๑. บ้านเล็กในป่าใหญ่


ครูหนึ่งรู้สึกเหมือนได้กำลังใจ ความรู้สึกในหัวใจได้เติมเต็มพลังแห่งไออุ่น พร้อมที่จะทำงานการสอน มองเห็นเส้นทางที่จะมุ่งมั่นให้กับการทำงาน เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้เริ่มต้นในวิชาชีพครูอย่างสดใสและสวยงาม..

        ฝนคงจะตกที่ไหนสักแห่ง เช้าวันนี้อากาศจึงเย็นมากกว่าทุกวัน เสียงไก่ป่าขันเหมือนจะประชันเสียง ดังก้องอยู่ในสวนหลังบ้าน เสียงนกนานาชนิดต่างส่งเสียงร้องเริงร่า ต้อนรับบรรยากาศแห่งรุ่งอรุณ เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ภายในสวนลำไยยังมืดๆมัวๆ คงอีกสักพักจึงจะมีแสงสว่างรำไรเพื่อจะให้สัญญาณการตื่นนอนในเช้าวันใหม่

        ครูหนึ่งลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ยังรู้สึกว่าอยากจะนอนต่อ บิดตัวไปมาเพื่อให้คลายจากอาการปวดเมื่อยและอ่อนล้า จากการขนย้ายข้าวของจากบ้านพักครู เดินทางมารับตำแหน่งใหม่ จากโรงเรียนขนาดใหญ่มาสู่โรงเรียนขนาดเล็กใกล้บ้าน

        ห้าปีกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครูหนึ่งหลับตาทบทวนภาพในวันวาน ยังเป็นครูผู้สอนอยู่ต่างถิ่นที่ไกลบ้าน ใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านพักครูอันสงบเงียบไม่แพ้บ้านในสวนหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านพ่่อกับแม่ที่เกษียณอายุราชการแล้ว ครูหนึ่งจึงต้องใช้เหตุผลในการเขียนย้ายเพื่อมาดูแลพ่อกับแม่ และอยู่กันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ กลับมาสอนในโรงเรียนเล็กๆ โรงเรียนที่เคยมาวิ่งเล่นเมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อน โดยที่วันนั้นแม่ยังเป็นครูและพ่อเป็นผอ.รร.           

         ครูหนึ่งไม่ได้หลับต่อ เพียงแค่ไม่อยากลืมตา นึกถึงบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ประจำสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม พอเรียนจบแล้วก็ไปต่อในระดับมัธยมและอยู่หอพัก นานๆจะกลับบ้านสักครั้ง ต่อจากนี้จะได้อยู่ทุกวัน แบบไปทำงานในตอนเช้าแล้วก็กลับมาพักกับพ่อแม่ในตอนเย็น   

       บ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูงที่อยู่ใจกลางสวนลำไย ในเนื้อที่ ๓ ไร่ ของหมู่บ้านทุ่งดินดำ ที่ครูหนึ่งเคยมองว่าใหญ่โตมโหฬาร ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น เหมือนพ่อกับแม่จะปลูกบ้านเผื่อไว้ให้ลูกหลานด้วยกระมัง แต่เมื่อคิดว่าเป็นบ้านสวนเพียงหลังเดียวในละแวกนี้ ที่รายล้อมด้วยสวนลำไยของคนอื่นหลายสิบไร่ บ้านที่นอนอยู่นี้จะดูเล็กลงไปอย่างถนัดตา  ยังรู้สึกว่าพ่อกับแม่มาปลูกบ้านกลางสวนป่าได้อย่างไร

        ครูหนึ่งตัดสินใจลืมตา มิฉะนั้นจะสายไปกันใหญ่ ยิ่งเป็นการทำงานวันแรกในโรงเรียนใหม่ ต้องรีบเอาฤกษ์เอาชัยเป็นพิเศษ ก่อนเข้าห้องน้ำขอเดินเลยไปที่นอกชานบ้าน เพื่อบิดขี้เกียจสองสามรอบ แล้วสอดส่ายสายตาเข้าไปในสวนด้วยความสงสัยว่าไก่ป่ามันอาศัยอยู่ตรงไหน จึงได้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนจะอยู่ไม่ไกลมากนัก มองไปรอบๆเห็นแต่ต้นลำไยกับมะขามหวานเป็นทิวแถว ต้นมะขามสูงใหญ่ ยืนต้นตระหง่าน แตกกิ่งก้านใบให้ความร่มรื่นและเพิ่มอากาศที่บริสุทธิ์มากมายในยามเช้า

       ไม่เคยได้กินข้าวเช้ามานานมาก พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ครูหนึ่งเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ตามคำเชิญชวนของพ่อกับแม่ที่พูดอยู่เสมอว่าอาหารเช้าสำหรับครูมีความสำคัญ ถ้าครูไม่กินข้าวมื้อเช้า การเรียนการสอนจะเคร่งเครียดทั้งครูและเด็ก

        "เปิดเทอมวันแรกก็ใส่เสื้อยืดเลยนะ" พ่อพูดขึ้นมา แม่มองไปที่เสื้อลูกชายแล้วอมยิ้ม ด้วยสีเสื้อที่ลูกชายใส่มีสีส้มมองแล้วสดใสสะดุดตา

      "วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี ที่โรงเรียนของเราใส่ชุดพละกันหมด พ่อลืมไปแล้วหรือ"  แม่พูดพร้อมกับมองไปที่พ่อด้วยความสงสัย

        พ่อยิ้มให้แม่ พ่อชอบที่แม่พูดว่าโรงเรียนของเรา เหมือนว่ายังผูกพันไม่เสื่อมคลาย เกษียณพร้อมกันมาตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม วันนี้ก็เดือนพฤษภาคมของปีการศึกษาใหม่แล้ว แม่ยังไม่เคยลืมโรงเรียนเลยแม้แต่วันเดียว

        "วันนี้พ่อกับแม่คงไม่ได้ไปส่งนะ" พ่อพูด  "ทำไมล่ะ" แม่ถาม

       "เปิดวันแรกครูจะยุ่งๆ ผอ.คนใหม่ก็ยังไม่มา ครูที่มีอยู่ทั้งหมด หนึ่งก็รู้จักบ้างแล้ว เอาไว้มีผอ.ก่อน พ่อค่อยเข้าไป"

        เจ็ดโมงตรงที่ครูหนึ่งออกจากบ้าน ด้วยรถเก๋งคู่ใจที่พ่อซื้อให้ตั้งแต่ปีแรกที่สอบบรรจุได้ ขับออกจากบ้านสวนทุ่งดินดำผ่านตลาด เข้าเขตเทศบาล แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเลาขวัญ ขับตรงไปอีก ๓ กิโลเมตรก็ถึงโรงเรียนบ้านหนองผือ ครูหนึ่งจับเวลาที่ขับรถออกจากบ้านจนถึงโรงเรียนใช้เวลา ๑๕ นาที

        สัมผัสแรกในโรงเรียนแห่งที่สองของชีวิตครู ทำให้ครูหนึ่งรู้สึกถึงความแปลกใหม่ แต่พอมองไปรอบๆสักพักก็เริ่มจะคุ้นเคย เพราะเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว ตอนนั้นพ่อกับแม่ยังไม่เกษียณอายุราชการ วันนี้จึงค่อยๆปรับอารมณ์และความรู้สึก เก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้บ้างเล็กน้อย รอคอยว่าจะได้สอนชั้นไหน

        ครูผู้รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเดินมาบอกว่า ครูหนึ่งต้องสอนประจำชั้นป.๓ - ๔ โดยสอนควบ ๒ ชั้น เพราะครูไม่เพียงพอ โรงเรียนไม่มีเงินจ้างครูพิเศษแล้ว แต่อัตราครูยังว่างอีก ๑ ตำแหน่งรอการบรรจุจากต้นสังกัด ครูหนึ่งยิ้มรับทั้งที่ภายในใจสับสนมองภาพไม่ออกเลยว่าจะสอนอย่างไรให้ได้ ๒ ชั้นเรียนในเวลาเดียวกัน

         ครูหนึ่งเดินดูนักเรียนทำความสะอาดรอบๆบริเวณอาคารเรียน รอเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ  แสงแดดอ่อนๆยามเช้าใกล้จะแปดโมง ไม่ร้อนมากและกลับรู้สึกได้เลยว่าสดชื่น สงบเย็นยิ่งนัก อาจเป็นเพราะต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน มีให้เห็นเด่นสง่าทั้งด้านหน้าและด้านหลังอาคารเรียน

        ครูหนึ่งจำได้ที่แม่เคยบอกว่าพ่อชอบปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะต้นปีบ ต้นคูณ ต้นอินทนิล ต้นสัตบรรณและต้นหูกระจง ส่วนต้นไม้ที่มีอยู่แล้วมากมายอย่างเช่น ต้นพิกุล ต้นสะเดา ต้นประดู่และต้นขี้เหล็ก พ่อจะบำรุงรักษาและดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีการตัดยกเว้นจะยืนต้นตายหรือล้มตายเพราะลมพายุ ครูหนึ่งจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้นไม้ในโรงเรียนบ้านหนองผือถึงได้มีความหลากหลายและล้วนแต่มีลำต้นใหญ่ๆทั้งสิ้น

        แปดโมงแล้ว..ครูหนึ่งยังไม่ได้ยินเสียงสัญญาณให้นักเรียนไปเข้าแถว จึงมีเวลาเดินดูอาคารสถานที่ไปเรื่อยๆ กลุ่มเด็กนักเรียนชายหญิง ที่ครูหนึ่งเดินผ่าน ต่างอมยิ้มคงจะรู้กันแล้วว่าเป็นครูมาใหม่ ครูหนึ่งยิ้มให้แต่ยังไม่ได้ทักทายใครเป็นพิเศษ

       ครูหนึ่งเดินไปหยุดยืนที่บ่อปลาดุก ที่กั้นเป็นคอกมีประตูเหล็กดัดปิดอยู่อย่างแน่นหนา ด้านหน้าตกแต่งเป็นสวนหย่อมดูสดใสสบายตา  ครูหนึ่งเคยเข้่ามาเที่ยวโรงเรียนเมื่อปีก่อน จำได้ว่าด้านหลังบ่อปลา จะเป็นเล้าไก่ ครูหนึ่งจึงเดินอ้อมไป ผ่านห้องเก็บเครื่องมือเกษตรที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

       เล้าไก่ยังคงเป็นโรงเรือนที่เก่ามากๆ แต่ภายในเล้ารองพื้นด้วยฟางดูสะอาดตา มีอุปกรณ์การเลี้ยงครบครัน ครูหนึ่งก้มมองผ่านตะแกรงลวดข้างเล้า นับไก่ได้ ๒๐ ตัว จะมากหรือน้อยครูหนึ่งไม่ได้สนใจ รู้แต่เพียงว่าเล้าไก่แห่งนี้ ครูหนึ่งเคยลิ้มรสของความสดใหม่และอร่อยของไข่เจียวมาแล้ว

       คงใกล้เวลาเข้าแถว เด็กๆวิ่งไปห้องน้ำและล้างมือ ครูหนึ่งมองหาห้องเรียนชั้น ป.๓ เดินเลียบไปทางโรงรถจักรยานผ่านห้องสหกรณ์ ก็พบห้องเรียนชั้นป.๓ ซึ่งอยู่ริมสุดของอาคาร ครูหนึ่งเดินไปถึงประตูห้อง ก็พอดีเสียงระฆังดังขึ้น ได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ

      ครูหนึ่งยืนดูป้ายนิเทศหน้าห้องป.๓ เนื้อความดึงดูดความสนใจไม่ให้ครูหนึ่งเดินไปไหน สายตาจับจ้องไปบนผืนไวนิลขนาดใหญ่ ใจความเป็นบทขับร้องชื่อเพลง "เพื่อพ่อ..ลูกจะทำแต่ความดี"  

      "เทิดองค์ภูมิพล พระเปี่ยมล้นขจรไกล พระองค์ผู้นำไทย ภูบดินทร์ถิ่นสยาม ครองราชย์ยิ่งยืนยง สถิตคงความดีงาม พวกเราภักดีตาม น้อมถวายเจ้าแผ่นดิน ปวงข้าฯซึ้งพระคุณ พระการุณย์โลกได้ยิน กราบองค์นวมินทร์ มหาราชภูมิพล ยอดปราชญ์ของแผ่นดิน คีตศิลป์โลกยินยล นำไทยสู่สากล ราษฎร์ศรัทธาบารมี โครงการท่านสรรค์สร้าง สุขนำทางสว่างศรี เดินทางไปทุกที่ พระเปี่ยมล้นด้วยเมตตา หลักการแบบพอเพียง เป็นเสบียงเลี้ยงชีวา โอบอุ้มชาวประชา ทศพิธราชธรรม ท่านฝากเรื่องความเพียร เรานักเรียนพึงน้อมนำ พระคุณอันเลิศล้ำ บริสุทธิ์และสดใส  หนองผือเราน้อมจิต ร่วมอุทิศกายและใจ กราบพ่อ..พระผู้ให้ ด้วยการทำแต่ความดี"  

       ครูหนึ่งอ่านเนื้อเพลงตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนได้ค้นพบแรงบันดาลใจ เป็นของขวัญแห่งการทำงานในวันแรกที่ย่้ายมา  ผลงานแห่งบทเพลงแผ่นนี้นี่เอง...ที่เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า ผอ.คนเก่าผู้เป็นพ่อครูหนึ่งรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ยึดมั่นในศาสตร์พระราชา และพัฒนาสถานศึกษาด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด

      ครูหนึ่งรู้สึกเหมือนได้กำลังใจ ความรู้สึกในหัวใจได้เติมเต็มพลังแห่งไออุ่น พร้อมที่จะทำงานการสอน มองเห็นเส้นทางที่จะมุ่งมั่นให้กับการทำงาน เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้เริ่มต้นในวิชาชีพครูอย่างสดใสและสวยงาม..

      "ครูคะ...ครูดาวให้หนูมาเชิญครูไปที่หน้าเสาธงค่ะ"

      "ครับ....เดี๋ยวครูตามไปนะ"

      บ้านเล็กในป่าใหญ่...บรรยากาศของวันแรกที่ย้ายมา ได้เวลาที่ครูหนึ่งต้องแนะนำตัวแล้ว

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

 

 

หมายเลขบันทึก: 714951เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2023 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2024 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท