ท่านอาจารย์พลตำรวจตรี นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ซึ่งเป็นอาจารย์หมอผ่าตัดที่เกษียณราชการจากโรงพยาบาลตำรวจเขียนเรื่อง “เคล็ดลับช่วยลดน้ำหนัก” ไว้ในหนังสือ “ผมเขียนหนังสือใช้ได้ แต่ไม่ดัง”
ท่านแนะนำว่า ยังไม่มีการลดน้ำหนักที่ได้ผลชะงัด ส่วนใหญ่ต้องอาศัยมาตรการหลายๆ อย่างทำพร้อมกันไป
สาระสำคัญมากที่ควรนำไปใช้ (practical point) ที่อาจารย์ท่านแนะนำไว้ดีมากๆ คือ การลดน้ำหนักนั้น... ไม่จำเป็นต้องลดจนผอมเหมือนหุ่นนางแบบ ขอเพียงลดให้ได้ 10 % ของต้นทุนที่มีอยู่เดิมก็ดีกับสุขภาพ และลดความเสี่ยงต่อเบาหวานด้วย
ขอนำบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้...
1. กินโยเกิร์ต
มหาวิทยาลัยเทนเนสซีวิจัยพบว่า คนที่ลดอาหารลงวันละ 500 แคลอรี่ และกินโยเกิร์ตวันละ 3 เวลา จะลดน้ำหนักลงได้ 6 กก.ภายใน 12 สัปดาห์ ลดได้มากกว่ากลุ่มที่ลดอาหารลงอย่างเดียว
2. ออกกำลังและกินแอปเปิ้ล
คนในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ 366 คนใช้วิธีออกกำลังกาย กินอาหารสมดุล(อาหารครบทุกหมู่) และกินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผลทุกมื้อเย็น ลดน้ำหนักได้เฉลี่ยคนละ 7.73 กก.ใน 3 เดือน
คนที่นั่นบอกว่า แอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารมาก ทำให้อิ่ม
3. สั่งอาหารจานเล็ก
มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนาแนะนำว่า ปัจจุบันภัตตาคารทำอาหารจานหลักใหญ่ขึ้นถึง 25 % แม้แต่เครื่องดื่มก็ใช้แก้วใหญ่ขึ้น
ถ้าไปกินข้าวนอกบ้าน อย่ากินให้หมด หรืออาจจะสั่งอาหารจานเล็กแทน เน้นพวกพืชผักแทนอาหารจานใหญ่
4. ดื่มน้ำมากๆ
บ่อยครั้งที่คนเราเข้าใจผิดคิดว่าหิวข้าว จริงๆ แล้วไม่ใช่หิวข้าว แต่เป็นความรู้สึกหิวน้ำ ถ้าต้องการลดน้ำหนักให้ลองกินน้ำดูก่อนว่า หายหิวหรือไม่ ถ้ากินน้ำเข้าไปมากแล้วไม่หายหิวค่อยกินข้าว ถ้าเบื่อน้ำเปล่าก็ลองบีบน้ำมะนาวผสม เพื่อให้รสชาดดีขึ้น
5. ยืนแทนนั่ง
คนเราจะเผาผลาญพลังงาน 100 แคลอรี่ต่อชั่วโมงเวลานั่ง และ 140 แคลอรี่ต่อชั่วโมงเวลายืน ถ้ายืนทำงานเพิ่มขึ้นวันละ 2 ชั่วโมงจะทำให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.73 กก.
6. นอนให้พอ
วารสารการแพทย์แลนเซทรายงานว่า ถ้านอนให้พอจะลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น การนอนหลับๆ ตื่นๆ จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติโซน หรือฮอร์โมนตอบสนองต่อความเครียด ทำให้หิวเร็วและกินจุ นอกจากนั้นการอดนอนยังทำให้ร่างกายใช้แป้งและน้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานน้อยลง ทำให้เกิดการสะสมไขมันเพิ่มขึ้น
คำแนะนำ:
น้ำผลไม้:
หลังดื่มน้ำผลไม้ เช่น มะนาว ฯลฯ ควรรีบบ้วนปาก แล้วรอประมาณ 15 นาทีก่อนแปรงฟัน เนื่องจากน้ำผลไม้มีส่วนทำให้เคลือบฟันอ่อนลงชั่วคราว
ถ้าแปรงฟันทันที ใช้แปรงสีฟันขนแข็ง หรือแปรงแรงจะทำให้เสี่ยงต่อภาวะเคลือบฟันสึก ซึ่งอาจทำให้เสียวฟัน หรือฟันผุได้ง่าย ควรใช้แปรงขนอ่อน และแปรงเบาๆ ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
ปัจจัยเสี่ยงต่อเส้นเลือดดำขอดที่ขา:
ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดดำขอดที่ขาได้แก่ พันธุกรรม ฮอร์โมนเพศหญิงผิดปกติ การตั้งครรภ์ และอาชีพ
อาชีพที่ต้องยืนนานๆ เสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป 3-4 เท่า วิธีทำให้ความเสี่ยงลดลงได้แก่ ควรเดินสลับยืนแทนการยืนนานๆ ขยับขาไปมาบ่อยๆ ในท่ายืน หรือเดินออกกำลังกายแทนการยืน
โยเกิร์ต:
โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวเมืองไทยใส่น้ำตาลมาก ควรเลือกชนิดไขมันต่ำ (low fat) หรือชนิดไม่มีไขมัน (nonfat) ไม่ควรกินเกินวันละ 1 ถ้วย หรือเลือกชนิดไม่ใส่น้ำตาล (plain yoghurt) แทน
วิธีเลือกโยเกิร์ตควรดูฉลากอาหารด้านข้าง เลือกชนิดที่มีไขมันน้อย ไขมันอิ่มตัวน้อย และน้ำตาลน้อยไว้ก่อน ควรกินต่างยี่ห้อกันบ้าง เพื่อให้ลำไส้ใหญ่มีเชื้อท้องถิ่นหลายชนิด
แหล่งที่มา:
ไม่มีความเห็น