ตัวอย่างงานวิจัย มาตราวัดหรือระดับการวัดแบบเรียงอันดับ (Ordinal Scale)


ตัวอย่างมาตราวัดหรือระดับการวัดแบบเรียงอันดับ (Ordinal Scale)

  • การให้คะแนนความพึงพอใจ
    • ในแบบสำรวจจำนวนมาก เรามักจะถูกขอให้ให้คะแนนความพึงพอใจเป็นระดับ อาจจะเป็นตั้งแต่ 1-5 โดย 1 หมายถึง "ไม่พอใจมาก" และ 5 หมายถึง "พอใจมาก" 
  • ระดับการศึกษา 
    • ระดับการศึกษาสูงสุด เช่น "มัธยมปลาย" "อนุปริญญา" "ปริญญาตรี" "ปริญญาโท" และ "ปริญญาเอก" เรารู้ว่าปริญญาเอก สูงกว่าปริญญาโท แต่เราไม่สามารถพูดได้ว่า "สูงกว่าสองระดับ" เนื่องจากความแตกต่างระหว่างระดับที่อยู่ติดกันไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
  • การให้คะแนนภาพยนตร์ 
    • หากเราจัดอันดับภาพยนตร์จากแย่ที่สุดไปดีที่สุด คือ 1 ดาวถึง 5 ดาว แม้ว่าเราสามารถพูดได้ว่าภาพยนตร์ระดับ 5 ดาวดีกว่าภาพยนตร์ระดับ 3 ดาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะ "ดีกว่าสองเท่า"
  • การวัดความเจ็บปวด 
    • ในสถานพยาบาล ผู้ป่วยมักถูกขอให้ให้คะแนนความเจ็บปวดเป็นระดับตั้งแต่ 0 (ไม่ปวด) ถึง 10 (ปวดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) ซึ่งความแตกต่างของความเจ็บปวดระหว่าง 0 และ 1 อาจไม่เหมือนกับระหว่าง 8 และ 9
  • ยศทางทหาร
    • ยศทางทหารในกองทัพ (เช่น พลทหาร จ่าสิบโท พันเอก พลเอก)

 

ตัวอย่างการเขียนงานวิจัย

1. งานวิจัยทางสังคมวิทยา

​”ผู้ตอบแบบสอบถามถูกขอให้ระบุระดับความเห็นด้วยแบบมาตรวัดลิเคอร์ท  (Likert Scale) ตั้งแต่ 1-5 โดยที่ระดับ 1 หมายถึง 'ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง' และ 5 หมายถึง 'เห็นด้วยอย่างยิ่ง' ตัวแปรลำดับนี้ช่วยให้ผู้วิจัยสามารถเห็นแนวโน้มของทัศนคติในกลุ่มตัวอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้เห็นความแตกต่างเชิงปริมาณระหว่างระดับก็ตาม"

2. งานวิจัยทางจิตวิทยาคลินิก

“ผู้วิจัยใช้ระดับความรุนแรงของความเจ็บปวดตั้งแต่ 1 (ไม่มีความเจ็บปวด) ถึง 10 (ความเจ็บปวดที่เลวร้ายที่สุด) ตัวแปรลำดับนี้ช่วยให้ผู้วิจัยสามารถจัดหมวดหมู่ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง แม้จะไม่ช่วยให้สามารถอนุมานปริมาณความปวดที่ชัดเจน เช่น ระดับความเจ็บปวดระหว่าง 7 และ 8 แต่ช่วยให้ระบุผู้ป่วยที่มีระดับความเจ็บปวดสูงเป็นพิเศษได้”

3. งานวิจัยด้านการศึกษา

“การศึกษาระดับสูงสุดของกลุ่มตัวอย่าง เช่น มัธยมศึกษาตอนปลาย ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ทำหน้าที่เป็นตัวแปรลำดับในงานวิจัยนี้ แม้ว่าความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างระดับการศึกษาเหล่านี้จะไม่สามารถวัดได้ ตัวแปรก็มีประโยชน์ในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างระดับการศึกษาและความพึงพอใจในงาน”

4. งานวิจัยทางการตลาด

"ความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์ได้รับการประเมินในระดับตั้งแต่ 1 (ไม่พอใจมาก) ถึง 5 (พึงพอใจมาก) การวัดลำดับนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาแนวโน้มในทัศนคติของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์"

 

หมายเลขบันทึก: 713465เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2023 08:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม 2023 21:03 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

Likert scale is very popular in customer/client/consumer/patient/student/.. satisfaction survey (CSAT) but care and clear assumptions of use are often a concern (including mine The Sin of Taking the Measure To Be the Goal. https://www.gotoknow.org/posts/713359 ).

In short: Likert scale assigns responses to categories (set members) denoted by ‘numbers’. These numbers are ‘arbitrary’ and not ‘metric’ (for use to measure). This means (as you stressed a number of times) 3 is 2 times more than 1 (but because ‘we rank’ 1<2<..<5), we can only say 3 is better (in the eye of the surveyor) than 2, than 1. In many cases/surveys, questions are design to cover target areas and expected/forced responses to cover the range [-ve, 0, +ve] symmetrically and equally (in number questions) and ‘assumed’ responses to be samples under Central Limit Theorem, and apply analyses of CLT (normal distribution).

One forgets that standard deviation (sd) or arithmetic has no meaning for sets (categories). Only the counts of responses for each category is useful in ‘Probit’ or ‘Logit’ analysis.

It’s time we look under the hood of statistics and advance our CSAT surveys.

Ooops!I have forgotten to say NOT in ‘…3 is 2 times more than 1…’ in the previous comment, the correct phrase is ‘3 is not 2 times more than 1’...,And let me add that CSAT questionnaires are designed and may be designed to work (give answers) in some particular ways. (See more on https://en.wikipedia.org/wiki/Likert_scale )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท