สรุปสารคดี ไม่มีคนขับรถ: No Ride Home: Unsolved Mysteries (Netflix) Season 1 EP 4
การเสียชีวิตของ อลอนโซ บรูคส์ (Alonzo Brooks) ในปี 2004 ถือเป็นหนึ่งในกรณีที่ยังคงมีความลึกลับและข้อสงสัยมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกนำมาเปิดเผยในสารคดีชุด Unsolved Mysteries คดีปริศนา ฤดูกาลที่ 1 ตอนที่ 4 ไม่มีคนขับรถไปส่งบ้าน No Ride Home
ดูคลิปรีวิวที่นี่
#งานปาร์ตี้
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากค่ำคืนที่ดูเหมือนจะเป็นการสังสรรค์ธรรมดาในงานปาร์ตี้ แต่กลับกลายเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสูญเสียของครอบครัวและคนที่รักและการค้นหาความจริงที่ยังคงไม่สามารถตอบคำถามได้จนถึงทุกวันนี้
อลอนโซ บรูคส์ เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1980 ในเมือง โทพีกา รัฐ แคนซัส เขาเป็นลูกคนหนึ่งในบรรดาพี่น้องหลายคนของครอบครัวที่มีเชื้อสายผสมระหว่างแอฟริกันอเมริกันและเม็กซิกัน อลอนโซ เป็นคนที่มีนิสัยเงียบ ๆ และเป็นมิตร เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่ค่อยมีปัญหากับใคร ในขณะนั้น เขาทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุง และใช้เวลาว่างในการเล่นกีฬาและสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เขามีอายุ 24 ปี
ในค่ำคืนของวันที่ 3 เมษายน 2004 อลอนโซ ได้รับการชักชวนจากเพื่อน 2 คน ของเขาให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ในเมือง เมืองลาซิญ รัฐ แคนซัส ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ห่างจากบ้านของเขาราว 50 ไมล์ งานปาร์ตี้นี้จัดขึ้นที่บ้านกลางทุ่งห่างจากชุมชนของ แต่อลอนโซไม่รู้จักใครในงานนอกจากเพื่อนที่มาด้วยเพียงไม่กี่คน
เมื่อถึงที่งาน อลอนโซ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันในงานนั้น แต่ถึงแม้จะรู้สึกแปลกแยก เขาก็ยังพยายามสนุกกับงานตามที่ควรจะเป็น ในงานมีเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นเล็กน้อยมีการทะเลาะวิวาท แต่ก็สามารถจัดการไปได้
ในช่วงกลางคืนของปาร์ตี้ เพื่อนบางคนที่มาด้วยกันกับ อลอนโซ ได้เริ่มทยอยกลับไปก่อน เนื่องจาก เมืองลาซิญ อยู่ไกลจากบ้านของพวกเขา หนึ่งในเพื่อนของเขาที่ชื่อว่า จัสติน เพียงแค่บอกว่าเขาจะไปส่งเพื่อนอีกคนและจะกลับมารับ อลอนโซ ทีหลัง แต่กลับไม่ได้กลับมารับตามที่ตกลงไว้ แต่ก่อนจะไป 2 คนออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกแต่บุหรี่หมดอลอนโซ จึงฝากให้จัสตินซื้อบุหรี่เข้ามาขากลับด้วย แต่การที่จัสตินไม่กลับมารับ เขาได้รายงานกับสื่อว่าเขาขับรถหลงทาง เพราะบ้านที่จัดงานนั้นอยู่ห่างถนนหลัก และระหว่างที่เขากำลังกลับรถนั้นรถเขาก็ติดหล่ม แล้วอยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
อลอนโซจึงถูกทิ้งให้อยู่ในงานปาร์ตี้คนเดียว ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นเขาอีกเลย
#การค้นหา
เมื่อ อลอนโซ ไม่ได้กลับบ้านในวันถัดมา คือวันที่ 5 เมษายน 2004 ครอบครัวของเขาจึงเริ่มกังวลและเริ่มทำการค้นหา เริ่มจากโทรศัพท์ไปที่กลุ่มเพื่อนที่ชวนกันไปงานปาร์ตี โทรไปหาญาติพี่น้อง แล้วก็ช่วยพากันเริ่มค้นหา โดยเริ่มจากบ้านไร่ที่จัดงานปาร์ตี้ก่อน เพื่อของอลอนโซคนหนึ่ง พบรองเท้าและหมวกของอลอนโซ ตกบริเวณข้างถนนที่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่อลอนโซจะถอดรองเท้าออกในขณะเดินกลับ ก็ก่อนหน้านี้เขามีอาการเจ็บเท้าที่เกิดจากการเล่นบาสเกตบอล ต่อให้เมาแค่ไหนเดินกลับออกมาบนถนนก็ไม่น่าจะถอดรองเท้าทิ้งเอาไว้ และที่สำคัญหมวกกับรองเท้าก็ถูกพบในพื้นที่ห่างกันออกไประยะหนึ่งไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกัน
จากนั้นพวกเขาได้รายงานการหายตัวไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น หน่วยค้นหาจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นนักประดาน้ำ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สถานีตำรวจท้องถิ่น หรือแม้ตำรวจสอบสวนกลางอย่าง FBI และ หน่วยงาน ( Kansas Bureau of Investigation - KBI) สำนักงานสอบสวนคดีของรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา มีหน้าที่หลักในการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในรัฐแคนซัส โดยเฉพาะคดีที่ซับซ้อนและต้องการการสอบสวนที่ละเอียด
เจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วนก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้น รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ต่างเข้าร่วมในการค้นหา เดินค้นบริเวณทั่วที่เกิดเหตุขยายวงกว้างออกไปหลายกิโล เดินลงไปในลำคลอง ในส่วนที่ลึกที่สุด 3 ฟุตหรือเดินตามแนวลำธารทั่วทั้ง 2 ฝั่งก็ไม่พบ เรียกได้ว่าค้นหาทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว แต่การค้นหาในช่วงแรกกลับไม่พบร่องรอยใดๆ ของอลอนโซ แม้จะใช้เวลาหลายสัปดาห์ก็ตาม
#ในที่สุดก็หาเจอ
ผ่านไป 27 วันจากการหายตัวไปของงอลอนโซ หลังจากการค้นหาจากเจ้าหน้าที่ไม่ประสบผลสำเร็จและหลังจากที่ครอบครัวคะยั้นคะยอขอมีส่วนร่วมตามหามานานหลายวัน เจ้าหน้าที่ของรัฐก็อนุญาตให้ครอบครัวของงอลอนโซ ออกตามหาเองได้
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2004 หลังจากการค้นหาจากเจ้าหน้าที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ครอบครัวได้ออกค้นหาบริเวณใกล้ลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่จัดปาร์ตี้ และในที่สุดพวกเขาก็พบร่างของอลอนโซ อยู่ในตลิ่งลำธารนี้ สภาพศพถูกพบสวมเสื้อผ้า ร่างอยู่สภาพที่เริ่มเน่าเปื่อยและถูกสัตว์กัดกินแล้ว พร้อมกระเป๋าสตางค์ เงิน และสิ่งของของเขาที่ยังอยู่ครบ
แต่ปริศนาที่สำคัญตามมาก็คือ เพราะเหตุใดร่างของอลอนโซจึงถูกพบในบริเวณใกล้ ๆ นี้หลังจากที่หายตัวไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน โดยที่ครอบครัวของอลอนโซยังคงตั้งคำถามว่าทำไมหน่วยค้นหาที่ใช้กำลังคนมากมาย ในช่วงแรกไม่สามารถพบร่างของเขาได้
หลังจากพบศพของ อลอนโซ การชันสูตรศพก็ถูกดำเนินการทันที ซึ่งการตรวจพิสูจน์ตามนิติวิทยาศาสตร์นั้นค่อนข้างเป็นได้ยากเนื่องจากร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว แทบจะไม่สามารถระบุช่วงเวลาของการเสียชีวิตได้อย่างแน่นอนด้วย
#การชันสูตร
สิ่งที่แพทย์จะตรวจพบก็คือไม่พบร่องรอยของการถูกแทงด้วยของมีคมจนเป็นเหตุทำให้เกิดเสียชีวิต หรือแม้ร่องรอยการแตกหักของกระดูกที่บ่งบอกว่าถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงนั้นก็ไม่พบ
ผลการชันสูตรก็ไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน แต่พบเพียงแค่ร่องรอยบริเวณรอบคอที่พอจะสันนิษฐานให้ว่าน่าจะเสียชีวิตจากการถูกรัดคอและทำให้ขาดอากาศ อย่างไรก็ตามผลการชันสูตรที่คลุมเครือนี้ทำให้ครอบครัวสงสัย เนื่องจากร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ต้องเจอกับความสับสนและความเจ็บปวดที่ยิ่งเพิ่มขึ้น
ครอบครัวเริ่มตั้งคำถามว่าถ้าหากอลอนโซ ถูกสังหารแล้วก็ถูกนำร่างไปทิ้งไว้ในลำธารจริง แต่ทำไมสิ่งของที่อยู่ในตัวของอลอนโซ จริงแทบไม่มีร่องรอยการเปียกน้ำเลย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์หนังที่ยังแห้งอยู่ ธนบัตรที่ยังคงอยู่ในสภาพปกติ บัตรเช่าวีดีโอที่เป็นกระดาษก็ยังแห้งอยู่ เป็นต้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าอลอนโซ อาจจะไม่ได้เสียชีวิตในวันที่ 4 เมษายนปี 2004 หรืออาจจะเสียชีวิตแล้วนำร่างไปไว้ที่อื่นก่อน แล้วค่อยนำมาวางไว้ในที่นี้ในภายหลังก็เป็นได้
#การสันนิษฐาน
แม้ว่าผลการชันสูตรจะไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ แต่การสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่รัฐหรือแม้กระทั่งผลการสันนิษฐานของชาวเน็ตที่มีอยู่อย่างหลากหลายนั้น ความเป็นไปได้ว่าการเสียชีวิตของเขา เนื่องจากร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว อาจเกี่ยวข้องกับการถูกทำร้ายที่เกิดขึ้นในงานปาร์ตี้ โดยผู้ชายหลายคนที่รุมทำร้ายเขา จากนั้นอาจถูกบังคับให้เดินไปในทางลำธาร และเขาก็ไปเสียชีวิตลงอยู่บริเวณริมตลิ่ง หรือมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกนำร่างไปไว้ที่อื่นก่อนนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น จนเมื่อการค้นหาครั้งใหญ่ผ่านไปก็นำร่างมาทิ้งไว้บริเวณที่พบก็เป็นได้ ส่วนคนที่ทำร้ายร่างกายก็อาจจะเป็นกลุ่มคนขาวในงานที่คลั่งเรื่องการเหยียดผิวและเชื้อชาติ หรืออลอนโซ อาจจะไปเดินสะดุดกับชาวแก๊งหรือพวกค้ายาก็เป็นได้
ในปี 2019 ผ่านไป 15 ปี สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ อลอนโซ บรูคส์ ได้ถูกนำกลับมาสอบสวนใหม่โดยหน่วยงานเคบีไอ (KBI) ได้ทำการขุดคุ้ยข้อเท็จจริงและหลักฐานใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้อง
จากนั้นหน่วยงานเคบีไอได้ประกาศในที่สุดว่าการเสียชีวิตของ อลอนโซ บรูคส์ ในปี 2004 นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นผลจากการฆาตกรรม และยังได้ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การเสียชีวิตของเขาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางเชื้อชาติ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานหาตัวลงคนผิดมาลงโทษได้ จึงจะเป็นจะต้องปิดคดีนี้ไปในที่สุด
#บทส่งท้าย
แม้ว่าการเสียชีวิตของ อลอนโซ บรูคส์ จะได้รับการยืนยันว่าเป็นการฆาตกรรม แต่จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครถูกจับกุมหรือถูกตั้งข้อหาฐานการฆาตกรรมของเขา ความลึกลับนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องการการไขกระจ่าง และทำให้ครอบครัวของเขายังคงต้องรอคอยความยุติธรรม
การเล่าเรื่องราวของ อลอนโซ บรูคส์ ในสารคดี Unsolved Mysteries ไม่เพียงแต่เปิดเผยถึงความเจ็บปวดและความยากลำบากที่ครอบครัวของเขาต้องเผชิญ แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นที่สังคมต้องให้ความสำคัญกับการสอบสวนคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางเชื้อชาติอย่างจริงจังและไม่ละเลย
และที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกคบเพื่อนที่ดี อย่างในคดีนี้ เพื่อนที่ชักชวนอลอนโซ บรูคส์ ไปร่วมงานปาร์ตี้ในพื้นที่ห่างไกลแต่กลับทิ้งเข้าไว้อย่างโดดเดี่ยว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนไม่มีรถกลับ เพื่อนแต่ละคนนั้นล้วนปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด ทำได้แต่แสดงความเสียใจและพูดเพียงแต่ว่าถ้าหากอยู่ด้วยในวันนั้นจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ความสำคัญก็คือทั้งสองคนที่เป็นเพื่อนไปด้วยกันไม่อยู่น่ะสิ ต่างคนต่างกลับมาแบบไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ ปล่อยให้เพื่อนที่เป็นชาวผิวดำแอฟริกันอยู่ในกลุ่มของคนขาวที่มีนิสัยเหยียดเชื้อชาติเพียงลำพัง จากนั้นก็ทิ้งความโศกเศร้าเสียใจไว้กับแม่และญาติ ๆ อลอนโซ บรูคส์เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นเอง
@วาทิน ศานติ์ สันติ
#SuperReviewChannel
#ไม่มีคนขับรถUnsolvedMysteries
#NoRideHomeUnsolvedMysteries
#สรุปสารคดีUnsolvedMysteriesNetflix
ไม่มีความเห็น