ชื่อบันทึกนี้โผล่ขึ้นมาขณะอยู่บนเครื่องบินการบินไทย เวลาไทย ๑๑.๕๓ น. วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ ขณะกำลังบินไปโคเปนฮาเกน เวลาที่นั่นคือ ๖.๕๓ น. เป็นชื่อบันทึกที่ผมคิดว่า มีค่ามากสำหรับเตือนสติครูไทย และเกิดจากการอ่านหนังสือ Experiential Learning : A practical guide for training, coaching and education, 4th edition (2018), เขียนโดย Colin Beard & John P. Wilson
สอนศิษย์ให้เป็นผู้ตาม กับสอนให้เป็นผู้นำ ผลต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่วิธีการทำได้ง่ายๆ ด้วยท่าทีและคำพูดของครู ดังระบุในหนังสือ สอนเสวนา สู่การเรียนรู้เชิงรุก
ครูสอนศิษย์ให้เป็นผู้ตาม ด้วยคำพูดและท่าทีว่าเรื่องที่กำลังเรียนนั้นต้องคิดและตอบตามที่ครูหรือหนังสือบอกเท่านั้น หากคิดหรือตอบแบบอื่นถือเป็นผิด การเรียนเน้นที่ถูกผิดตามที่ตำราหรือครูสอน
ตรงกันข้าม หากต้องการสอนให้ศิษย์ค่อยๆ บ่มเพาะความเป็นผู้นำ (leadership) หรือผู้กระทำการ (agency) ครูต้องใช้คำถาม “ใครมีคำตอบที่ต่างจากนี้บ้าง” “ใครมีวิธีแก้โจทย์ข้อนี้ด้วยวิธีอื่นบ้าง” “ใครคิดต่างจากที่พูดกันมาแล้วบ้าง”
ครูใช้คำพูด หรือคำถามปลายเปิดเช่นนี้ ผมตีความว่า เป็นการทำหน้าที่ส่งเสริมให้ศิษย์เกิดกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ (experiential learning) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และอธิบายได้หลากหลายมิติมาก ที่ผมจะตีความนำมาเสนอต่อไป
โดยผลที่เกิดขึ้นต่อศิษย์มีหลายมิติมาก ที่ผมนำมาสะกิดครูในบันทึกนี้คือ ผลด้านการพัฒนาภาวะผู้นำ หรือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (change agent)
การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑ ทุกคนต้องเรียนรู้และพัฒนาขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้แก่ตนเอง และให้แก่สังคม รวมทั้งแก่โลก โดยครูเปลี่ยนท่าทีและคำพูดตามที่เสนอข้างต้น
วิจารณ์ พานิช
๒๓ เม.ย. ๖๖
บน TG 950 ไปโคเปนฮาเกน
Should we also ask if our education system is ‘to supply industrial demand’ or to develop society?