ภาพเขียนสีประตูผา นครลำปาง กับวงจรปฏิสัมพันธ์ทางความหมายฐานพหุปัญญาในพหุลักษณ์ภูมิถิ่นสังคม ของสังคมไทยและสองฟากมหาสมุทรโลกแดนใต้

สร้างเสริมการฟื้นฟูศิลปวิทยา จารึกสิ่งแสดงอุปลักษณ์พหุปัญญา มากกว่าภาพเขียนสี การพลวัตบูรณาการ พหุลักษณ์ภูมิวิทยาการ มุขปาฐะ อรรถาธิบายวิธีรายบริบทหลากหลาย จารจารึกและภูมิวิทยาการลายลักษณ์ วิวัฒน์สังคมหยั่งสะท้อนฐานเดิมสู่สุขภาวะมูลฐานในเงื่อนไขแวดล้อมใหม่ของโลก อย่างไม่หยุดนิ่ง

                  ปัจจัยคนและพหุลักษณ์ชุมชนแห่งปัญญาปฏิบัติ เป็นทั้งเป้าหมายและปัจจัยแห่งการบรรลุผลการพัฒนาที่มั่นคงยั่งยืนของสังคม ที่สำคัญที่สุด การพัฒนาการเรียนรู้เสริมพลังปัญญาปฏิบัติให้ขั้วการสะท้อนยึดโยงในทิศทางต่างกันหลากหลาย สามารถปฏิสัมพันธ์เชิงความหมาย ก่อเกิดพหุลักษณ์ปัญญา มีองค์ประกอบการเรียนรู้ ที่หยั่งสะท้อนกับฐานชีวิต เกื้อหนุนกำลังปัญญาปฏิบัติด้วยอิสรภาพความงอกงามในตน ผสานสอดคล้องกับภูมิชีวิตตามยุคสมัยการวิวัฒน์ของสังคม สามารถบรรลุเป้าหมายและครอบคลุมสุขภาวะมูลฐานคุณภาพแห่งชีวิต กระจายตัวความงอกงามและเป็นฐานการวิวัฒน์พหุลักษณ์สังคม ยกระดับภาวะส่วนรวมด้วยชุดคุณค่าและชุดความหมายร่วมสร้างการสะท้อนยึดโยงกัน ให้ทัดเทียมกับเงื่อนไขแวดล้อมความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่างๆอยู่เสมอ เหล่านี้ จะเป็นหนทางการวิวัฒน์ตนเองของสังคมให้ครอบคลุมความจำเป็นที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายด้าน ด้วยกระบวนการสร้างคนและสร้างระบบเสริมพลังปัญญาปฏิบัติแก่หมู่ชนพลเมืองประชากร ให้ลดแรงกระทบและเป็นอิสระจากสิ่งลดทอนศักยภาพแห่งการพึ่งตนเองได้ของมนุษย์ ได้อย่างเหมาะสม 

                แหล่งพลวัตสุขภาวะมูลฐานในพหุลักษณ์สังคม มีระบบจรรโลงสร้างสุขภาวะนิเวศความงอกงาม ด้วยวงจรการวิวัฒน์พหุปัญญา ยึดโยงกับธรรมชาติและสัจจการแห่งภูมิชีวิต ผืนดิน ถิ่นฐาน อิงอาศัยวงจรมีชีวิตในสภาพจริงรายบริบทสถานการณ์ของสังคม การเห็นบทบาทโดยธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการบรรลุจุดหมายสูงสุดได้ด้วยปัญญาปฏิบัติของมนุษย์ ผสานยึดโยงเชิงระบบอย่างรอบด้าน จะก่อเกิดชุดมโนทัศน์อิงคนและอิงภาวะปัญญาปฏิบัติรายบริบท รวมทั้งก่อเกิดการผสานถักทอระบบปฏิสัมพันธ์ทางความหมาย ถ่ายทอดพลวัตความงอกงามพหุปัญญา เกิดข่ายการวิวัฒน์เชื่อมโยงเสริมพลังการบรรลุผลแห่งการพัฒนาตนรายบริบท รายภูมิถิ่น สะท้อนสร้างระบบส่วนบน และสร้างวิถีพลวัตเชิงระบบส่วนบน ให้ส่งผลต่อความสำเร็จงอกงามปลายทางแก่สุขภาวะสังคมและประชาชนพลเมืองบนความแตกต่างหลากหลายในองค์ประกอบที่จำเป็นต่อสุขภาวะมูลฐานคุณภาพแห่งชีวิต ได้ดีกว่าระบบรวมศูนย์ตั้งรับและระบบคอยกำกับการกระจายตัวจากศูนย์กลางด้วยวิธีคิดแบบสูตรสำเร็จ วิธีสร้างพลวัตปัญญาปฏิบัติให้ยึดโยงกับวงจรในธรรมชาติความงอกงามในภูมิชีวิตของสังคม บนพื้นฐานศักยภาพปัญญาปฏิบัติและปฏิสัมพันธ์เชิงความหมายในตนให้มากที่สุดของมนุษย์ มีวงจรเสื่อมสลาย ประกอบสร้างชั่วคราว ใช้ทรัพยากรและสร้างแรงกระทบเบียดเบียนน้อยที่สุด แต่บูรณาการเชื่อมโยงภูมิชีวิตและวิวัฒน์ไปกับจักรวาลแห่งภูมิปัญญาร่วมกันของมนุษย์ อย่างกว้างขวาง ลึกซึ้ง แยบคาย ก่อเกิดศานติภาวะร่วมกันอย่างดีที่สุด เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีทั้งต่อสังคมที่ไม่มั่งคั่งร่ำรวยแต่มีความสามารถเสริมสร้างคนและสร้างพลวัตปัญญาปฏิบัติโดยไม่ต้องรอให้มั่งคั่งร่ำรวยก่อน และสังคมที่พัฒนามาก่อนหน้าแต่ไม่สามารถนำสังคมให้ผ่านวิกฤติปัญหาความจำเป็นที่กระจายไปกับรายได้ทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าต่างๆอย่างปราศจาการร่วมสร้างความหมายขึ้นมาจากปัญญาปฏิบัติตนเองของมนุษย์ไม่ได้

                สิ่งแสดงปัญญาปฏิบัติต่อการรู้ภูมิชีวิตและรู้ภูมิถิ่นเบื้องหลังศานติภาวะและสุขภาวะพหุลักษณ์สังคม ของโลกแดนใต้และของพหุลักษณ์สังคมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสิ่งที่งดงามและมีคุณค่ามากที่สุดอย่างหนึ่งของสังคมโลกและในอารยธรรมของมนุษย์โฮโมซาเปียน แต่ระบบการเข้าถึงภูมิชีวิตด้วยขนบวิทยาการลายลักษณ์จากอารยธรรมต่างๆของโลก โดยเฉพาะในยุควิทยาการและเทคโนโลยียุคอุตสาหกรรมของสังคมโลกในระยะ 1000 ปีที่กำลังผ่านไป กับระบบภูมิปัญญาอิงอยู่กับภูมิชีวิต ถิ่นฐาน ของสังคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีกเป็นจำนวนมากในทุกภูมิภาคของโลก อยู่ในวงจรการวิวัฒน์ตนเองทางปัญญาปฏิบัติของมนุษย์ ไม่อยู่ในวัฒนธรรมวิทยาการลายลักษณ์ แต่อยู่ในระบบปฏิสัมพันธ์ทางความหมายรูปแบบอื่นอย่างผสานยึดโยงกับภูมิชีวิตและภูมิถิ่น อีกทั้งมีอยู่เป็นจำนวนมากที่มีวิวัฒนาการและฐานรากการยึดโยงระบบสังคมเก่าแก่ ดั้งเดิม สืบเนื่องยาวนาน เป็นที่ต้องการของสังคมโลก และขาดหายไปจากวงจรการวิวัฒน์ตนเองของวิทยาการลายลักษณ์สมัยใหม่ของสังคม การเข้าถึงพหุปัญญา เสริมกำลังความสว่างทางปัญญาความรู้ ด้วยพหุลักษณ์ข้อมูล พหุวิทยาการ ในวงจรปัญญาปฏิบัติก่อนวิทยาการลายลักษณ์ ในระบบปฏิสัมพันธ์ส่งผ่านและเปิดรับความหมาย สร้างสารัตถะสนทนาอรรถาธิบาย สร้างสัณฐานอุปลักษณ์ สร้างพลวัตปัญญามุขปาฐะในเงื่อนไขและบริบทแวดล้อมที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จะเป็นหนทางหนึ่งในการเข้าถึงภูมิวิทยาการก้าวหน้า หยั่งสะท้อนฐานเดิมแท้และมีกำลังสร้างความงอกงามด้วยศักยภาพในตนของสังคมด้วยเงื่อนไขแวดล้อมอย่างใหม่ เอื้อต่อการสร้างโอกาสใหม่ๆจากภูมิชีวิตและภูมิปัญญาพหุลักษณ์ข้อมูลซึ่งในอดีตจะทำได้ยาก ภาพเขียนสีและการเห็นระบบการยึดโยงกันของสังคม ทั้งที่สลายหายไปและยังต้องการระดมศึกษาอีกรอบด้านในวิวัฒนาการสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ ให้เห็นภูมิชีวิต ไปจนถึงเห็นประเด็นคิดต่ออนาคตการพัฒนาอีกยาวไกล จากสิ่งที่ยังแสดงผลเชิงประจักษ์ จะเป็นทางหนึ่งของการได้สินทรัพย์แผ่นดิน อันมีคุณค่ามากมายของโลกทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะมากกว่าภาพเขียนสี 

                ผมเดินทางไปชมภาพเขียนสีประตูผาและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประตูผา ณ ประตูผา จังหวัดลำปาง อีกครั้ง หลังจากที่เคยไปชมทดลองวาดภาพจำลองปัญญาปฏิบัติพหุลักษณ์ข้อมูล เห็นสามารถเห็น รู้สึก และอ่านศึกษาค้นคว้าในหลายเรื่อง หลายรอบ ทุกครั้งก็มักจะได้เห็นสิ่งปรากฏยืนยันตามประเด็นคิด การทดลองคาดการณ์ และทบทวนให้ข้อสมมุติฐานก่อนหน้าเพื่อการสังเกตบางองค์ประกอบที่พอจะมีข้อมูล ที่ลองพัฒนาหลักการวิเคราะห์พหุลักษณ์ข้อมูลและการศึกษาประพันธศิลป์ บูรณาการพหุปัญญาของวิทยาการก่อนลายลักษณ์และพหุวิทยาการลายลักษณ์ของความก้าวหน้าในโลกยุคใหม่ เหล่านี้ อยู่เสมอ ทำให้ยิ่งนำไปสู่การอ่านสำรวจ การวิเคราะห์ทบทวน ทั้งแผ่ขยายออกไปและก่อเกิดประเด็นความลึกซึ้ง 

               รวมทั้งเห็นมิติความสัมพันธ์สอดคล้องกัน เมื่อได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลพิจารณาตรวจสอบ ก็พบว่ามีอยู่จริง ซึ่งทำให้เห็นสิ่งใหม่และแง่มุมใหม่หลายอย่าง รวมทั้งเห็นระเบียงทรรศน์ภูมิศาสตร์ศิลปกรรมหัตถศิลป์อีกมิติหนึ่งที่สำคัญของโลกผ่านภาพเขียนสี และเห็นประเด็นแนวคิดการประมวลภาพด้วยชุดมโนทัศน์อย่างใหม่ต่อความเข้าใจศานติภาวะและสุขภาวะสังคมโลกแห่งความแตกต่างหลากหลาย จากข้อมูล งานวิจัย และผลการศึกษาก่อนหน้า ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ ซึ่งขอวาดภาพเชิงสังเคราะห์สรุปบทเรียน พัฒนาเป็นเครื่องมือสารัตถสังเคราะห์ศิลป์ สร้างแผนที่แสดงตัวอย่างโครงสร้างวิเคราะห์เนื้อหาและการประมวลสารัตถะจักรวาลภูมิพหุปัญญาของโลกในภาพเขียนสี บันทึกรายงานและจัดแสดงไว้เป็นเบื้องต้นก่อน

               นอกจากไปเยือนชมและศึกษาด้วยตนเองแล้ว ผมได้ขอเข้าไปชมและศึกษาข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์แหล่งขุดค้นทางโบราณคดีประตูผาในค่ายฝึกการรบพิเศษประตูผา กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 3 (ร้อย.ฝรพ.3) กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งได้กรุณาอำนวยความสะดวก เปิดพิพิธภัณฑ์ ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุ และห้องนิทรรศการ 

               รวมทั้งได้มอบหมายให้นายทหารผู้เป็นวิทยากรบรรยายนำชมและเป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ พาชม บรรยาย ร่วมแลกเปลี่ยนทรรศนะทางวิชาการ สะท้อนข้อสังเกต แนะนำนักวิจัยและแหล่งผู้รู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคเหนือ ในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์มากต่อการศึกษาค้นคว้า ด้วยความประทับใจและซาบซึ้งใจยิ่ง เนื่องจากผมไปตามแรงสะดุดใจของข้อมูล ดุ่มเดินไปคนเดียวแล้วขอเข้าชมด้วยการเดินสนทนาบอกกล่าวเอา แต่ทางทหารคงเห็นเป็นผู้อาวุโสสูงวัยแล้ว มีความตั้งใจ และมีข้อมูลศึกษาไปก่อนซึ่งบอกถึงความสนใจจริง แม้มีเพียงคนเดียว ก็จัดนำชม บรรยาย ให้อย่างครบถ้วนเต็มที่ อีกทั้งแจ้งว่า หลังจากชมพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็จะพาผมเดินไปตามเส้นทางที่จัดเป็นแหล่งนิยมของประชาชนในการท่องเที่ยวทัศนศึกษา ไปจนถึงแห่งภาพเขียนสีโบราณประตูผา แต่ผมได้บอกว่าผมไปชมและเดินสำรวจมาเรียบร้อยแล้ว เลยใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์อย่างเต็มที่ อนุญาตการถ่ายภาพ ยืดหยุ่นเวลาให้ตามความสนใจ 

               มีทหารคอยติดตามช่วยถ่ายภาพ ดูแลความสะดวก ถามไถ่สนทนากันไปตามอัธยาศัยตลอดเวลา เป็นทีมสื่อบุคคล ปฏิสัมพันธ์และเป็นแหล่งพหุปัญญาจัดความสัมพันธ์กับสาธารณชน อย่างเป็นตัวแทนการสื่อสารองค์กร ซึ่งจะเป็นปัจจัยเบื้องหลังการเกิดผลสัมฤทธิ์ สร้างการผูกพันกับสังคมด้วยกระบวนการปัญญาปฏิบัติ และเพิ่มพูนประสิทธิภาพเชิงระบบ จากความสามารถสื่อปฏิสัมพันธ์อย่างมีคุณค่าและมีความหมายจำเพาะรายกรณีสถานการณ์ได้ของทุกคนในองค์กร ต้องขอชื่นชม

               จากนั้น ก็มีเวลาพอที่จะออกไปสำรวจชุมชนบ้านท่าสี ยืนสดับภูมิศาสตร์ชุมชน และอาณาบริเวณพื้นที่รอบประตูผา ดูแนวลำน้ำ แนวเขา ลักษณะการก่อเกิดสัณฐานการวางตัวถิ่นฐานบ้านเรือน โรงเรียน แหล่งสาธารณะวัดท่าสี สนทนากับมัคนายก ผู้เฒ่าผู้แก่ท้องถิ่น ได้ไปยืนดู เพ่งพิจารณา อ่าน สดับฟังสรรพสิ่ง สื่อสัมผัสธรรมชาติอาณาบริเวณโดยรอบ สดับฟังข้อมูล สนทนาแลกเปลี่ยนแนวคิด ถ่ายภาพ วาดภาพในใจ แล้วกลับไปอ่านหนังสือหลายอย่างใหม่ เกิดประเด็นคิดและประเด็นการศึกษาค้นคว้าในชุดมโนทัศน์ระดับบูรณาการเชื่อมโยงอย่างใหม่ในอีกระดับหนึ่ง จากชุดข้อมูลต่างสาระเนื้อหา ต่างพรมแดนวิทยาการ ต่างมิติการรับรู้ ซึ่งหลายอย่างที่จะไม่สามารถเจอได้ด้วยการสืบค้นอนุกรมเนื้อหาในแหล่งข้อมูลชั้นต้น เช่น ข้อมูลจากหลักศิลาจารึกต่างๆ และข้อมูลจากมากมายหลายแหล่งที่มีการศึกษาไว้ดีแล้วทั้งของไทยและต่างประเทศ แต่เมื่อเริ่มต้นจากภาพเขียนสีและองค์ประกอบทุกสิ่งที่ปรากฏ โดยมีแนวคิดเชิงบูรณาการและเป็นองค์รวมต่อการสะท้อนยึดโยงกันและกันเชิงระบบรอบด้านของสังคม มาสู่การสร้างสารัตถะประพันธศิลป์และระบบภาพอุปลักษณ์ ประกอบกันขึ้นเป็นภาพเขียนสี ก็กลับสามารถเห็นได้จริงดังคาดจากการศึกษาค้นคว้าในอีกพรมแดนเนื้อหาอย่างอื่นที่เหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน

               เหมือนมีแผนที่นำทางการสำรวจภูมิสังคม สำรวจประเด็นความหมายยึดโยงกับฐานชีวิตและภูมิชีวิตสังคม นำไปสู่การเห็นประเด็นคิดให้สำรวจประมวลภาพ สร้างการสนทนาอรรถาธิบายรายบริบท หรือสดับและสร้างปัญญาความรู้ในชุดมโนทัศน์ใหม่ๆ พลวัตความงอกงามขึ้นจากฐานชีวิตและภูมิถิ่นสังคม เห็นความสามารถก่อเกิดวงจรการพลวัตทางปัญญานำการสร้างสังคม ที่หยั่งฐานลึกและยกระดับขั้วประเด็นการยึดโยง ให้ทัดเทียมกับพหุลักษณ์สังคมและรองรับการมีส่วนนำปัญญาปฏิบัติตนเองจากความแตกต่างหลากหลาย หลายชนชั้น หลายชนเผ่า หลายกลุ่มชาติพันธุ์ หลายขั้วอำนาจการนำและกำกับปกครอง หลายคลื่นการปะทะกัน มีกิจกรรมเศรษฐกิจสังคม สงครามการต่อสู้ การปฏิสัมพันธ์ จากแหล่งการมีพลังอำนาจในตนหลายระดับ นับแต่พื้นถิ่นไปจนถึงพหุลักษณ์ทางอำนาจของโลกยุคโบราณ ซึ่งภูมิศาสตร์ความสัมพันธ์พหุมิติสังคมดังกล่าว กำกับไว้ด้วย ‘ประตูผา’ ระหว่างถิ่นแดนคั่นสองมหาสมุทรของโลก มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก และท่ามกลางกำแพงแห่งขุนเขาและภูผาหนาแน่นของพื้นถิ่นกว้างใหญ่ของโลกแดนใต้ ในยุคสมัยที่ชวาโบราณเมื่อ 1000-3000 ปีก่อน มีความเกรียงไกร ชำนาญการสงครามและติดต่อค้าขายทางเรือ เป็นแผ่นดินพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งร่วมกับหลายอาณาจักรโบราณในสุวรรณภูมิ และยุคสมัยทวารวดี ศรีวิชัย 

                 มีพลังแห่งการสังเคราะห์สร้างประพันธศิลป์ จัดองค์ประกอบกับระบบธรรมชาติ รากฐานภูมิชีวิต และสิ่งแสดงที่มั่นคงยั่งยืนไปกับโลกและสังคมมนุษยชาติ ให้สามารถเห็นเค้าโครงอุปลักษณ์และระบบส่งผ่านสารัตถะเนื้อหา เชื่อมโยงองค์ประกอบนามธรรมและถ่ายทอดสื่อสารสร้างพลวัตปัญญาหมู่ร่วมกันได้ยาก แสดงให้ปรากฏและสร้างประสบการณ์เชิงประจักษ์ร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ เห็นหมุดหมายสาระสำคัญและประเด็นแนวคิดร่วมในระดับหนึ่ง ได้ด้วยภาพเขียนสีและองค์ประกอบจัดวางศิลปกรรมหัตถศิลป์ ให้หยั่งสะท้อนสู่มวลพหุปัญญาการวิวัฒน์ในภูมิชีวิต จัดระบบประมวลความหมาย ประเมินชั่งน้ำหนัก ตรวจสอบกาลเทศะชุดมโนทัศน์ความหมายอิงบริบทจากทุกฐานชีวิต ให้ถ่ายทอดสู่วงจรบูรณาการสื่อสาร สรรสนทนา ปฏิสัมพันธ์ด้วยปัญญาปฏิบัติ อ่าน สดับ อรรถาธิบาย สร้างการไหลเวียนวิวัฒน์ความงอกงามในปัญญาปฏิบัติของสังคม  ยืดหยุ่นต่อการมีชีวิตของวงจรมุขปาฐะชุมชนพหุปัญญา และเข้าสู่อรรถธิบายวิธีเป็นรายบริบทหลากหลาย ส่องสะท้อน บูรณาการ ผสานยึดโยงกันและกัน ไปได้ทั่วจักรวาลแห่งพหุปัญญา พหุวิทยาการ พหุลักษณ์สังคม ตลอดจนสายธารพลวัตและวิวัฒนาการสืบเนื่องในกาลเวลาของสังคม ทั่วถึงกันทั้งโลก ให้สะท้อนลงสู่สิ่งแสดงสัจจการ เม็ดสี เม็ดทราย ผืนดิน ผืนฟ้า ภูผา จากภาพเขียนสีบนภูผาของประตูผา นครลำปาง

                เมื่อนำมาวิเคราะห์ สำรวจประเด็นแนวคิดในบริบทหลากหลาย ก็เห็นประตูผา และเห็น ‘ทวารวดี’ ซึ่งในแง่หนึ่งนั้น ก็มีงความหมายว่าเมืองและภูมิถิ่นอันมีองค์ประกอบเป็นประตูกำกับการส่งผ่านเข้าออกระหว่างพหุลักษณ์มณฑลและผสานยึดโยงปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของพรมแดนความแตกต่างหลากหลายจากฐานถิ่นโลกแดนใต้ อีกมากมาย นำไปสู่การนำเอาหลายอย่างกลับมาศึกษาทบทวน อ่าน สำรวจ รวมทั้งนำไปสู่การได้ศึกษาค้นคว้า ตรวจสอบวิธีศึกษาแกนบูรณาการของการวิเคราะห์พหุลักษณ์ข้อมูล และอีกหลายประการ รวมทั้งได้ความเบิกบานสำราญใจแก่ตนเอง.