๓. รอบรั้วแหล่งเรียนรู้


ภาพเชิงประจักษ์ในวันนี้ สร้างความแปลกใหม่ภายในใจของครูหนึ่ง รู้สึกตื่นตะลึงกับแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ภายในรั้วของบ้านเล็กในป่าใหญ่แห่งนี้ ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมนำความรู้ ช่วยปูพื้นฐานไปสู่ทักษะชีวิต แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

          อากาศยามบ่าย ร้อนอบอ่้าวอยู่พักใหญ่ แสงแดดที่เจิดจ้า กลับมืดมัวสลัวลาง เหมือนจะใกล้ค่ำ เมฆฝนมืดทะมึนปกคลุมไปทั่วชุมชนบ้านหนองผือ  ราวครึ่งชั่วโมง ฝนก็เทลงมาอย่างรวดเร็วทันใจ ตกหนักและนานพอที่จะได้น้ำกักเก็บไว้ในสระของโรงเรียน

          น้ำฝนไหลนองบนถนนลาดยางหน้าอาคาร ไหลประดังจนล้นเข้ามาในบริเวณพื้นทางเดินหน้าห้องเรียน ฝนจากชายคาของอาคารเรียนก็ตกลงมาเหมือนช่วยซ้ำให้น้ำฝนเจิ่งนองเป็นแอ่งน้ำ ก่อนที่จะไหลเอื่อยเฉื่อยเข้าสุมทุมพุ่มไม้

          ครูหนึ่งนั่งมองดูสายฝนเหมือนจะซึมซับเอาไอเย็นเข้าไปในร่างกายให้สดชื่น กลิ่นดินที่คลุ้งไปทั่วไม่ทำให้ครูหนึ่งรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด ่ความเป็นธรรมชาติที่สัมผัสได้ในยามที่ฝนตกหนักเช่นนี้ ทำให้ครูหนึ่งรู้สึกเหมือนมีพลังและมีเรี่ยวแรงที่จะเรียนรู้และสู้งานมากขึ้น

          ฝนซาเม็ด นักเรียนเริ่มเดินออกจากห้องเรียน เพื่อมาขออนุญาติครูเข้าห้องน้ำ ครูหนึ่งพยักหน้าแต่สายตายังคงจับจ้องมองไกลผ่านละอองฝนไปยังอาคารออมสิน ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามฟุตบอล อาคารสีชมพูดูโดดเด่นเป็นสง่ายิ่งนัก แต่ครูหนึ่งก็ยังไม่เคยเดินไปเที่ยวชมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

          วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันที่ต้องวิ่งวุ่นอยู่กับการจัดการเรียนการสอน จัดการกับบรรยากาศภายในชั้นเรียนที่มีนักเรียนมาเรียนรวมกันถึง ๒ ชั้น

          ครูหนึ่งได้แต่คิดคำนึง ว่าจะหาโอกาสเดินสำรวจตรวจตราไปรอบๆอาคารเรียน และตั้งใจว่าจะเดินไปจนทั่ว ให้ถึงสระน้ำของโรงเรียน เพื่อจะได้สัมผัสแหล่งเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนอย่างจริงจังเสียที

         ดูเหมือนนักเรียนก็คงจะอยากออกไปนอกห้องเรียนอยู่เหมือนกัน ครูหนึ่งสังเกตจากอาการของนักเรียนชั้นป.๓ ที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูน้องๆนักเรียนชั้น ป.๒ รดน้ำต้นไม้ในกระถางข้างๆอาคาร นักเรียนชั้นป.๔ หยอกล้อกับพี่ป.๖ ที่เดินผ่านหน้าห้องเพื่อไปเลี้ยงไก่ในชั่วโมงสุดท้ายก่อนกลับบ้าน

         ครูหนึ่งตัดสินใจทันที เพราะวันนี้ตั้งใจจะพานักเรียนไปพรวนดินที่แปลงเกษตรอยู่แล้ว นอกจากจะให้นักเรียนได้ตระเตรียมการปลูกพืชผักสวนครัว ครูยังจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันกับนักเรียน เพื่อการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมภายในรั้วของโรงเรียนด้วย

        ก่อนที่จะพานักเรียนตรงไปยังแปลงเกษตรที่อยู่ริมสระน้ำ ครุหนึ่งค่อยๆลัดเลาะและเดินเลียบไปตามริมรั้วของโรงเรียน เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ๆนอกห้องเรียนและทำความรู้จักกับแหล่งเรียนรู้ได้มากขึ้น

        เริ่มต้นที่สวนสมุนไพร ที่มีทางเข้าปักด้วยเสาปูนซีเมนต์และมีหลังคาแคบๆ มองดูเป็นสัดส่วน ครูหนึ่งมองข้ามรั้วสีขาวเข้าไป เห็นมีแต่พุ่มไม้สีเขียวสดรูปทรงเตี้ยๆขึ้นอยู่เต็มไปหมด บริเวณข้างรั้วด้านในมีต้นว่านหางจระเข้ ปลูกอยู่ในรองซีเมนต์เป็นจำนวนมาก

        ต้นว่านหางจระเข้ ครูหนึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นพืชสมุนไพร แต่ต้นไม้ใบเขียวที่ขึ้นอยู่เต็มพรืดไปหมดนั้น บางต้นมีดอกสีชมพู หรือจะเป็นไม้ประดับ ที่ครูหนึ่งยังไม่รู้จัก จึงชี้ให้นักเรียนดู

        “ต้นอะไรครับนักเรียน” ครูหนึ่งถาม

        “ต้นโสมไทยครับ ผัดอร่อยมากเลยครับ ผอ.เคยผัดให้ผมกิน”  นักเรียนชายชั้น ป.๔ ตอบอย่างมั่นใจ

        “แล้วผอ.บอกด้วยหรือเปล่าว่าต้นโสมไทยเป็นสมุนไพร”   ครูหนึ่งเริ่มซักไซ้นักเรียนเพื่อหาคำตอบ

        นักเรียนทุกคนเงียบ เหมือนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  แต่ครูหนึ่งก็โบกมือว่าไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะเหลือบไปเห็นป้ายไวนิลขนาดย่อมๆ บอกชื่อ"โสมไทย"ไว้อย่างชัดเจน พร้อมรูปภาพ วิธีปลูกและสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงร่างกาย

       ครูหนึ่งรู้สึกประทับใจ  แม้ว่าจะเป็นสวนสมุนไพรเล็กๆ แต่ก็ทรงคุณค่าในแง่ของความรู้และประโยชน์ที่จะนำไปใช้ เด็กๆชวนครูหนึ่งไปดูต้นย่านางที่ขึ้นอยู่บริเวณริมรั้วลวดหนาม แค่ครูหนึ่งบอกเอาไว้ก่อน เพราะยังมีกิจกรรมรออยู่ที่แปลงเกษตร

       นักเรียนชั้น ป.๓ และป.๔ เดินตามครูหนึ่งไปติดๆ ครุหนึ่งเดินเร็วขึ้น เห็นป้ายไวนิลที่แนะนำแหล่งเรียนรู้อย่างมากมาย แต่ไม่ทันได้แวะดู ทั้งบ่อปุ๋ยหมักใบไม้ เรือนเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน สวนพักผ่อนหย่อนใจและห้องเรียนธรรมชาติ

       ในแต่ละที่ นอกจากจะมีป้ายให้ข้อมูลอย่างชัดเจนแล้ว ยังจัดสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม ประกอบกับความร่มรื่นด้วยแล้ว ทำให้เดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

       ครูหนึ่งจึงเริ่มจะเข้าใจและไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ว่าทำไมจึงได้มีข่าวอยู่เสมอถึงการศึกษาดูงานในโรงเรียนแห่งนี้ปีละหลายคณะ เพราะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างนี้นี่เอง

       “เดี๋ยวครูจะไปที่เล้าไก่ ใครจะไปกับครูบ้าง” นักเรียนทุกคนพร้อมใจกันยกมือ คงลืมเรื่องงานที่แปลงเกษตรกันหมดแล้ว  บริเวณเล้าไก่ มีป้ายไม้และป้ายผ้า แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไก่และวิธีเลี้ยงไก่ ใกล้ๆกันมีเครื่องสีข้าวแบบโบราณ และตู้เก่าๆไว้สำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว  ส่วนขวดน้ำหมักชีวภาพที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย ตั้งเรียงรายเอาไว้บนชั้นวาง  พร้อมป้ายบอกสูตรการทำว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง

       ครูหนึ่งมองเข้าไปในเล้าไก่ ที่มีฟางรองพื้นดูสะอาดตา ไก่พันธุ์ไข่จำนวนสิบกว่าตัวดูเหมาะสมกลมกลืนกับขนาดของเล้า ส่วนที่ให้ไก่ออกไข่ จะใช้ล้อยางรถยนต์วางไว้ในทุกมุม

      “นักเรียนรู้ไหม นักเรียนห้องใดรับผิดชอบดูแลเล้าไก่ครับ” ครูหนึ่งถาม

      “พี่ ป.๖ ค่ะ ส่วนน้ำหมักชีวภาพเป็นของพี่ ป.๕ ค่ะ”

      “แล้ว ป.๓ กับ ป.๔ รับผิดชอบตรงไหนบ้างครับ”

      “ป.๓ ทำงานที่สนามเด็กเล่นครับ ป.๔ เก็บกวาดถนนหน้าอาคารครับ” หัวหน้าห้อง ป.๔ ตอบอย่างฉะฉาน “ครูครับ ไปที่แปลงเกษตรกันดีกว่า เดี๋ยวหมดเวลาเสียก่อน” 

      นักเรียนเดินนำหน้าครูหนึ่ง ไปที่แปลงเกษตร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ่อปลาดุุกและสระน้ำของโรงเรียน เป็นแปลงปลูกผักขนาดเล็กๆหลายแปลง ส่วนแปลงใหญ่ต้องเดินขึ้นไปบนเนินดิน เป็นแปลงเกษตรของพี่ป.๕ และป.๖

      ครูกับนักเรียนพูดคุยหารือทำความตกลงกันอยู่พักใหญ่ เกี่ยวกับการจัดกลุ่มรับผิดชอบแปลงเกษตรของตนเอง ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่า นักเรียนต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด ๔ แปลง โดยแต่ละแปลงพี่และน้องต้องช่วยกันดูแล แปลงละ ๔ - ๕ คน

       “เราจะปลูกอะไรกันดีล่ะ” ครูหนึ่งถาม

       “หนูว่าปลูกผักบุ้งดีกว่าค่ะ”  “ผมว่าปลูกมะเขือดีกว่าครับ”  “ปลูกบวบสิคะ ขี้นง่ายและกินอร่อยด้วย” นักเรียนต่างให้ความเห็นกันอย่างเซ็งแซ่ ครูหนึ่งจึงต้องสรุปปิดท้ายว่า “ปลูกทุกอย่างเลย เดี๋ยวครูหาเมล็ดพันธุ์ให้นะ”

        ก่อนเดินกลับห้องเรียน ครูหนึ่งสังเกตเห็นพงหญ้าขึ้นอยู่ในแปลงใหญ่ขนาดราว ๕๐ ตารางวา มีใบไม้แห้งกองเป็นหย่อมๆ ครูหนึ่งชี้ให้นักเรียนดู “ตรงนั้นรกจังเลย ทำไมไม่มีใครทำแปลงเกษตรตรงนั้นล่ะ ใกล้สระน้ำดีด้วย”

        “เอาไว้ทำนาครับครู รอให้รถมาไถก่อน พอฝนตกก็ดำนาได้เลยครับ” นักเรียนชาย ป.๔ บอกครูหนึ่ง

        “ปีที่แล้วมีใครได้ดำนากันบ้างครับ” พอสิ้นเสียงครู นักเรียนชั้นป.๔ ก็ยกมือขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

         ภาพเชิงประจักษ์ในวันนี้ สร้างความแปลกใหม่ภายในใจของครูหนึ่ง รู้สึกตื่นตะลึงกับแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ภายในรั้วของบ้านเล็กในป่าใหญ่แห่งนี้ ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมนำความรู้ ช่วยปูพื้นฐานไปสู่ทักษะชีวิต แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

 

หมายเลขบันทึก: 714958เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2023 06:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2024 22:49 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท