รีวิว Bird Box (2018) มอง อย่าให้เห็น (ปรับปรุง 10/06/2023)


รีวิว Bird Box (2018) มอง อย่าให้เห็น : หนังแนวลุ้นระทึกกึ่งวิทยาศาสตร์ กึ่งจิตวิทยา สร้างจากวรรณกรรมเรื่อง  Bird Box โดย Josh Malerman เมื่อดูรวม ๆ แล้วหนังมีภาพใหญ่ที่เกี่ยวกับการเอาตัวรอดในเหตุการณ์หลังวันสิ้นโลก  post-apocalyptic หนังออกฉายทางช่อง netflix และถูกกล่าวขวัญแบบปากต่อปากสร้างกระแสให้หนังได้เป็นอย่างดี จนเรียกได้ว่าเป็นหนังสร้างชื่อให้ Neyflix สร้างยอดผู้สมัครเข้าร่วมแพลตฟอร์มจำนวนมาก และเนื่องจาก Bird Box ฉบับสเปนที่กำลังจะเข้าฉายวันที่ 14 กรกฏาคม 2023 นี้ ทางช่อง Super Review จึงขอนำ Bird Box ต้นฉบับมารีวิวในครั้งนี้

ดูคลิปนีวิวที่นี่ 
 

มาโลรีน หญิงสาวได้บอกกับเด็กชายและเด็กหญิงอายุ 4 ขวบว่าจะต้องออกไปนอกบ้าน และจะต้องปิดตาตลอดเวลา การเดินทางจะต้องลำบากเพราะต้องล่องเรือไป ต้องฟังคำสั่งของเธอเท่านั้น จากนั้นฉากก็ตัดสลับไปก่อนหน้าเหตุการณ์ นี้ 5 ปีเพื่อเล่าเรื่องว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

ผู้คนทั่วโลกต่างเกิดอาการแปลก ๆ พากันทำอัตวินิบาตกรรมราวกับเป็นโรคติดต่อแบบหาสาเหตุไม่ได้

วันหนึ่งมาโลรีน หลังจากตรวจครรภ์เสร็จเธอเดินทางกลับไปพร้อมกับน้องสาว แต่น้องสาวของเธอดันเผลอมองอะไรบางอย่างเข้า  จากนั้นน้องสาวจึงเดินไปให้รถชนเสียชีวิตทันที ส่วนมาโลรีนไม่ได้มองสิ่งนั้น วิ่งหนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งได้ทัน

ในบ้านหลังนั้นมีผู้คนอยู่รวมกันจำนวนหนึ่ง ปิดกระจกบ้านทั้งหลังเพื่อไม่ให้มองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาเรียกว่า "ภูตผี" ซึ่งถ้าใครมองเห็นแล้วก็จะกระทำอัตวินิบาตกรรมทันที

ทุกคนในบ้านต่างเรียนรู้การเอาตัวรอดเช่น ถ้าหากออกนอกบ้านต้องใช้ผ้าปิดตา  ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่บางคนมีความเห็นแก่ตัว บางคนเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันให้ได้ แบ่งกันออกไปหาอาหาร จนท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนค่อย ๆ ตายทีละคน อันเป็นผลมาจากเปิดรับคนคนหนึ่งที่ไว้วางใจไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน

วันหนึ่ง มาโลลีน และแฟนของเธอได้ยินสัญญาณวิทยุ บอกตำแหน่งจุดปลอดภัยให้สำหรับทุกคนที่ยังรอดชีวิต เธอและแฟนหนุ่มจึงตัดสินใจลงเรือไปทางแม่น้ำ เพื่อไปหาจุดปลอดภัยนั้น ซึ่งจะต้องไปพบเจอกับอะไรบ้าง ต้องเอาตัวรอดจากสิ่งที่ไม่สามารถมองด้วยตาได้อย่างไร ก็ต้องไปติดตามรับชมต่อทาง Netflix

เนื้อเรื่องมีเพียงเท่านี้ แต่ผู้กำกับกับคนเขียนมีความชาญฉลาดที่จะเล่าเรื่องตัดสลับกันไปมาระหว่างการเดินทางล่องเรือในแม่น้ำของมาโลรีนและเด็กอีก 2 คน กับฉากการอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ก่อนออกเดินทาง 5 ปี ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแต่มีความลุ้นระทึก และสร้างอุปสรรค์ในการใช้ชีวิตและการเดินทางเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่สุด เงื่อนไขของการห้ามมองบางสิ่งบางอย่างที่มองแล้วจะเสียชีวิตทันที  ชอบการใส่พฤติกรรมของตัวละครที่ไม่น่าไว้วางใจเข้าไป จนสร้างความหวาดกลัวและไม่ปลอดภัยเป็นสองเท่า ดังนั้นความกลัว ระทึกขวัญใน Bird Box จึงมีหลายมิติ

Bird Box มีความเหมือนกับหนังหลายเรื่อง ที่เหมือนที่สุดก็คือเรื่อง The happening วิบัติการณ์สยองโลก (2008) ของ M Night shyamalan  คือเมื่อมนุษย์ ได้สัมผัสกับบางสิ่งบางอย่าง ก็พากันทำอัตวินิบาตกรรมแบบโหด ๆ  ไม่มีสาเหตุ ซึ่ง Bird Box เองก็ใช้ประเด็นนี้มาเล่นเป็นแกนหลักเช่นกัน แต่ Bird Box เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่าจะเน้นไปที่กระทำดังกล่าวของผู้คน ซึ่งก็ทำให้เกิดมิติทางด้านจิตวิทยามากขึ้น มีความน่าสนใจมากกว่า The happening

นอกจากนี้ยังมีความคล้ายกับหนังเรื่อง The Mist มฤตยูหมอกกินมนุษย์ (2007) ทีเล่นประเด็นเหตุการณ์วันสิ้นโลก เหตุการณ์วันชำระโลก การทำให้โลกสะอาด การพูดของตัวละครบางตัวหรือบางกลุ่มให้พยายามทำให้ผู้คนคล้อยตาม การยั่วยุให้คนทำในสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก ในจุดนี้อาจเป็นภาพแทนของลัทธิความเชื่อที่เจ้าลัทธิพูดให้คนเชื่อ และทำตามในจุดประสงค์ของลัทธิที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในสังคมโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ผู้คนที่เชื่อและทำตามก็เปรียบเสมือนกับคนที่มีจิตใจไม่มั่นคง ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยไม่มีวิจารณญาณได้ว่าสิ่งใดผิดหรือสิ่งใดถูกนั่นเอง

หนังอีกเรื่องหนึ่งที่ Bird Box แทบจะเรียกได้ว่าเป็น "แฝด" หรือดำเนินรอยตามมาเลยก็คือ a quiet place ซึ่งมีหลายปัจจัยที่เหมือนกันมาก ในที่นี้ผมไม่ได้หมายความว่าเป็นการลอกกันมาแต่อย่างใด  คือ เหตุการณ์ก่อนวันสิ้นโลก   post-apocalyptic และ วันหลังจากนั้น ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและเอาตัวรอดให้ได้ในสถานการณ์บีบบังคับ ใน A Quiet Place ห้ามมีเสียงเด็ดขาด ส่วนใน Bird Box คือ ห้ามมอง หนังต้องแสดงให้คนเห็นว่า การใช้ชีวิตแบบห้ามมองโลกภายนอกนั้นจะทำอย่างไร การหนีแบบห้ามมองนั้นจะทำอย่างไร ในด้านตัวละครนั้น ตัวเอกของเรื่องกำลังท้องเหมือนกัน  นอกจากจะต้องเอาตัวเองให้รอดแล้วก็ต้องทำให้ลูกของตัวเองต้องรอดด้วย พูดง่าย  ๆ ก็คือ หากนำภาพยนตร์ 2 เรื่องนี้มาเปรียบเทียบ  ก็คงจะเป็นเทียบในประเด็นที่ว่า  การใช้ชีวิตด้วยการมองไม่เห็นกับการใช้ชีวิตด้วยการไม่ส่งเสียงนั้นสิ่งไหนจะทำให้การดำเนินชีวิตลำบากกว่ากัน แต่ถ้าเปรียบเทียบในแง่ของความสนุกของหนังนั้นบอกได้เลยว่า Bird Box ยังไม่อาจเทียบ a quiet place ได้นัก ทั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับทุนสร้างก็เป็นได้

จุดหนึ่งที่ผมสังเกตุได้คือ ก่อนที่สัญญาณโทรทัศน์เสียงผู้ประกาศจะดับลง เสียงนั้นบอกว่าผู้คนว่า อย่าใช้ Social Network อย่าใช้อินเตอร์เน็ต ในจุดนี้ผู้กำกับหรือคนเขียนบทอาจตั้งใจบอกเราว่าการ ข้อมูลข่าวสารในโลก Social Network ทุกวันนี้ หากไม่ใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง อาจทำให้เข้าใจผิดหรือรับข่าวสารอย่างคลาดเคลื่อน จนอาจนำไปสู่เห็นผิดเป็นชอบเลยก็ได้

อีกจุดหนึ่งของหนังคือผู้คนที่มีอาการทางจิต เมื่อมองเห็นภูตผีแล้วก็จะเกิดผลกระทบในทางตรงกันข้าม จะเห็นโลกสวยงามและอารมณ์ดีมากขึ้น ก็เปรียบได้กับบางอย่าง บางสิ่ง ดีหรือเลวก็อยู่กับประสบการณ์และการตีความของแต่ละคน

นอกจากนั้น ประเด็นในแง่ของพฤติกรรมตัวละครเช่น การเห็นแก่ตัว การทำตามความเชื่อ การเอาตัวรอด  Bird Box ทำออกมาได้ค่อนข้างดี และถือว่าเป็นประเด็นดำเลยก็ได้ มองไปมองมาก็อาจจะเหมือนกับซีรีส์ Walking Dead อยู่เหมือนกัน

"ภูตผี" หรือไอ้ตัวที่มองแล้วตายในเรื่องเราแทบไม่เห็นเลยว่ามันคืออะไร มาจากไหน ผู้กำกับก็ไม่ยอมเฉลยด้วย  ในส่วนตัวของผมแล้วรู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่ดีงามของหนัง เพราะหนังต้องการจะไม่ให้เรามองเห็น เราก็ไม่ควรเห็น ดังนั้นสายตาของเราจึงถูกแทนด้วยสายตาของตัวละคร เมื่อตัวละครเอกไม่เห็น เราก็ต้องไม่เห็น เห็นแต่เพียงเงาลาง ๆ หรือการขยับของต้นไม้ใบไม้เท่านั้น ในจุดนี้ชอบมาก

ส่วน "Bird Box"  คืออะไรนั้น เข้าใจว่าเจ้าของบทประพันธ์ต้องการจะให้มีความหมายในแง่ของสัญลักษณ์ และพอมาถ่ายทอดเป็นหนัง ตัวเอกของเรื่องได้พกพานกใส่ในกล่อง 3 ตัว เธอบอกว่านกสามารถรับรู้ถึงภูติผีได้ ซึ่งจะใช้เตือนเธอให้ปลอดภัยหรือหลบหนีได้ทันเมื่อภูตผีเข้าใกล้ ในที่นี้อาจหมายถึงสติก็ได้ ส่วนนกในกล่องนั้นมี 3 ตัวเท่ากับจำนวนของคนที่อยู่บนเรือ นกอาจหมายถึงคน 3 คนที่อยู่บนเรือ เปรียบได้ว่า นกแม้จะมีปีกสามารถบินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แต่เมื่อมีสถานการณ์มาบีบบังคับก็เหมือนกับนกที่อยู่ในกล่องเล็ก ๆ ไม่สามารถบินไปไหนอย่างอิสระได้นั่นเอง จะเป็นอิสระได้ต้องออกจากกล่องกันให้ได้ ซึ่งก็คือต้องออกจากกฎระเบียบข้อบังคับบางอย่าง หรือทำให้หลุดพ้นจากปัจจัยบางปัจจัยนั่นเอง

นักแสดงที่มาเข้าฉากและดำเนินเรื่องหลักนั้นค่อนข้างเล่นได้ดี แต่ต้องยกย่องความดีให้กับ ซานดรา บุลล็อก ซึ่งรัศมีและพลังดาราของเธอถือว่าดีเยี่ยมและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้   แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นการแสดง คำพูด อารมณ์ ความรู้สึก สีหน้าวาวตานั้น  เธอสามารถแบกรับเอาหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าของเธอได้อย่างเด็ดขาด

กล่าวโดยสรุป Bird Box ถือเป็นภาพยนตร์แนว  post-apocalyptic เน้นความตื่นเต้นสยองขวัญและจิตวิทยา เป็นส่วนผสมของหนังหลายเรื่องเช่น   a quiet place, the happening, the mist, The Walking Dead  ที่ค่อนข้างลงตัว แต่ก็ไม่สามารถเดินทางไปได้สุดในแง่ของการดึงอารมณ์คนดู  ไม่สามารถบีบคั้นอารมณ์คนดูได้มากนัก อาจจะด้วยเหตุผลในแง่ของทุนสร้างหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ในภาพรวมก็ถือว่า เป็นภาพยนตร์ที่ความบันเทิงและมีความสนุกไม่แพ้ภาพยนตร์ที่ฉายอยู่ในโรงใหญ่เลยทีเดียว

8/10
@วาทิน ศานติ์ สันติ


Super Review Channel 
#BirdBox2018 #มองอย่าให้เห็น

หมายเลขบันทึก: 713165เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2023 19:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2023 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท