ผมได้กำหนด
· หัวข้อประเด็นหลักที่ผมจะต้องสอนอยู่แล้ว
· นำมาเรียบเรียงไว้ในการเขียนเล่าเรื่อง
· เป็นตอนๆ แต่จะไม่เรียงกัน
· เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตและน่าเบื่อหน่ายของบุคคลทั่วไป ที่เหมือนการอ่านตำราเรียน ที่น่าเบื่อ
· ได้พยายามเน้นการแจงประเด็นทีละเรื่องในวิชาที่ผมต้องสอน
· ที่เหลือให้นักศึกษาไปค้นเพิ่มเติมเอาเอง
โดย
· การเปิดประเด็นในห้องเรียน
· แล้วค้นหาหัวข้อที่ใกล้เคียงที่สุด
· บรรยายตามสาระในเอกสาร
· ตอบประเด็นที่ฝากไว้ และที่ถามในห้องเรียน
ผมได้นำเรื่องที่มีโอกาสใช้มากๆมาลงก่อน และเรื่องอื่นๆตามลงมา และได้ดูสถานการณ์ว่าเรื่องใดควรจะลงจังหวะใด เพื่อไม่ให้พลาดหลักการทางวิชาการ
โดยเน้น
· หลักวิชาการที่เกี่ยวข้อง
· ปัญหาการพัฒนา ในระดับต่างๆ
· การใช้การจัดการความรู้ในการทำงาน
· ทางออก ทางเลือก
· ความเห็นของนักปฏิบัติ นักวิชาการ และข้าราชการสายต่างๆ ให้นักศึกษามั่นใจว่าประเด็นน่าจะใกล้เคียง สิ่งที่เป็นจริงมากที่สุด
เมื่อเริ่มต้นสอน ผมจะนำเสนอกรอบแนวคิดนำทาง ก่อนการให้นักศึกษามีโอกาสเข้าอ่าน และค้นคว้าเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทั้ง
· ครูคน (จากผม)
· ครูธรรมชาติ (จากระบบที่ตนเคยเห็นมา)
· ครูเครื่อง (จากระบบฐานข้อมูลต่างๆ)
จากในบล็อกจะสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการอ่านการเรียนของนักศึกษาได้ และสามารถสะท้อนให้ผู้เรียนเห็นความจริงจังกับการทำงานแบบต่อเนื่องของผม ตามหลักการของ
· บอกให้รู้
· ทำให้ดู
· อยู่ให้เห็น
· เย็นให้สัมผัส
ผมเชื่อว่านักศึกษาส่วนใหญ่คงจะได้รับบทเรียนที่เป็นตัวอย่างที่ผมทำให้ดูจริงๆ
แต่ใครจะปฏิบัติได้หรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปสักพัก
ขอบคุณครับที่ติดตาม
ท่านเล่าฮู ครับ
บันทึกนี้ขอคาระวะ 3 จอก
เพราะมีคนสงสัยมากว่า เราใช้บล็อกเพื่อการเรียนการสอนอย่างไร? จำไม่ผิดเคยมีคนถาม
ท่านเล่าเปผ้นขั้นเป็นเข้าใจง่าย ถ้ามีการใช้ระบบนี้มากขึ้น การศึกษาไทยจะมีชีวิต ตัวหนังสือจะกระโดดออกมาสู่หน้าจอ แล้วกระโดดไปยังจอคอมฯของคนโน้นคนนี้
นานๆไปมันก็จะวิ่งไปรอบโลก ไม่รู้กี่พันก็หมื่นรอบ ไม่ต้องไปจารึกไว้ในศิลาเหมือนคนสมัยใหม่ก่อน
ยังดีใจแทนลูกศิษย์ที่นั่งเรียนในภาพ ถ้าเป็นมนุษย์ที่พร้อมเรียน เขาจะโลดทะลึ่งขึ้นจากวิธีการสอนแบบเก่า ที่เฉาเหี่ยวเหมือนมะเขือเผา สอนแบบมะเขือเผา..จะสนุกตรงไหน
จากประสบการณ์อันน้อยนิดของผม เกี่ยวกับการใช้บล็อกในชั้นเรียน บรรยากาศมันคล้ายๆ กับการสัมมนาครับ คือไม่ต้องเป็นทางการ ไม่ต้องอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการให้ถูกต้อง สมบูรณ์ (แต่ก็ต้องบอกว่าเอามาจากไหน) วิธีการเขียน ก็เหมือนพูดกันในชั้นเรียนสัมมนา ใช้ภาษาพูดกันเลย มีหยอกล้อกันได้
ข้อดีที่ผมเห็นจากการ(บังคับ)ให้นักเรียนเขียนบล็อกคือ ได้มีการคิดต่อ คิดใหม่ และแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างกว้างขวาง นอกเหนือจากในชั้นเรียนครับ เพราะการเขียนทำให้เราได้หยุดคิด ซึ่งต่างจากในชั้นสัมมนาที่ต้องคิดเร็วพูดเร็ว บางคนมีเรื่องจะเล่าให้เพื่อนฟังในชั้น แต่จำไม่ได้หมด ก็สามารถไปหาเพิ่มเติมแล้วมาบล็อกภายหลังได้
ข้อเสียคือถ้ามีนักเรียนสักยี่สิบคน ทุกคน(ควรจะ)ตามอ่านความคิดของเพื่อนร่วมชั้นทุกคน ก็หมดวันกันพอดี ที่ผมประสบมาโดยตรงคือ นักเรียนจะเริ่มมีกลุ่มเฉพาะ แล้วก็เข้าไปตอบบล็อกของเพื่อนบางคนเท่านั้น ส่วนบางคนเขียนไป ไม่มีใครอ่าน
ผู้สอน หรือ ครูคน (ในความหมายของอาจารย์ ดร.แสวง) จึงมีความสำคัญที่สุดในการใช้สื่อนี้ (ผมว่าใช้สื่ออะไร ครูคนก็สำคัญที่สุดนั่นแหละครับ) นั้นคือ
ก่อนสอน - จะต้องกำหนดกฏให้ชัดเจน เช่น จะต้องตอบเพื่อนห้าคนต่อสัปดาห์ ต้องตอบอย่างมีสาระ ไม่ใช่ "เราเห็นด้วย" หรือ "เขียนดี ขอบคุณนะ" อะไรแบบนี้ไม่นับ ต้องมีการดึงข้อมูลมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ครูเครื่อง หรือครูธรรมชาติ
เริ่มสอน - ก็ต้องคอยเข้าเยี่ยมชมบล็อกนักเรียนว่าเขียนกันเป็นอย่างไร คอยกระตุ้นให้นักเรียนคิดต่อ เช่นนักเรียนเขียนว่า "หนูว่าการบล็อกดีจัง" ก็ถามต่อไปว่า "ดียังไง? แล้วดีกว่าสื่ออื่นไหม?"
หลังสอน - ก็ควรให้นักเรียนประเมินผล ว่าตัวเองคิดยังไงกับการบล็อก เพื่อนำมาพัฒนาต่อไป ทั้งตัวนักเรียนและครูคน
ผมรอติดตามห้องเรียนเครื่องของท่านอาจารย์ ดร.แสวงด้วยใจระทึกครับ
ต่ออีกนิดนะครับ
ในประเด็นการตกแต่งบล็อก หรือการใส่คำบรรยายของเจ้าของบล็อก ซึ่งสื่ออื่นเช่นกระดานสนทนา หรือการแช็ตออนไลน์ทำไม่ได้ เป็นเรื่องที่จะสนับสนุนการมีตัวตนของนักเรียนได้ด้วย นักเรียนสามารถเล่าความคิด ความสนใจ ประสบการณ์ของตัวเองให้เพื่อนร่วมชั้นฟังได้
เพื่อนรู้ว่าเราชอบอะไร สนใจประเด็นไหน ถ้าเขาไปเจอเรื่องราวเหล่านั้นก็จะมาบอกต่อกัน
นับเป็นประเด็นที่ทรงพลังมาก (ในความคิดของผมนะครับ) เพราะเราเรียนทีละยี่สิบหัว ช่วยกันเรียน ช่วยกันหาข้อมูล มันแตกกิ่งก้านสาขาไวกว่าเรียนหัวเดียวเยอะครับ
ขอบคุณครับอาจารย์วสะ
ผมยังไม่ได้ก้าวไปถึงขั้นนั้นหรอกครับ
ตอนนี้ก็แคให้อ่านและแสดงความเห็น เพื่อจะให้ทุกคนเริ่มคิด และมีคำถามบ้าง
นักศึกษาไทยไม่ค่อยถามครับ
ใช้วิธีนี้ได้ผลพอสมควรครับ
อ.ดร.แสวง ครับ
ขอบคุณครับที่ไปให้ความเห็นที่มีประโยชน์ไว้ในบันทึกนี้
ไม่มีปัญหาครับ ด้วยความยินดีครับ