราก็พยายามที่จะหาหัวข้อที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง   ก็มานึกถึงเรื่องที่เราสนใจ ก็คือ เรื่องพระพุทธศาสนา  กับ การเรียนการสอน และ เทคโนโลยี     พอเราพูดถึงหัวขัอนี้   สามี (ซึ่งคอยสอนอะไรเรามากมาย) ก็เสนอหัวข้อหนึ่งขึ้นมา คือ การศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการสอนของพระพุทธเจ้า    ซึ่งเราก็ว่าน่าสนใจดี  แต่ถึงแม้ว่าเราจะสนใจมีความชอบส่วนตัวในด้านพระพุทธศาสนาก็ตาม  แต่เราก็รู้ตัวเองว่า  ความรู้ที่มีเฉพาะตนในขณะนี้  ทางด้านยุทธวิธีการสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดจนความรู้ในพระไตรปิฏกเรามีน้อยมาก       ดังนั้น เราจึงพูดมาหนึ่งประโยค และกลายเป็นต้นเหตุให้ได้ข้อคิดนี้คิดมา   คือ    เราเรียนจบนักธรรมศึกษาโทมา ก็คงจะพอมีความน่าเชื่อถือในการที่จะทำวิจัยเรื่องนี้ได้บ้าง

หลังจากกล่าวคำพูดนี้ออกไปเป็นเรื่องขึ้นมาเลย   คือ การกล่าวอ้างว่าจบโน้นจบนี้มานั้น  หมายถึงการโอ้อวด 

สามีก็สอนว่า  การที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง  ไม่สำคัญว่าจะต้องเรียนจบนั้นจบนี่   แต่คนที่เขามีความรู้ความสามารถด้านใดนั้น   เป็นเพราะเขามีฉันทะ (มีใจรัก)ในสิ่งนั้น  และ ตั้งใจใฝ่รู้ที่จะศึกษามันด้วยความจริงจัง

ดังนั้น การที่เราบอกว่า เราจะทำวิจัยเรื่องนั้น  ด้วยเหตุที่ว่าเรามีวุฒิบัตรรองรับนั้น  มันเป็นเหตุผลที่น่าอายมาก      ซึ่งเราก็เห็นตรงตามนั้น   เราไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ   แม้ว่าตอนเราพูดนั้น  เราจะคิดว่าเราไม่ได้คิดโอ้อวดตนก็ตาม   แต่เขาบอกว่า เราไม่รู้จิตของตน ไม่ได้พิจารณาจิตให้ทัน   ก็เลยไม่รู้จิตตนตามความเป็นจริง     ก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนักในการพิจารณาจิต หรือทำอะไรสักอย่าง   เราจะต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เกือบทั้งชีวิตในการที่จะทำสิ่งนั้นๆ ให้บรรลุตามความมุ่งหมาย 

คำสำคัญ (Tags): #ข้อคิด
หมายเลขบันทึก: 74923เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2007 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 10:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

การที่เราบอกว่า เราจะทำวิจัยเรื่องนั้น  ด้วยเหตุที่ว่าเรามีวุฒิบัตรรองรับนั้น  มันเป็นเหตุผลที่น่าอายมาก

ตามคำพูดนี้ ทำให้หลายคนไม่กล้าคิดกล้าทำหัวข้อที่ไม่คุ้นเคยแม้ไม่ได้เรียนในระดับปริญญาเอกก็ตาม

เห็นด้วยครับ ที่คนที่มีฉันทะ ทำในสิ่งนั้นอย่างจริงจัง

น้องมนต์....

  • พี่เห็นด้วยกับที่อาจารย์ท่านพูด  เท่าที่พี่รู้จักมนต์มาคิดว่ามนต์มีความใฝ่รู้ทางด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี    เลือกทำในสิ่งที่ใจเรารักเถอะค่ะ   มาให้กำลังใจ

สวัสดีค่ะ รุ่นพี่เอกคอม  แวะมาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

 

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ  

ขอบคุณ นายบอน!-กาฬสินธุ์  สำหรับความคิดเห็นค่ะ   

ขอบคุณ พี่อ.ลูกหว้า สำหรับกำลังใจค่ะ    แต่สำหรับเรื่องหัวข้อวิจัยคงเป็นเรื่องของอนาคตไว้มนต์มีความรู้เพิ่ม ประสบการณ์เพิ่มอะไรๆ มันก็ปรับเปลี่ยนกันได้นะคะ  

ขอบคุณน้อง มะปรางเปรี้ยว ที่แวะมาเป็นกำลังใจจ้ะ
ดีใจที่ได้เจอรุ่นน้องค่ะ  พี่รุ่น 37........... จ้ะ

หนู รหัส 44 ค่ะ ห่างกันไม่กี่ปีเองนะค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท