โรคฟันผุ
การเกิดโรคฟันผุ มาจากปัจจัย 4 ประการ ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน ได้แก่
1. แผ่นคราบจุลินทรีย์
2. อาหารประเภทแป้งน้ำตาล
3. ตัวฟัน
4. เวลา
โดยแบคทีเรียที่มีอยู่ตามปกติในช่องปากจะทำปฏิกิริยากับคราบ (Plaque) ที่ติดค้างอยู่ตามซอกฟัน และผิวเคลือบฟัน ซึ่งเราขจัดออกไปได้ไม่หมด เกิดเป็นกรดขึ้น ซึ่งกรดสามารถทำลายผิวเคลือบฟัน ก่อให้เกิดโรคฟันผุขึ้นได้
อาการของโรคฟันผุ
การผุของฟันจะแบ่งออกเป็นระยะ ดังนี้
1. จะเริ่มขึ้นที่ชั้นผิวเคลือบฟันก่อน โดยจะเห็นเป็นจุดดำเล็ก ๆ หรือเป็นเส้นดำตามร่องฟันด้านบดเคี้ยว หรือเนื้อฟันมีสีขาวขุ่นผิดปกติ ระยะนี้มักไม่พบอาการเสียวฟันหรือปวดฟันแต่อย่างใด ซึ่งการทำความสะอาดฟันที่ดี สามารถชลอการลุกลามของโรคฟันผุได้
2.หากเราปล่อยไว้ไม่ดูแล ฟันผุลุกลามไปถึงขั้นเนื้อฟัน จะมีอาการเสียวฟันเมื่อเคี้ยวอาหาร หรือเมื่อกระทบของเย็น ระระนี้เราสามารถไปพบทันตแพทย์เพื่ออุดฟันได้
3.หากเรายังปล่อยทิ้งไว้จนฟันผุลุกลามไปถึงขั้นโพรงประสาทฟัน ซึ่งมีเส้นเลือดและเส้นประสาท จะทำให้อาการปวดรุนแรงมากขึ้น อาจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับก็มี แม้ได้รับยาแก้ปวด บางครั้งก็อาจไม่ทุเลาอาการปวดได้ แลถ้าผุลุกลามมากอาจทำให้รากฟันอักเสบและเป็นหนอง เงือกบวม หรือแก้มบวมได้ ซึ่งระยะนี้ไม่สามารถอุดฟันด้วยวิธีปกติทั่วไปได้ ต้องรักษาครองรากฟัน ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เวลารักษานาน และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย บางครั้งอาจต้องสูยเสียฟัน เพราะไม่สามารถเก็บรักษาฟันซี่นั้นไว้ได้
การป้องกัน
โรคฟันผุ เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาและป้องกันได้โดยวิธีการกินยา เมื่อมีฟันผุก็ต้องรักษาด้วยการอุดฟัน หรือถอนฟันเท่านั้น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคฟันผุเรามีวิธีปฏิบัติได้ด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ ดังนี้
1. รักษาสุขภาพอนามัยช่องปากให้สะอาดด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน ควรแหรงฟันหลังรับประทานอาหารเสร็จทุกครั้ง หรือถ้าทำได้ไม่สะดวก ก็ใช้วิธีบ้วนน้ำแรง ๆ หลาย ๆ ครั้ง
2. รับประทานอาหารที่ดี และมีประโยชน์ต่อฟัน เช่น อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารที่ส่งเสริมให้ฟันผุได้ง่าย
3. ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันทุก ๆ 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละครั้ง
4. ใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และทำให้ฟันแข็งแรง ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ร่วมกับการรับประทานยาน้ำ/ยาเม็ดฟลูออไรด์ (ในเด็ก) การอมน้ำยาฟลูออไรด์ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ อิอิ
อาการเสียวฟัน
อาการเสียวฟันเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ,มีคราบหินปูนอยู่เยอะ, ฟันสึก, เหงือกร่น.โรคเหงือก ฯลฯ ทั้งนี้อาการสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เสียวฟันเมื่อดื่มน้ำเย็นจัด, เสียวฟันเมื่อรับประทานของหวานๆ แต่ถ้าอาการเหล่านี้เกิดในระยะสั้นๆ หรือนานๆ ครั้ง ก็เป็นเรื่องปกติของร่างกายครับ ไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ แต่อย่างใดแต่ถ้าเมื่อใดเกิดการเสียวฟันอย่างผิดปกติ หรือเสียวทุกครั้งที่ดื่มน้ำร้อน, น้ำเย็น, รับประทานของหวาน , ขณะเคี้ยวอาหารทุกครั้ง แล้วก็เป็นนานไม่ยอมหายหรือไม่ยอมทุเลาขึ้น ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการ เสียวฟันนั้นและทำการรักษาหรือกำจัดสาเหตุ นั้นๆให้หมดไป
การรักษาอาการเสียวฟันจะรักษาตามสาเหตุที่ทำให้ เสียวฟันนั้นๆ ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้ตรวจ อาจจะต้องตรวจหลายๆอย่างรวมถึงการถ่ายถ่าพรังสีที่ตัวฟัน เพราะการเสียวฟันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุมาก หรือบางครั้งมีมากกว่า 1 สาเหตุร่วมกัน ตัวอย่างการรักษา เช่น อุดฟันที่ผุหรือสึก, ขูดหินปูน, การแก้ไขการสบฟัน การรักษารากฟัน ฯลฯ แต่ถ้าเป็นภาวะเสียวฟันที่เป็นภาวะปกติของร่างกายเรา อย่างที่กล่าวข้างต้น ทันตแพทย์ก็ไม่สามารถจะกำจัดให้หายได้ครับ