เพื่อนช่วยเพื่อน น้องช่วยพี่ พี่ดูแลน้อง แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเมื่อเย็น ๆ ถึงค่ำของวันที่ 16 พ.ย.2548 ที่ผ่านมา ณ สถานีอนามัยลำกะ ผมรับนัดพี่เชษฐ์ และพี่ทา (หลานตาแขก) ไว้ โดยเพื่อน (พี่ทา) ช่วยเพื่อน (พี่เชษฐ์) เป็นผู้ประสานงานในการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเป็นสัปดาห์แล้ว เพื่อให้ผมได้เข้าไปช่วยคิด ช่วยวางแผนการทำประชาคมตำบลในวันที่ 21 พ.ย.2548 (ครึ่งวันบ่าย) ที่จะถึง ณ ตำบลลำสินธ์ กิ่งอ.ศรีนครินทร์
ร่างกำหนดการที่เอามาดูกันนั้น
จะเต็มเหยียดไปด้วยเนื้อหา
และมีลักษณะเป็นตารางการประชุมที่เราคุ้นเคยกันดี ในระบบราชการ
แต่ครั้งนี้เมื่อเราจะออกจากกรอบคิดเดิม
ก็ไม่น่าจะบล้อกความคิดของเวทีด้วยการกำหนดไว้ที่มองเหมือนจะชี้นำเสียเอง
ครั้งแรกเมื่อไปถึงผมตั้งใจว่าจะขอปรับเป็นการเสวนาที่ปล่อยเวทีให้เป็นอิสระ
วางกรอบเพียงกว้าง ๆ
แต่เมื่อพิจารณาจากการที่พี่เชษฐ์ได้เตรียมการไว้หลาย ๆ ส่วนแล้ว
ทำให้ต้องปรับเป็นการทำความเข้าใจ และแสวงหาทีมงานก่อน
แต่ขอแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงแรกคือวันที่ 21 พ.ย. ปรับเป็นโจทย์หลัก ๆ คือ 1) วันนี้สุขภาพของคนลำสินธ์เป็นอย่างไร ในมุมมองหมอ มุมมองแกนนำฯ และมุมมองผู้อำนวยการโรงเรียนในชุมชน และ 2) เรื่องเล่าตัวอย่างที่อื่น ๆ ที่ชาวบ้านลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพชุมชนของตนเอง 3) มอบหมายการบ้าน : แล้วเราจะทำอย่างไรกับสุขภาพของคนในชุมชนเราเอง
ช่วงที่สอง คือวันที่ชุมชนพร้อม แต่ไม่ควรเกิน 10 วันนับจากวันที่ 21 พ.ย. ไปแล้ว ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมที่จะทำความเข้าใจ แล้วระดมสมองชาวบ้านกันเลย ผมเสนอว่าน่าจะให้เป็นฝากการบ้านไว้ดีกว่า จากนั้นให้ใช้เครื่องมือคือการเดินพูดคุยกลุ่มย่อยในหมู่บ้านจากทีมนำฯ แล้วให้นำมาเล่าให้กลุ่มฟัง โดยแบ่งกลุ่มเป็นหมู่บ้าน มีทั้งหมด 9 กลุ่ม ทีมนำฯ กลุ่มละประมาณ 10 คน
พูดคุยกันจนเข้าใจ และตกลงยกร่างขึ้นเพื่อกันลืม พร้อมทั้งพี่เชษฐ์ก็ได้จดบันทึกประเด็นต่าง ๆ ไว้แล้ว ต่อไปพี่ (พี่เชษฐ์และพี่ทา) ก็ดูแลน้อง (ผม) เพราะเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว ผมชักหิว พี่ทั้งสองคนเตรียมข้าวกล่องไว้ก่อนแล้วครับ (แต่ช่วงที่รอผมเลิกงานจากสำนักงาน เขาจัดการตัวเองไปก่อนแล้ว) ผมเลยจัดการคนเดียว พี่ ๆ คอยหาน้ำและบริการเล่าเรื่องโจ๊กคลายเครียดระหว่างจัดการข้างกล่องนั้น คงเหมือน ๆ กับการไปนั่งคาเฟ่นะครับ อิ่มแล้วก็แยกย้ายกันบ้านใครบ้านมัน
ระหว่างขับรถกลับ ผมทบทวนดูแล้วว่าเมื่อช่วงเช้าแผนงาน/โครงการทั้งหมดได้รับการอนุมัติในหลักการจากคณะกรรมการบริหารโครงการ สสจ.พัทลุงแล้ว (ล่วงเข้ามาเดือนครึ่งของปีงบประมาณอีกแล้ว) ก็เห็นที่จะต้องรีบเร่งให้ จนท.ที่พร้อมจะหลุดกรอบเพื่อพบกับ 9 ยุทธการชวนคนแหกกรอบเติมนวัตกรรมใหม่ใส่องค์กร