หน้าแรก
สมาชิก
DrPong
สมุด
มหาวิทยาลัยนอกระบบ
สามัคคีเภทอุดมศึก...
DrPong
รองศาสตราจารย์ ดร. พงศ์ประเสริฐ หกสุวรรณ
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
สามัคคีเภทอุดมศึกษา:มหาวิทยาลัยนอกระบบ
สามัคคีเภทอุดมศึกษา
สามัคคีเภทอุดมศึกษา
:
มหาวิทยาลัยนอกระบบฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.พงศ์ประเสริฐ
หกสุวรรณ
คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยบูรพา
ประเด็นที่กำลังร้อนแรงอยู่ในวงการอุดมศึกษาในช่วงเวลานี้คงไม่มีประเด็นใดเกินไปกว่า
การนำมหาวิทยาลัยในระบบราชการออกไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ
“
มหาวิทยาลัยนอกระบบฯ
”
ซึ่ง
เป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี
เริ่มจากรัฐบาลเจ้าหลักการ
ผ่านรัฐบาลเอื้ออาทร
มาเครื่องร้อนเอาในยุครัฐบาลเฉพาะกิจของคณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่มีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดและเจ้าของผลงานการตั้งมหาวิทยาลัยนอกระบบหลายแห่ง
ฝ่ายบริหารและฝ่ายการเมืองจึงชิงความได้เปรียบ
กดดันให้ทุกฝ่ายยอมรับการออกนอกระบบฯ ของมหาวิทยาลัย
เดินหน้าเต็มตัวโดยอ้างกระบวนการนิติบัญญัติ
ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากผู้ไม่เห็นด้วย
มีทั้งที่ออกมาต่อต้านอย่างออกหน้าออกตาและที่ซุบซิบนินทากันเงียบ ๆ อย่างระมัดระวังเพราะเกรงภัยที่จะมาถึงตัว
การต่อต้านขยายวงออกไปเรื่อย ๆ
นิสิต
นักศึกษานัดชุมนุมใหญ่
เดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้าน
มีการจัดตั้ง
เครือข่ายคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยนอกระบบฯ
นัดชุมนุมใหญ่
เตรียมการถวายฎีกา ฯลฯ
อาจารย์และนักวิชาการออกแถลงการณ์
จัดเวทีเสวนาหลายครั้ง
ตัวแทนนิสิตนักศึกษาจากหลายสถาบันได้เข้ายื่นหนังสือต่อประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐบาลและผู้บริหารมหาวิทยาลัยลิดรอนและกีดกันการแสดงออกโดยบริสุทธิ์ใจและเป็นสิทธิพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
เพราะมีผู้บริหารหลายสถาบันพยายามขัดขวางการชุมนุมคัดค้านของนิสิตนักศึกษา
ไม่ให้นักศึกษารับรู้ข้อมูลข่าวสาร
หรือการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยนิสิตที่ออกมาคัดค้าน
พลิกสถานการณ์จากการสนธิกำลังระหว่างผู้บริหารกับนักการเมืองกลับมาเป็นลอยแพมหาวิทยาลัย
ให้กลับมาทำประชาพิจารณ์ก่อนการออกนอกระบบ
เราจึงได้เห็นความพยายามของฝ่ายบริหารในการแทรกแซงประชาคมในมหาวิทยาลัย
โดยมีการจัดตั้งตัวแทนพนักงานออกมาชนกับข้าราชการ
โจมตีการทำงานของข้าราชการว่าขาดประสิทธิภาพ
เอาเปรียบพนักงาน
อ้างว่าพนักงานส่วนใหญ่สนับสนุนการออกนอกระบบ
โดยหวังว่าจะทำให้สวัสดิการของพนักงานมหาวิทยาลัยดีขึ้น
การสั่งปลดกันเองของนักศึกษาในองค์การนักศึกษา
โดยมีข้อครหาว่ามีผู้บริหารอยู่เบื้องหลังเพราะออกมาต่อต้านการออกนอกระบบ
การที่ตัวแทนนิสิตมหาวิทยาลัยนอกระบบฯ ออกแถลงการณ์สรรเสริญคุณงามความดีของการออกนอกระบบ
การที่ประธานสภาอาจารย์ซึ่งใกล้ชิดกับฝ่ายบริหารออกมาตำหนิอาจารย์ที่คัดค้านว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่ยอมเข้าใจ ฯลฯ
ทำให้ความขัดแย้ง
การแบ่งฝ่าย
การเผชิญหน้า
ชัดเจนและรุนแรงขึ้น
ชวนให้นึกไปถึงเรื่อง
“
สามัคคีเภท
คำฉันท์
”
หนังสือเรียนของกระทรวงศึกษาธิการในอดีตซึ่งนิสิตนักศึกษาและผู้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย
จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังในบรรยากาศแห่งความขัดแย้งที่กำลังร้อนระอุ
ดังนี้
บทประพันธ์เรื่อง
“
สามัคคีเภท
คำฉันท์
”
นี้
นายชิต
บุรทัต
ได้อาศัยเค้าเนื้อความที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตรแห่งพระไตรปิฎก
และอรรถกถาสุมังคลวิสาสินี
โดยเล่าถึงกษัตริย์ในสมัยโบราณ ทรงพระนามว่า พระเจ้าอชาตศัตรู แห่งแคว้นมคธ ทรงมีดำริจะปราบแคว้นวัชชี ซึ่งมีกษัตริย์ลิจฉวีครอบครอง แต่แคว้นวัชชีมีความเป็นปึกแผ่นและสามัคคีกันดียิ่งยากที่จะเอาชนะ
จึงคิดอุบายทำลายความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี โดยการแสร้งเนรเทศวัสสการพราหมณ์ออกจากแคว้นมคธ เดินทางไปยังเมืองเวสาลี
จนได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ลิจฉวี และได้เป็นครูสอนศิลปวิทยาแก่ราชกุมารทั้งหลาย
ครั้นได้โอกาส ก็ทำอุบายยุแหย่ให้ศิษย์แตกร้าวกัน จนเกิดการวิวาท
เป็นเหตุให้ความสามัคคีในหมู่กษัตริย์ลิจฉวีถูกทำลายลง
จากนั้นพระเจ้าอชาตศัตรูจึงได้กรีธาทัพเข้าปราบแคว้นวัชชีลงได้อย่างง่ายดาย
คำฉันท์อันเป็นคติสอนใจมานานนี้ชาวมหาวิทยาลัยควรจะได้นำมาทบทวน
และศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อหรือเลือกข้าง
ในสถานการณ์ซึ่งฝ่าย
บริหาร
อ้างว่าจะทำ
เพื่อสิทธิประโยชน์ที่ดีขึ้นของพนักงาน
ไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้นค่าหน่วยกิต
ไม่คิดแสวงหาผลประโยชน์
มุ่งพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ เรื่องนี้ก้าวมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังแล้ว
และคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการออกนอกระบบ
ส่วนฝ่ายที่คัดค้านก็อ้างว่าการศึกษาไม่ใช่สินค้า
มหาวิทยาลัยไม่ใช่แหล่งธุรกิจ
ภารกิจสำคัญคือต้องรับผิดชอบต่อสังคม
ไม่ใช่หากำไร
ความมีประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการบริหารมหาวิทยาลัยสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องออกนอกระบบ
มีกลุ่มมาเฟียอุดมศึกษาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นนายกสภา
เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารคนละหลายแห่ง
และคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
ปัญหาการออกนอกระบบฯ ของมหาวิทยาลัยนับได้ว่าเป็นเรื่องแปลก
เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการออกนอกระบบฯ ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นนิสิตนักศึกษา
อาจารย์หรือพนักงาน
ต่างก็มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้น้อยมาก
ในขณะที่คนรู้ไม่ยอมพูดหรือพูดไม่หมด
นิสิตนักศึกษาและผู้ปกครองกลัวต้องจ่ายแพงขึ้น
อาจารย์
พนักงานกลัวสถานภาพต่ำลง
แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริง ๆ นั้นมันมากเกินกว่าที่เราท่านจะคาดคิด
เพราะมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคน
ของสังคมและอนาคตของชาติอย่างคาดไม่ถึง
ท้ายสุดของบทความนี้ขอเรียกร้องให้ประชาคมมหาวิทยาลัยเลิกประจันหน้าหันมาช่วยกันคิด
ขอให้รัฐบาลกำหนดนโยบายและจุดยืนให้ชัดเจนโดยมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุน
เช่น
เหตุใดจึงตั้งมหาวิทยาลัยในระบบราชการขึ้นมาใหม่ทีเดียวเกือบ 50 แห่ง
สวนทางนโยบายของรัฐเอง
ถ้าดีจริงต้องเดินหน้าให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบทั้งหมด
ถ้าไม่แน่ใจหรือไม่ดีจริงต้องถอยทันที
และขอให้ผู้บริหารที่อยากออกนอกระบบต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ
โดยประกาศว่าจะเว้นวรรคไม่รับตำแหน่งในการออกนอกระบบ 1 สมัย
ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาบริหาร
และถ้าไม่ใช่เทพเทวดาหรือทศกัณฐ์พันมือต้องเลือกดำรงตำแหน่งได้เพียงมหาวิทยาลัยเดียว
จะเป็นการขอที่มากเกินไปไหม?
22 มกราคม 2550
เขียนใน
GotoKnow
โดย
DrPong
ใน
มหาวิทยาลัยนอกระบบ
คำสำคัญ (Tags):
#มหาวิทยาลัยนอกระบบ
หมายเลขบันทึก: 74388
เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2007 19:14 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน 2012 21:43 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
DrPong
สมุด
มหาวิทยาลัยนอกระบบ
สามัคคีเภทอุดมศึก...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท