คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ประชุมนัดแรกในปี 2550 เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาได้ให้ความเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ
1. ระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ พ.ศ. 2549 สรุปได้ดังนี้1) ให้ข้าราชการที่ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับข้าราชการที่ปฏิบัติราชการตามปกติ โดยรับเงินเดือนจากต้นสังกัด และหากหน่วยงานอื่นจ่ายสิทธิประโยชน์มากกว่า ก็ให้
รับจากหน่วยงานอื่นเฉพาะส่วนต่างนั้น โดยไม่ให้เบิกซ้ำซ้อน
2) ผู้บังคับบัญชาอาจสั่งให้ข้าราชการผู้สมัครใจไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นเพื่อพัฒนาให้มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งนี้ ต้องมีความสอดคล้องกับภารกิจ ทิศทางการทำงานตลอดจนความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ
ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับภารกิจในอนาคตของส่วนราชการตามแผนพัฒนาที่ประกาศไว้ และต้องพิจารณาถึงอัตรากำลังที่อยู่ ไม่ให้เสียหายและต้องไม่ตั้งอัตรากำลังเพิ่ม
3) ส่วนราชการต้องจัดหาหน่วยงานที่มีจุดแข็งในองค์ความรู้และมีแผนรองรับเมื่อข้าราชการกลับจากการไปปฏิบัติงานในหน่วยงานอื่น
4) กรณีสั่งให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นนานกว่า 6 เดือน หรือต้องการออกค่าใช้จ่ายในการไปปฏิบัติงานเกินกว่า 50,000 บาท ให้ส่วนราชการจัดทำสัญญาและร่วมกันประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการ ตามข้อตกลง
2. ระบบการสรรหาและเลือกสรรตามหลักสมรรถนะ โดยที่ระบบการสรรหาและเลือกสรรในปัจจุบันประสบปัญหาผู้มีสมรรถนะสูงสนใจเข้ารับราชการน้อย สำนักงาน ก.พ. จึงเสนอยุทธศาสตร์การสรรหาและเลือกสรรบุคคลเข้ารับราชการเชิงรุก เพื่อให้ข้าราชการมีความภูมิใจในศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ และระบบราชการเป็น Employer of Choice ของผู้ที่มีสมรรถนะสูงโดยการเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามา มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้พร้อมจัดทำฐานข้อมูลผู้ประสงค์สมัครเข้ารับราชการ โดยสำนักงาน ก.พ. จะเป็นผู้นำการ "เปิดตลาด" ด้วยการจัดทำเว็บไซต์กลางเพื่อเป็นจุดนัดพบระหว่างส่วนราชการและบุคคลที่ต้องการเข้ารับราชการ เป็น "พี่เลี้ยงและเพื่อนร่วมทางมืออาชีพ" และประสานกับสถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพ เพื่อจัดทำเครื่องมือทดสอบสมรรถนะที่ได้มาตรฐาน
ขณะเดียวกัน สำนักงาน ก.พ. จะสร้างทางเลือกของค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่มีแนวโน้มพิจารณาค่าตอบแทนเป็นอันดับแรกในการเลือกสมัครงานโดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ ต้องมีการสร้างแรงจูงใจและทางก้าวหน้าในการทำงาน และควรพิจารณาปรับปรุงมาตรฐานการกำหนดตำแหน่งเฉพาะสาขาที่เป็นความต้องการอย่างแท้จริง
มติชน (คอลัมน์ข้าราษฎร) : 12 ม.ค. 50ไม่มีความเห็น