“ผมสามารถเขียนถึงได้ไหม?”
เป็นคำถามที่อยู่ในใจในฐานะผู้ชม ผู้เชียร์วอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยมาตั้งแต่เด็ก
นอกจากวอลเล่ย์บอลแล้ว ฟุตบอลก็เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่โปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนประถมเล่นบอลพลาสติกที่เป็นโกลหนู ตอนเรียนมัธยมก็ยังเล่นอยู่ แถมโรงเรียนยังมีฉายา “มหาอำนาจลูกหนังขาสั้น” ตามด้วยการติดตามฟุตบอลอังกฤษที่มีผู้สื่อข่าวกีฬาชื่อดังในสมัยนั้น คือ “ย.โย่ง” นิตยสารสตาร์ซอร์คเกอร์
เท้าความถึงความหลังกับกีฬาสองประเภทนี้นิดหน่อย
วันนี้วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย แข่งขัน VNL 2023 นัดที่ ๓ กับทีมชาติโปแลนด์ ที่ไทยชอบแพ้ทางอยู่เสมอ คือ แข่งทีไรก็แพ้ส่วนใหญ่ ไม่ 2-3 เซต ก็ 0-3 เซต
นักกีฬาของเราเป็น Gen 2 ต่อรุ่น ๗ เซียนที่อำลาทีมชาติไปแล้วเป็นที่ ๒
คนที่ติดตามวอลเลย์บอลทีมชาติไทยมาตลอด จะรู้ว่า ฟอร์มเราเป็นรองค่อนข้างเยอะ อย่างที่บอกไปแล้วว่า “แพ้ทาง” ดังนั้น ความหวังที่จะลุ้นให้ชนะ ก็ 50-50 ซึ่งตามความเป็นจริงก็คาดการณ์ในทางแพ้มากกว่า
มีกูรูวอลเลย์บอลของไทย บอกว่า ถ้าดูแล้วรู้สึกอารมณ์เสีย หรือ หงุดหงิด ให้ไปพัก ๓๐ นาที แล้วค่อยคิดการต่อไป
ย้อนกลับไปที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 ที่เพิ่งจบไป สำหรับแฟนบอลทีมผีแดงทั้งหลาย นัดที่ไม่อยากจดจำ คือ ความพ่ายแพ้ที่มีต่อทีมคู่ปรับสีแดง คือ ลิเวอร์พูล ไป 0-7
หลังเกม ผมเห็นความโกรธแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงของแฟนบอลผีแดงหลายท่าน หลายท่านเป็น Youtuber ซึ่งสิ่งที่ผมรับรู้มา คือ ความพ่ายแพ้ไม่สำคัญเท่ากับจิตวิญญาณของนักสู้ (Spirit) ต่อให้แพ้ แต่พวกคุณต้องสู้ก่อน ไม่ใช่ การเดินคอตก ยอมรับสภาพตั้งแต่เกมยังไม่จบ สิ่งนี้ คือ สิ่งที่แฟนผีแดงเขารับไม่ได้
แพ้ไม่เป็นไร แต่คุณต้องสู้ มีแฟนผีแดงเท่าไหร่ที่ส่งกำลังใจให้คุณอยู่
นั่นคือ ความหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เกิดขึ้น
กลับมาที่การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงวันนี้
เซตที่ ๑ และเซตที่ ๒ สภาพจิตใจของเรา ไม่ต่างจากทีมผีแดงที่คอตก ตั้งแต่ยังไม่จบเกม
กองเชียร์ทุกคนเรารู้ว่า สภาพทางกายภาพของทีมเราเสียเปรียบแบบสุด ๆ แต่เราเพียงแค่อยากเห็นพวกเธอมีจิตวิญญาณในการต่อสู้เท่านั้น
แม้แต่โค้ชด่วนเองก็พูดเหมือนสิ่งที่ผมคิด ตอนขอเวลานอกในเซตที่ ๑
“เราลงเล่น เราไม่อยากชนะกันหรือ”
คนที่ตื่นตัวมากที่สุด ที่ผมอยากชื่นชม คือ นักกีฬาหมายเลข ๑ เขาได้ทำหน้าที่ของเขาแล้ว เขาสามารถตบได้แต้มจากโปแลนด์ได้
อีกคน คือ นักกีฬาหมายเลข ๑๙ พยายามใช้ทักษะของตัวเองที่เล่นอยู่ตุรกีมาช่วย ผมว่า ทุกคนที่ได้ดูจะเห็น
ทีมเราดีขึ้นในช่วงต้นเซตที่ ๓ แต่หลังแต้มที่ ๑๐ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ยิ่งเล่น ยิ่งหมดกำลังใจ
สภาพจิตใจที่แสดงออกแบบนี้ นัดนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันเกิดในนัดที่เจออีตาลี แชมป์เก่า ในช่วงมีผู้เล่นบาดเจ็บ เรียกว่า “จิตตก” น่าจะพอได้ เรากำลังจะชนะ แต่ท้ายสุดก็แพ้
ผมยังอุทานออกมาเลยว่า “ทักษะและเทคนิคไม่แพ้ แต่สภาพจิตใจแพ้”
ผมไม่ได้เสียดายคนเดียว ก็เสียดายกันทั้งโลก ถ้าใครตามคอมเม้นท์นานาชาติ
หรือ
ปีที่ผ่านมา ก็จะมีช่วง “จิตตก” กับผู้เล่นบางคน เหมือนเดิม
ผมกำลังคิดว่า “สภาพจิตใจ” เป็นเรื่องใหญ่ที่จะชี้วัดความสำเร็จได้
ทีมชาติของเรา ควรมี “นักจิตวิทยา” ไปด้วยไหม?
คิดถึงเพื่อนที่เป็นอาจารย์ทางกีฬา เขาชอบทำวิจัย เรื่อง “ความวิตกกังวลของนักกีฬา” เวลาแข่งขัน
ผมจึงคิดว่า อืมม คงเป็นเรื่องที่อิทธิพลต่อความสำเร็จจริง ๆ นั่นแหละ
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ยังคงเป็นจริงเสมอ
ผมเขียนถึงเรื่องนี้ได้อยู่ใช่ไหม?
บุญรักษา ทุกท่าน ;)…
ชอบครับ แต่ไม่ได้ตามเชียร์ มันลุ้น จนเครียด เข้าใจถึงความพ่ายแพ้ แต่คิดเหมือนกันว่า นักกีฬาทุกคน ต้องมีใจแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ อันนี้..ต้องฝึกให้มากพอๆกับเทคนิค
ผอ. ต้องดูแลสุขภาพครับ
ลุ้นเหนื่อยจริง ถึงจะทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ;)…
เห็นด้วยครับ คุณแผ่นดินนะครับ
หัวใจยิ่งใหญ่เสมอ ;)…