มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ รองจากมะเร็งปอดซึ่งพบเป็นอันดับหนึ่ง
ปัจจุบันมีการศึกษาทดลองใช้วิตะมินอี และเซเลเนียมว่า จะป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้หรือไม่ ซึ่งคงจะทราบผลการวิจัยได้ในปีพ.ศ. 2556
เว็บไซต์ของมาโยคลินิก ซึ่งเป็นสถาบันที่รักษา วิจัย และเผยแพร่ความรู้เรื่องมะเร็งในสหรัฐฯ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากที่สำคัญได้แก่...
1. อายุ:
มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งของคนสูงอายุ พบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังอายุ 50 ปี และไม่ค่อยพบก่อนอายุ 50 ปี
2. เชื้อชาติ:
ชาวอาฟริกันอเมริกัน(ผิวดำ)มีความเสี่ยงมากกว่าคนผิวขาว เราคนไทยเห็นนักกีฬานิโกรแล้วอาจจะนึกว่า คนนิโกรแข็งแรง
ทว่า...สถิติอเมริกันพบว่า นิโกรมีโรคเรื้อรัง เช่น ความดันเลือดสูง มะเร็ง ฯลฯ มากกว่าฝรั่งผิวขาว
มีผู้สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะบรรพบุรุษของนิโกรอยู่ในทวีปที่มีความอดอยากมายาวนาน
ร่างกายจึงเก็บสะสมสารอาหารได้มาก เช่น สะสมไขมันทำให้อ้วนง่าย สะสมเกลือทำให้ความดันเลือดสูงง่าย ฯลฯ
คนไทยที่ผิวคล้ำหน่อยไม่ต้องตกใจนะครับ ผิวคล้ำแบบไทยป้องกันอันตรายจากแสงแดด(ยูวี)ได้บ้าง ยังไม่พบว่า มีความเสี่ยงต่อมะเร็งชนิดนี้เพิ่มขึ้นอย่างนิโกร
3. พันธุกรรม:
ถ้ามีญาติสายตรง เช่น พ่อ พี่ชาย ฯลฯ เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
4. ไขมัน
จากการศึกษาพบว่า มะเร็งต่อมลูกหมากพบเพิ่มขึ้นในประเทศที่กินอาหารมีไขมันสูง
นอกจากนั้นอัตราตายยังแปรตามปริมาณพลังงาน(แคลอรี่)ในอาหาร กินมากตายเร็วหน่อย กินน้อยตายช้าหน่อย
5. ปลาทะเล:
มีรายงานการศึกษาหนึ่งพบว่า คนที่กินปลาทะเลที่มีไขมันมาก เช่น ปลาแซลมอน แฮริ่ง แมคเคอเรล ฯลฯ ปานกลางถึงมากเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่กินปลาทะเลน้อย 2-3 เท่า
6. พืชตระกูลถั่ว:
พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ฯลฯ มีฮอร์โมนพืช(ไฟโตเอสโตรเจน)น่าจะมีส่วนทำให้มะเร็งชนิดนี้ลดลงในกลุ่มประเทศอาเซียน
7. พืชผักสีแดง:
เม็ดสีแดงแรงฤทธิ์หรือไลโคพีน (lycopene) ในพืชผักสีแดง เช่น มะเขือเทศ เกรพฟรุตสีชมพู แตงโม ฯลฯ น่าจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลง
ไม่ควรกินสารสกัดเป็นเม็ด เนื่องจากการออกฤทธิ์ของสารพลังพืชน่าจะเป็นผลจากการทำงานร่วมกัน (synergy) ของพฤกษเภสัชหรือสมุนไพรหลายชนิด ไม่ใช่สารเคมีเพียงตัวเดียว
ยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบว่า สารสกัดเม็ดมีประสิทธิผลจริง ยกเว้นบริษัทขายยารวยจริงๆ
คำแนะนำ:
อาจารย์เมโยคลินิกแนะนำวิธีป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากดังต่อไปนี้...
1. กินพืชผักมากขึ้น:
กินพืชผัก(ข้าวกล้อง ถั่ว งา ผัก และผลไม้)ให้มากขึ้น แนะนำให้กินถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ ฯลฯ
พืชผักสีแดง เช่น แตงโม มะเขือเทศ ฯลฯ และปลาทะเลเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นฝรั่งให้กินขนมปังโฮลวีตหรือขนมปังที่มีรำปนอยู่แทนข้าวกล้อง
2. กินไขมันให้น้อยลง:
กินไขมันให้น้อยลง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันสัตว์ น้ำมันปาล์ม กะทิ ฯลฯ ให้น้อยลง
ถ้าเป็นสัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ฯลฯ ควรลอกส่วนหนังทิ้งไปเสีย ไม่ควรกินเนื้อมากเกิน เนื่องจากเนื้อทุกชนิดมีไขมันแทรกอยู่ภายใน แม้เป็นเนื้อแดงก็ยังมีไขมันอิ่มตัว
3. ควบคุมน้ำหนัก:
ควบคุมน้ำหนักด้วยการไม่กินมากเกิน โดยเฉพาะอาหารหวานมัน กินพืชผัก(ข้าวกล้อง ถั่ว งา ผัก และผลไม้ไม่หวานจัด)ให้มากขึ้น และออกกำลังกาย
การกินพืชผักนั้น...สิ่งแรกที่ควรเปลี่ยนคือ ให้เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง เนื่องจากเป็นแหล่งเส้นใยมากกว่าเส้นใยในผักและผลไม้ นอกจากนั้นยังมีวิตะมิน เกลือแร่ และสมุนไพรอีกหลายชนิด(ผู้เขียน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตะมินบีหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้สมองและเซลล์ประสาทเสื่อม
4. ลดเค็ม:
กินเค็มให้น้อยลง เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคความดันเลือดสูง ซึ่งจะทำให้สุขภาพส่วนรวมแย่ลง
คนแข็งแรงมีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนอ่อนแอ(ไม่ว่าจะกายหรือใจ)
5. ไม่ดื่ม:
ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ มากเกิน คนไทยไม่ควรดื่มเลย เพราะแทบไม่มีใครรู้จักเลยว่า เหล้ามีความพอดีอยู่ตรงไหน
แอลกอฮอล์ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิด นอกจากนั้นคนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อการขาดอาหาร ทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลง และทำให้สุขภาพส่วนรวมแย่ลง
ถึงตรงนี้... เรียนเชิญท่านผู้อ่านกินมะเขือเทศเป็นประจำ จะเป็นต้ม ผัด ทอด หรือซอสมะเขือเทศ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ทั้งนั้นครับ...
รวมเรื่อง "ปลา"...
แหล่งที่มา:
ขอบคุณคุณหมอที่เอาความรู้สุขภาพมาให้ จะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ป้องกันไว้ก่อน ขอบคุณครับ
ขอขอบพระคุณอาจารย์บางทรายและท่านผู้อ่านทุกท่าน...
การป้องกันโรคมีส่วนช่วยชาติประหยัดค่ารักษาพยาบาลได้มาก และช่วยประหยัด "ชีวิต" ทำให้เรามีโอกาสใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
ขอขอบคุณ...