GotoKnow

การดูแลผู้ป่วย & วัฒนธรรมมุสลิม

นาง จุฑารัตน์ เกียรติศิริโรจน์
เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2550 23:07 น. ()
แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม 2555 11:27 น. ()

วันนี้มีโอกาสไปที่หน่วยรังสีวิทยา  พบภาพพี่ฟ้ง (คุณกานดาวศรี)  พยาบาลประจำหน่วยนี้กำลังอ่านจดหมายบรรยายความรู้สึกของผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งซึ่งเขียนถึงเธอให้ผู้ป่วยมะเร็งคนอื่นๆที่มานั่งรอพบแพทย์  และฉายแสงฟัง ข้าง ๆพี่ฟ้ง มีญาติที่เคยดูแลผู้ป่วยเป็นมะเร็งนานกว่า 20 ปี  คอยเสริมประสบการณ์จากการดูแลผู้ป่วยเป็นระยะ   สีหน้าของผู้ป่วยที่นั่งฟังแสดงถึงความตั้งอกตั้งใจฟังอย่างดี  ไม่มีกิริยาที่บ่งบอกถึงความรำคาญหรือเร่งรีบ  หรือเบื่อหน่าย  บางช่วงบางตอนก็จะเห็นผู้ป่วยนั่งยิ้ม  บางคนก็หัวเราะ  เป็นภาพที่ดึงดูดให้พี่จุดต้องเดินเข้าไปเพื่อร่วมบรรยากาศในขณะนั้นด้วย  <blockquote>                          พี่ฟ้งอ่านจดหมายจบ  พี่ฟ้งก็เชิญคุณชาลี  ครูสอนดนตรีของคณะแพทย์  สีไวโอลินให้ผู้ป่วยฟัง 2 เพลง    เดาว่าเป็นเพลงสากล  ผู้ป่วยคงไม่คุ้ยกับเพลงนี้เท่าไรนัก  หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาตีระนาดเล่นเพลงลูกกรุงให้ผู้ป่วยฟังอีก 2 เพลง  ขณะที่พี่จุดร่วมนั่งฟังเพลง  ก็ได้ยินผู้ป่วยหญิงมุสลิมคนหนึ่งรำพึงขึ้นมาว่า  เพราะจัง  รู้อย่างนี้มาทุกวัน พี่จุดฟังแล้วก็ยิ้ม  ดีใจที่ผู้ป่วยมีความสุข  ตัวพี่จุดเองก็ยังเผลอร้องคลอเบา ๆ ในคอ  และแล้วพี่จุดก็ต้องหยุดร้องคลอกะทันหัน  เพราะมีผู้ป่วยชายสูงวัยคนหนึ่งร้องคลอเป็นทำนองตามเสียงดนตรีออกมาให้ทุกคนได้ยิน  เสมือนอยู่คนเดียว ไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร ตั้งหน้าตั้งตาร้องคลออย่างเดียว  พี่จุดจึงกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อสังเกตความรู้สึกของผู้ป่วยที่ร่วมกิจกรรมด้วย พบสายตาของผู้ป่วยที่ส่งสายตามองลุงคนนั้นด้วยแววตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่  พี่ฟ้งจึงรีบหยิบไมค์โครโฟนยื่นส่งให้  แต่ลุงแกก็ไม่สนใจ  ตั้งหน้าตั้งตาร้องอย่างเดียว  พี่ฟ้งจึงต้องถือไมค์โครโฟนให้แทน             ช่างเป็นภาพที่งดงามในความรู้สึกของพี่จุดอย่างมาก  ถ้าใครได้พบเห็นก็คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละเป็นภาพที่เขาบอกว่าดูแลผู้ป่วยแบบจิตวิญญาณ  ทำให้พี่จุดต้องหยิบกล้องออกมาถ่ายเพื่อเก็บภาพนี้ไว้  เพราะเป็นภาพที่ผู้ป่วยด้วยโรคร้าย  แต่เปี่ยมด้วยความสุข  คนร่างกายดี ๆ บางคนยังไม่มีความสุขเท่าผู้ป่วยในกลุ่มนี้เลย  ต้องขอบคุณพี่ฟ้ง  พยาบาลผู้แสนดีที่สร้างความสุขเหล่านี้ให้ผู้ป่วยได้  ทำให้พี่จุดนึกถึงเพลงมาร์ชพยาบาล</blockquote><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="left">                                อันความกรุณาปราณี  </p>                                  จะมีใครบังคับก็หาไม่ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                                  หลั่งมาเองหมือนฝนอันชื่นใจ                                   </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                                  จากฟากฟ้าสุราลัย สู่แดนดิน     </p><p>                            หลังจากเพลงจบ  ผู้ป่วยทั้งหลายต่างก็แยกย้าย   บางก็ไปฉายแสง   บางก็กลับบ้าน  พี่จุดถือโอกาสนี้เข้าไปนั่งคุยกับผู้ป่วยหญิงมุสลิมคนที่นั่งฟังเพลงแล้วพูดว่า เพราะจัง  พร้อมสามีของเธอ  และผู้ป่วยชายชาวมุสลิมอีกหนึ่งคนด้วย  เพราะอยากทราบว่าผู้ป่วยมุสลิมที่เป็นมะเร็งจะมีความคิดเห็น/การดูแลตนเองแตกต่างจากชาวพุทธหรือไม่  และเพื่อจะได้ดูแลผู้ป่วยมุสลิมได้ตรงตามความต้องการของผู้ป่วย  พี่จุดจึงขอนำบทสนทนากับผู้ป่วยมุสลิมมาเล่าสู่ให้ฟัง   จะได้ช่วยให้พวกเราสามารถดูแลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น  ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่ผู้ป่วยทั้งคู่ป่วยด้วยโรคร้ายเดียวกัน  กล่าวคือ  เธอทั้งสองเป็นมะเร็งเนื้องอกที่สมอง  ผู้ป่วยหญิงเป็นมาแล้ว 8 ปี  ผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง  ส่วนผู้ป่วยชายเป็นมา 5 ปี ผ่าตัดแล้ว 1 ครั้ง </p><blockquote><p>ผู้ป่วยหญิงเล่าว่า  อาการนำที่ทำให้เธอมารักษาที่โรงพยาบาล คือ ตามองเห็นลาง ๆ มีอาการง่วงมาก  หนังตาหนัก  </p></blockquote><p> ผู้ป่วยชายเสริมว่า   ผมรู้สึกมีกลิ่นปากด้วยครับ  ซื้อยามาอมก็แล้ว  แปรงฟังก็แล้ว  แต่ก็ยังมีกลิ่นปาก รู้สึกผิดปกติ  จึงมาโรงพยาบาล หมอบอกว่า  เป็นเนื้องอกที่สมอง ขนาด 10 เซนติเมตร  และก้อนนี้โตจนทับโพรงจมูกด้วยครับ                 </p><blockquote><p>เมื่อพี่จุดถามถึงการดูแล / การปฏิบัติตัวที่บ้าน </p></blockquote><p>ผู้ป่วยหญิงเล่าว่า  ก็กินอาหารเหมือนปกติทุกวัน  แต่จะไม่กินเนื้อ  ไม่กินไก่  กินพวก    ปลาแทน  และ กินผักเยอะ ๆ  </p><blockquote><p>พี่จุดถามว่า    ทำไมไม่กินเนื้อหรือไก่ค่ะ </p></blockquote><p>สามีตอบแทนว่า     เพราะเราถือว่าการกินเนื้อ  จะทำให้    มะเร็งงอกเร็วยิ่งขึ้นแล้วสามีก็เล่าต่อว่า             มีพวกขายตรงที่พยายามมาขายพวกอาหารเสริม  หรือสมุนไพร  เพื่อรักษาโรค  เขามาติดต่อผมและภรรยา เพื่อโฆษณาถึงสรรพคุณต่างๆของอาหารเสริม ผมก็ซื้อพวกอาหารเสริมให้เมียผมกินเพราะอยากให้เธอหาย  สงสารเธอครับ  ค่าใช้จ่ายเฉพาะอาหารเสริมตกเดือนละ 4,600 บาท  ผมซื้อมาให้กินประมาณ 3  ปี   หมดเงินไปมากกว่า    150,000   บาท  แต่ไม่หายครับ  มีคนมาโฆษณาเกี่ยวกับยาสมุนอีกไพร ผมก็ซื้อยาสมุนไพรเป็นยาหม้อให้กินอีก   กินไป19 หม้อ ตกหม้อละ 1,000 บาท คือ รวมค่ายาและค่ารถ  แต่ไม่เป็นไปตามที่เขาโฆษณาครับ  แถมเขาไปบอกคนอื่นๆว่าผมซื้อยาเขากินแล้วหาย  เอาผมไปอ้าง               </p><blockquote><p>  พี่จุด       คุณทราบได้อย่างไรล่ะค่ะว่าไม่หาย</p></blockquote><p>สามีผู้ป่วย    ก็จากผล X-ray ครับ  ปรากฏว่าเนื้องอกโตขึ้นมาอีก หมอชี้ให้ผมดูในฟิล์ม   หมดเงินไปเปล่า ๆถ้ากินแล้วสุขภาพดี  อาจจะใช่ครับ  แต่กินเพื่อให้โรคนี้หาย  ก็ไม่ใช่ ครับ </p><blockquote><p>ช่วงจังหวะที่สามีเล่าถึงตอนนี้  ผู้ป่วยหญิงก็มาสะกิดพี่จุดและถามว่า  พี่…พี่ คิดว่ากินเห็ดหลินจือหายมั๊ย </p></blockquote><p>พี่จุดจึงตอบว่า      ถ้าคุณกินแล้วคุณสบายใจ  พี่ก็ไม่ห้าม  แต่หากจะถามว่า  หายมั๊ย  พี่ตอบไม่ได้ค่ะ  เพราะพี่หาเอกสารที่เขาบอกว่ากินแล้วหายมาสนับสนุนหรือยืนยันว่าหายไม่ได้ค่ะ         ทั้งสามีและภรรยาฟังคำตอบแล้วต่างพยักหน้ารับ ไม่พูดว่าอะไร </p><blockquote><p>พี่จุดเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง เมื่อไม่มีใครพูดว่าอะไรพี่จุดจึงถามผู้ป่วยต่อว่า          คุณรู้สึกอย่างไรบ้างค่ะช่วงนี้  เบื่อ    ท้อแท้  หมดกำลังใจบ้างหรือเปล่าคะ</p></blockquote><p> ผู้ป่วยหญิงตอบว่า                ไม่ค่ะ  เฉย ๆ  </p><blockquote><p>พี่จุด        เพราะอะไรหรือคะ </p></blockquote><p>ผู้ป่วยตอบ       เพราะพระเจ้ากำหนดไว้แค่นั้น   ถ้าตายก็ตาย  ไม่ว่าหมอ ไม่ว่าพยาบาล  เพราะหมอและพยาบาลรักษาดีอยู่แล้ว </p><p>พี่จุดหันมาทางสามี  สามีตอบว่า     ผมรู้สึกเหนื่อยครับ  เพราะผมทำให้ภรรยาหมดเลย  ทั้งขายของ  เลี้ยงลูก  ทำงานบ้าน  ทำกับข้าว  ทำทุกอย่าง  เขาไม่ต้องทำอะไรเลย  แต่ก็ไม่เบื่อ  ไม่ท้อแท้ครับ   เพราะนึกถึงพระเจ้า  พระเจ้าให้มาอย่างนั้นก็ต้องยอมรับ</p><blockquote><p> ผู้ป่วยชายเสริมว่า                ผมไม่มีปัญหาครับ  เวลาเมียผมหงุดหงิด   ผมก็จะเดินออก  สงสารที่เขาต้องเฝ้าดูเรา  ถ้าอยู่โรงพยาบาล  เขาเบื่ออยากกลับบ้านก็ให้เขากลับ  เดี๋ยวเขาคิดถึง  เขาก็กลับมาเองครับ  หรือบางครั้งเวลาผมน้อยใจ  ผมก็จะบอกเขา  เขาก็จะไม่กลับ                    หรือถ้าเขากลับไป  พอเขาคิดได้  เย็นเขาก็กลับมาเองครับ</p></blockquote><p> พี่จุด       หากเวลาคุณมารักษาที่โรงพยาบาล  คุณต้องการให้พยาบาลดูแลคุณอย่างไรบ้างค่ะ</p><blockquote><p>สามี      คุณก็ดูแลภรรยาผมดีอยู่แล้ว  ผมไม่ต้องการอะไรแล้วครับ  หากจะหายก็หาย    ถ้าไม่หายผมก็ไม่โทษหมอหรือพยาบาลครับ </p></blockquote><p>พี่จุด        พี่ทราบว่าการละหมาดเป็นสิ่งสำคัญ  สำหรับชาวมุสลิม  จะให้พี่ดูแลผู้ป่วยเรื่องนี้อย่างไรบ้างมั้ยค่ะ </p><blockquote><p>สามี      การละหมาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวมุสลิมครับ  แต่ศาสนาไม่ได้บอกว่า  การละหมาดต้องไปมัสยิด  ผู้ป่วยที่ขยับตัวไม่ได้  ก็สามารถทำละหมาดบนเตียงไดครับ  ไม่จำเป็นต้องไปที่ห้องละหมาดเหมือนคนสบายดี </p></blockquote><p>พี่จุด      พี่จะสังเกตได้อย่างไรค่ะว่า  ผู้ป่วยกำลังละหมาดอยู่  พี่จะได้ไม่รบกวนขณะทำ ละหมาด  และหากพี่ไม่ทราบว่าเขากำลังละหมาด  ถ้าพี่เข้าไปเพื่อทำกิจกรรมการพยาบาล  พี่จะบาปหรือไม่ค่ะ </p><blockquote><p>สามี         การทำละหมาด  พี่อาจสังเกตปากผู้ป่วยก็ได้ครับ  ถ้าเขาทำปากขมุบขมิบ  แสดงว่าเขากำลังละหมาดครับ  หรือพี่ควรหลีกเลี่ยงเวลาตอนตี 5  เพราะเป็นเวลาที่เขาทำละหมาดครับ  นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้    เวลาละหมาดไม่ควรจะถูกเนื้อ  ต้องตัว   ผู้ป่วย  เขาห้ามครับ  ยกเว้นลูกและ พ่อ แม่  เท่านั้น     สามีหรือภรรยาก็ถูกไม่ได้ครับ  หากจะจับต้องตัวผู้ป่วย  ให้จับบริเวณที่มีผ้า  ไม่ควรจับตัวผู้ป่วยนะครับ       สำหรับเรื่องบาปหรือไม่นั้น  ถ้าพี่ไม่รู้ว่าเขากำลังละหมาดอยู่  พี่ไปกวนเขาก็ไม่ บาปครับ  แต่ถ้าพี่รู้ว่าเขากำลังทำละหมาด  ก็บาปครับ </p></blockquote><p>พี่จุด                        ขอสรุปประเด็นที่ได้จากบทสนทนาเพื่อดูแลผู้ป่วยในวันนี้ว่า</p><p>1.       ด้านความเชื่อ  ผู้ป่วยมุสลิมเชื่อในพระเจ้า</p><p>2.       ควรเอื้ออำนวยให้ผู้ป่วยได้ทำละหมาด ( ที่เตียงหากผู้ป่วยลุกไม่ได้ )</p><p>3.       ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมพยาบาลช่วงเวลาที่ต้องทำละหมาด เช่นเวลา 05.00 น.</p><p>4.       ไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวผู้ป่วยขณะละหมาด หากจำเป็นควรจับบริเวรที่เป็นเสื้อผ้า</p><p>5.       หากต้องสิ้นชีวิต  ผู้ป่วย/ครอบครัว ยอมรับได้ เพราะเป็นไปตามที่พระเจ้ากำหนด    </p>

คำสำคัญ (Tags): #มะเร็ง 

ความเห็น

ขจิต ฝอยทอง
เขียนเมื่อ
  • มาทักทายครับ
  •  พี่หายไปนานมากจนหลายๆคนคิดถึงครับ ดีใจที่ทำเรื่องดีๆให้คนไข้
  • ขอบคุณมากครับ
โอ๋-อโณ
เขียนเมื่อ
ขอบคุณเรื่องดีๆที่อ่านแล้วนอกจากจะได้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้นแล้ว ยังทำให้คิดอะไรได้อีกยาวเลยค่ะ พี่จุดถ่ายทอดได้ดีเยี่ยมเสมอเลย

ถึงแม้จะไม่ใช่พยาบาล แต่ก็มีประโยชน์มากค่ะ ดีใจแทนคนไข้นะคะ ถึงแม้จะต่างศาสนา แต่ก็ได้รับการปฏิบัติจากนางพยาบาลใจดี ที่ไม่แตกต่างกัน

เมตตา
เขียนเมื่อ

ขอบคุณค่ะ พี่จุดเป็นเรื่องเล่าที่ได้ครบทุกรสค่ะ…ขอบคุณแทนผู้ป่วยค่ะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย