โมรชาดก


นกยูงทองโพธิสัตว์เมื่อจะผูกมนต์เพื่อรักษาป้องกันตัวก่อนออกหากิน และเมื่อกลับที่พักในเวลาเย็น

โมรชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๙. โมรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๑๕๙)

ว่าด้วยนกยูง

             (นกยูงทองโพธิสัตว์เมื่อจะผูกมนต์เพื่อรักษาป้องกันตัวก่อนออกหากิน ได้กล่าวคาถานี้ว่า)

             [๑๗] ดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่างอย่างเอก กำลังอุทัยทอแสงเรืองรองสว่างไปทั่วปฐพี เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอน้อมไหว้พระอาทิตย์นั้น ซึ่งทอแสงเรืองรองสว่างไปทั่วปฐพี วันนี้ ข้าพเจ้าได้ท่านคุ้มครองแล้ว พึงอยู่เป็นสุขตลอดวัน พราหมณ์เหล่าใดถึงฝั่งแห่งพระเวทในธรรมทั้งมวล ขอพราหมณ์เหล่านั้นจงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้า และขอจงคุ้มครองข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิญาณของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้หลุดพ้นแล้ว และวิมุตติธรรมของพระพุทธเจ้าผู้หลุดพ้นแล้วเหล่านั้น นกยูงนั้นเจริญพระปริตรนี้แล้วจึงเที่ยวแสวงหาอาหาร

             (นกยูงทองนั้น เมื่อกลับที่พักในเวลาเย็น ได้กล่าวคาถานี้ว่า)

             [๑๘] ดวงตาของโลกนี้ เป็นเจ้าแห่งแสงสว่างอย่างเอก ทอแสงเรืองรองสว่างไปทั่วปฐพี อัสดงคตแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอน้อมไหว้พระอาทิตย์นั้น ซึ่งทอแสงเรืองรองสว่างไปทั่วปฐพี วันนี้ ข้าพเจ้าได้ท่านคุ้มครองแล้ว พึงอยู่เป็นสุขตลอดคืน พราหมณ์เหล่าใดถึงฝั่งแห่งพระเวทในธรรมทั้งมวล ขอพราหมณ์เหล่านั้นจงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้า และขอจงคุ้มครองข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิญาณของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้หลุดพ้นแล้ว และวิมุตติธรรมแห่งพระพุทธเจ้าผู้หลุดพ้นแล้วเหล่านั้น นกยูงนั้นเจริญพระปริตรนี้แล้วจึงอยู่ในที่อยู่ของตน

โมรชาดกที่ ๙ จบ

------------------------------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติม นำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

โมรชาดก

ว่าด้วย นกยูงเจริญพระปริตต์

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้กระสัน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ภิกษุทั้งหลายนำภิกษุนั้นไปเฝ้าพระศาสดา เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า เธอกระสันจริงหรือ. ภิกษุกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า. เมื่อตรัสถามว่า เธอเห็นอะไรจึงกระสัน. กราบทูลว่า เห็นมาตุคามคนหนึ่งซึ่งประดับตกแต่งกาย.
               พระศาสดารับสั่งกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่ามาตุคาม ทำไมจักไม่รบกวนจิตคนเช่นเธอ แม้บัณฑิตแต่ก่อน พอได้ยินเสียงมาตุคาม กิเลสที่สงบมาเจ็ดร้อยปีได้โอกาสยังกำเริบได้ทันที สัตว์ทั้งหลายแม้บริสุทธิ์ ยังเศร้าหมองได้. แม้สัตว์ผู้เปี่ยมด้วยยศสูง ยังถึงความพินาศได้. จะกล่าวไปทำไมถึงสัตว์ผู้ไม่บริสุทธิ์ แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดนกยูง ในเวลาเป็นฟอง มีกระเปาะฟองคล้ายสีดอกกรรณิการ์ตูม ครั้นเจาะกระเปาะฟองออกมาแล้ว มีสีดุจทองคำ น่าดู น่าเลื่อมใส มีสายแดงพาดในระหว่างปีก.
               นกยูงนั้นคอยระวังชีวิตของตน อาศัยอยู่ ณ พื้นที่เขาทัณฑกหิรัญแห่งหนึ่ง ใกล้แนวเขาที่สี่เลยแนวเขาที่สามไป. ตอนสว่าง นกยูงทองจับอยู่บนยอดเขา มองดูพระอาทิตย์กำลังขึ้น เมื่อจะผูกมนต์อันประเสริฐ เพื่อรักษาป้องกันตัว ณ ภูมิภาคที่หาอาหาร จึงกล่าวคาถาเป็นต้นว่า 
               พระอาทิตย์นี้เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่างอย่างเอกกำลังอุทัยขึ้นมา ทอแสงอร่ามสว่างไปทั่วปฐพี เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น ซึ่งทอแสงอร่ามสว่างไปทั่วปฐพี ข้าพเจ้าอันท่านช่วยคุ้มกันแล้วในวันนี้ พึงอยู่เป็นสุขตลอดวัน.

               พระโพธิสัตว์ ครั้นนอบน้อมพระอาทิตย์ด้วยคาถานี้อย่างนี้แล้ว จึงนมัสการพระพุทธเจ้าซึ่งเสด็จปรินิพพานไปแล้วในอดีต และพระคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยคาถาที่สองว่า :-
               พราหมณ์เหล่าใด ผู้ถึงฝั่งแห่งเวทในธรรมทั้งปวง ขอพราหมณ์เหล่านั้น จงรับความนอบน้อมของข้าพเจ้า และขอจงคุ้มครองข้าพเจ้าด้วย.
               ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอนอบน้อมแด่พระโพธิญาณ ขอนอบน้อมแด่ผู้หลุดพ้นแล้ว ขอนอบน้อมแด่วิมุติธรรมของท่านผู้หลุดพ้นแล้ว.
               นกยูงนั้นเจริญพระปริตรนี้แล้ว จึงเที่ยวไปแสวงหาอาหาร.
               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นกยูงนั้น ครั้นเจริญปริตรนี้ คือการป้องกันนี้แล้ว จึงเที่ยวไปแสวงหาอาหารนานาชนิด เพื่อต้องการดอกไม้ ผลไม้เป็นต้น ในที่หาอาหารของตน.
               นกยูง ครั้นเที่ยวไปตลอดวันอย่างนี้แล้ว ตอนเย็นก็จับอยู่บนยอดเขามองดูดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังตก ระลึกถึงพระพุทธคุณ. เมื่อจะผูกมนต์อันประเสริฐอีก เพื่อรักษาคุ้มกันในที่อยู่
               จึงกล่าวคำมี ความว่า :-
               ดวงอาทิตย์นี้เป็นดวงตาของโลก เป็นเจ้าแห่งแสงสว่างอย่างเอก มีสีทองส่องแสงสว่าง ไปทั่วปฐพีแล้วอัสดงคตไป เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจักขอนอบน้อมดวงอาทิตย์นั้น ซึ่งมีสีทองส่องแสงสว่างไปทั่วปฐพี ข้าพเจ้าอันท่านคุ้มครองแล้วในวันนี้ พึงอยู่เป็นสุขตลอดคืน.
               พราหมณ์เหล่าใด ผู้ถึงฝั่งแห่งเวท ในธรรมทั้งปวง ขอพราหมณ์เหล่านั้น จงรับและจงคุ้มครองข้าพเจ้าด้วย
               ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย แด่พระโพธิญาณ แด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว แด่วิมุติธรรมของท่าน ผู้หลุดพ้นแล้ว
               นกยูงนั้น ครั้นเจริญพระปริตรนี้แล้ว จึงพักอยู่.

               นกยูงนั้น ครั้นเจริญพระปริตร คือการป้องกันนี้แล้ว จึงพักอยู่ ณ ที่อยู่นั้น. ด้วยอานุภาพแห่งพระปริตรนี้ นกยูงมิได้มีความกลัว ความสยดสยอง ตลอดคืนตลอดวัน.
               ลำดับนั้น พรานชาวบ้านเนสาทคนหนึ่ง อยู่ไม่ไกลกรุงพาราณสีท่องเที่ยวไปในหิมวันตประเทศ เห็นนกยูงโพธิสัตว์จับอยู่บนยอดเขาทัณฑกหิรัญ จึงกลับมาบอกลูก.
               อยู่มาวันหนึ่ง พระนางเขมาพระเทวีของพระเจ้ากรุงพาราณสี ทรงสุบินเห็นนกยูงสีทองแสดงธรรม ขณะตื่นพระบรรทมได้กราบทูลสุบินแด่พระราชาว่า ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ หม่อมฉันประสงค์จะฟังธรรมของนกยูงสีทอง เพคะ. พระราชาจึงมีพระดำรัสถามพวกอำมาตย์. พวกอำมาตย์กราบทูลว่า พวกพราหมณ์คงจะทราบ พ่ะย่ะค่ะ.
               พราหมณ์ทั้งหลายสดับพระราชปุจฉาแล้ว จึงพากันกราบทูลว่า ขอเดชะ นกยูงสีทองมีอยู่แน่ พระเจ้าข้า.
               พระราชาตรัสถามว่า มีอยู่ที่ไหนเล่า. จึงกราบทูลว่า พวกพรานจักทราบ พระเจ้าข้า. พระราชารับสั่งให้ประชุมพวกพราน แล้วตรัสถาม. ครั้นแล้วบุตรพรานคนนั้นก็กราบทูลว่า ขอเดชะ ข้าแต่มหาราช นกยูงสีทองมีอยู่จริง อาศัยอยู่ ณ ทัณฑกบรรพต พระเจ้าข้า.
               พระราชารับสั่งว่า ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงไปจับนกยูงนั้นมา อย่าให้ตาย.
               พรานจึงเอาบ่วงไปดักไว้ที่ ณ ที่นกยูงหาอาหาร. แม้ในสถานที่ที่นกยูงเหยียบ บ่วงก็หาได้กล้ำกรายเข้าไปไม่. พรานไม่สามารถจับนกยูงได้ ท่องเที่ยวอยู่ถึงเจ็ดปี ได้ถึงแก่กรรมลง ณ ที่นั้นเอง.
               แม้พระนางเขมาราชเทวี เมื่อไม่ได้สมพระประสงค์ก็สิ้นพระชนม์. พระราชาทรงกริ้วว่า พระเทวีได้สิ้นพระชนม์ลงเพราะอาศัยนกยูง จึงให้จารึกอักษรไว้ในแผ่นทองว่า
               ในหิมวันตประเทศ มีภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อทัณฑกบรรพต นกยูงสีทองตัวหนึ่งอาศัยอยู่ ณ ที่นั้น ผู้ได้กินเนื้อของมัน ผู้นั้นจะไม่แก่ไม่ตาย จะมีอายุยืน แล้วเก็บแผ่นทองไว้ในหีบทอง.
               ครั้นพระราชาสวรรคตแล้ว พระราชาองค์อื่นครองราชสมบัติ ทรงอ่านข้อความในสุพรรณบัฎ มีพระประสงค์จะไม่แก่ไม่ตาย จึงทรงส่งพรานคนอื่นไปให้เที่ยวแสวงหา.
               แม้พรานนั้นไปถึงที่นั้นแล้ว ก็ไม่สามารถจะจับพระโพธิสัตว์ได้ ได้ตายไปในที่นั้นเอง. โดยทำนองนี้ พระราชาสวรรคตไปหกชั่วพระองค์.
               ครั้นถึงองค์ที่เจ็ดครองราชสมบัติ จึงทรงส่งพรานคนหนึ่งไป. พรานนั้นไปถึงแล้ว ก็รู้ถึงภาวะที่บ่วงมิได้กล้ำกราย แม้ในที่ที่นกยูงโพธิสัตว์เหยียบ และการที่นกยูงโพธิสัตว์เจริญพระปริตรป้องกันตนก่อนแล้ว จึงบินไปหาอาหาร จึงขึ้นไปยังปัจจันตชนบท. จับนางนกยูงได้ตัวหนึ่ง ฝึกให้รู้จักฟ้อนด้วยเสียงปรบมือ และให้รู้จักขันด้วยเสียงดีดนิ้ว.
               ครั้นฝึกนางนกยูงจนชำนาญดีแล้ว จึงพามันไป. เมื่อนกยูงทองยังไม่เจริญพระปริตร ปักโคนบ่วงดักไว้ในเวลาเช้า ทำสัญญาณให้นางนกยูงขัน. นกยูงทองได้ยินเสียงมาตุคาม ซึ่งเป็นข้าศึกแล้ว. ก็เร่าร้อนด้วยกิเลส ไม่อาจเจริญพระปริตรได้ จึงบินโผไปติดบ่วง. พรานจึงจับนกยูงทองไปถวาย พระเจ้าพาราณสี. พระราชาทอดพระเนตรเห็นรูปสมบัติของนกยูงทอง ก็ทรงพอพระทัยพระราชทานที่ให้จับ.
               นกยูงทองโพธิสัตว์จับอยู่เหนือคอนที่เขาจัดแต่งให้ จึงทูลถามว่า ข้าแต่มหาราช เพราะเหตุไร จึงมีรับสั่งให้จับข้าพเจ้า.
               พระราชาตรัสว่า ข่าวว่า ผู้ใดกินเนื้อเจ้า ผู้นั้นจะไม่แก่ไม่ตาย. ข้าพเจ้าต้องการกินเนื้อเจ้า จะได้ไม่แก่ไม่ตายบ้าง จึงให้จับเจ้ามา.
               นกยูงทองทูลว่า ข้าแต่มหาราช คนทั้งหลายกินเนื้อข้าพเจ้าจะไม่แก่ไม่ตาย ก็ช่างเถิด แต่ข้าพเจ้าจักตายหรือ.
               รับสั่งว่า จริง เจ้าต้องตาย.
               กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เมื่อข้าพเจ้าต้องตาย ผู้ที่กินเนื้อข้าพเจ้าแล้ว ทำอย่างไรจึงไม่ตายเล่า.
               รับสั่งว่า เจ้ามีตัวเป็นสีทอง เพราะฉะนั้น มีข่าวว่า ผู้ที่กินเนื้อเจ้าแล้ว จักไม่แก่ไม่ตาย.
               กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพเจ้ามีสีทอง เพราะไม่มีเหตุหามิได้. เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ในนครนี้แหละ ทั้งตนเองก็รักษาศีลห้า แม้ชนทั้งหลายทั่วจักรวาฬก็ให้รักษาศีล ข้าพเจ้าสิ้นชีพแล้วก็ไปบังเกิดในภพดาวดึงส์ ดำรงอยู่ในภพนั้นจนตลอดอายุ จุติจากนั้นแล้ว จึงมาเกิดในกำเนิดนกยูง เพราะผลแห่งอกุศลกรรมอื่น. อีกอย่างหนึ่ง แต่ตัวมีสีทอง ก็ด้วยอานุภาพศีลห้าที่รักษาอยู่ก่อน.
               รับสั่งถามว่า เจ้าพูดว่า เจ้าเป็นเจ้าจักรพรรดิ์รักษาศีลห้า ตัวมีสีเป็นทอง เพราะผลของศีล. ข้อนี้ ข้าพเจ้าจะเชื่อได้อย่างไร มีใครเป็นพยาน.
               กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช มี.
               รับสั่งถามว่า ใครเล่า.
               กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช เมื่อครั้งเป็นเจ้าจักรพรรดิ์ ข้าพเจ้านั่งรถสำเร็จด้วยแก้วเจ็ดประการ เที่ยวไปในอากาศ รถของข้าพเจ้านั้นจมอยู่ ภายใต้ภาคพื้นสระมงคลโบกขรณี โปรดให้ยกรถนั้นขึ้นจากสระมงคลโบกขรณีเถิด รถนั้นจักเป็นพยานของข้าพเจ้า.
               พระราชารับสั่งว่า ดีละ. แล้วให้วิดน้ำออกจากสระโบกขรณี ยกรถขึ้นได้ จึงทรงเชื่อคำของพระโพธิสัตว์.
               พระโพธิสัตว์แสดงธรรมถวายพระราชาว่า ข้าแต่มหาราช ธรรมที่ปรุงแต่งทั้งหมด ที่เหลือนอกจาก พระอมตมหานิพพานแล้ว ชื่อว่าไม่เที่ยง มีความสิ้นและความเสื่อมเป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่มี ดังนี้ แล้วให้พระราชาดำรงอยู่ในศีลห้า.
               พระราชาทรงเลื่อมใส บูชาพระโพธิสัตว์ด้วยราชสมบัติ ได้ทรงกระทำสักการะเป็นอันมาก.
               นกยูงทองถวายราชสมบัติคืนแด่พระราชา พักอยู่ ๒-๓ วัน จึงถวายโอวาทว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงทรงไม่ประมาทเถิด แล้วบินขึ้นอากาศไปยังภูเขาทัณฑกหิรัญ.
               ฝ่ายพระราชาดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์แล้ว ทรงบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น เสด็จไปตามยถากรรม.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ประชุมชาดก.
               เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันตั้งอยู่ในพระอรหัต.
               พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในบัดนี้.
               ส่วนนกยูงทองได้เป็น เราตถาคต นี้แล.

               ---------------------------------     

 

คำสำคัญ (Tags): #นกยูงทอง
หมายเลขบันทึก: 717627เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2024 04:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม 2024 04:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท