นับเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่มีโอกาสพิเศษได้เดินทางเข้าสู่เรือนจำ ที่มีชื่อเต็มๆว่า “เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี”ด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจในตนเองมิใช่น้อย
ตื่นเต้นในช่วงที่เข้าไปอยู่ภายใน ส่วนแปลกใจนั้นเริ่มตั้งแต่ทีแรก ที่คิดว่าทำไมจะต้องนัดหมายกันตรงนี้ ที่อื่นไม่มีแล้วหรือ?
เรื่องของเรื่องก็คือ เขตพื้นที่ฯคัดเลือกผม ให้ได้รับรางวัล”ข้าราชการพลเรือนดีเด่น”ประจำปี ๒๕๖๕ โดยส่งชื่อผมไปที่สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี
ข้าราชการทั้งจังหวัด ที่ได้รับการคัดเลือกจากทุกส่วนราชการ ก็มีราวๆ ๕๐ คน จากนั้นจังหวัดก็จะคัดเลือกเพียง ๔ คน...เพื่อให้ไปรับรางวัล..ระดับประเทศ
ผมเป็น ๑ ใน ๙ คน ที่ได้รับเลือกให้ไปเข้ารับการสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่บอกแต่เพียงว่า รายงานตัว ๙ โมง แต่งกายสุภาพ พบกัน ณ ห้องประชุมฯเรือนจำ หลังศาลากลางจังหวัดหลังใหม่..
เดินทางจากเลาขวัญ ถึงศาลากลาง ๙ โมงพอดี ระหว่างทางมีแวะทานข้าวและเข้าห้องน้ำ ด้วยระยะทางที่ไกลและขับรถ ๘๐ กม./ชม. ถึงที่หมายตามเวลานัดก็ถือว่าดีแล้ว
ผมเดินชึ้นไปบนศาลากลาง สอบถามรปภ.ว่าเรือนจำที่อยู่ด้านหลังไปทางไหน รปภ.บอกว่า ต้องขับรถไป..เดินไปไม่ไหวหรอก ผมก็เลยบอกว่า จอดรถอยู่ไกลด้วย เกรงว่าจะไม่ทันรายงานตัว ขอความกรุณาท่าน รปภ.ไปส่งผมสักหน่อยได้ไหมครับ...
หัวหน้ารปภ.จึงสั่งการให้ลูกน้องขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งผม ระยะทางที่เข้าซอยเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็ราว ๕๐๐ เมตร และก็อยู่หลังศาลากลางจริงๆอย่างที่เจ้าหน้าที่บอกไว้
รปภ.นำพาผมผ่านประตูรั้วที่มีป้ายใหญ่ บอกชื่อเรือนจำชัดเจน พาผมเข้าไปถึงด้านในซึ่งเป็นที่ทำการ หรือสำนักงานธุรการ ที่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยืนอยู่มากมาย
คงไม่ได้มายืนต้อนรับผม แต่คาดเดาว่า วันนี้ต้องมีผู้หลักผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือนแน่ๆ ผมมองไปรอบๆ เห็นผู้คนที่มารอเวลาเข้าเยี่ยมญาติพี่น้อง ซึ่งคอยอยู่ด้านในด้วยใจจดจ่อ
ส่วนผมถูกเจ้าหน้าที่สาวสวยในชุดเครื่องแบบคล้ายทหาร พาตัวผมเข้าสู่ห้องประชุมเล็ก เพื่อรายงานตัวว่ามาแล้ว...พร้อมมอบอาหารว่างให้ ๑ ชุด
๙ โมงครึ่ง...สำรวจความพร้อมครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็เข้ามา ให้ลงชื่อ ลงเวลา ผมอยู่ในหมายเลข ๒ คงเป็นเพราะชื่อผมขึ้นต้นด้วยตัว ช.ช้าง เพราะเห็นคนแรกชื่อ..กมล...
ผมใช้เวลาประมาณ ๕ วินาที เหลือบดูชื่อและตำแหน่งของทุกคนที่มาสัมภาษณ์พร้อมกับผม มีทั้ง นายอำเภอ..นายแพทย์ ...ผู้บริหารโรงเรียน...กศน. และงานป้องกันสาธารณภัย
ทุกคน...มาจากสายงานที่แตกต่างกันไป ทั้งที่อยู่ในจังหวัดและอำเภอต่างๆ ทุกคน...ก้มหน้าดูโทรศัพท์ และทุกคน..ต่างก็เงียบ ไม่มีใครคุยกับใคร...บรรยากาศเหมือนสงวนท่าทีกันยังไงชอบกล
๙ โมง ๔๕ นาที เจ้าหน้าที่เข้ามาเรียกชื่อคนแรก ผมจับเวลาได้ ๑๕ นาทีพอดี จึงถึงคิวผม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เดินนำหน้า เข้าสู่ประตูด้านใน ขึ้นชั้น ๒ เข้าห้องประชุม
ระหว่างทางก่อนถึงห้องประชุมฯ เจ้าหน้าที่ยืนกันเป็นจุดๆ เหมือนคุ้มกันผมอย่างแน่นหนา ผมเลยคิดว่าเขาคงให้เกียรติผมหรือไม่ผมก็คงดูเหมือนนักโทษชั้นดีคนหนึ่ง
ภายในห้องประชุมขนาดกลางๆ ที่เปิดแอร์เย็นเฉียบ จัดโต๊ะแบบตัวยู คณะกรรมการกว่า ๑๐ คน นั่งอยู่ด้านข้างซ้ายขวา ดูหน้าตาแล้วบ่งบอกว่าเป็นเจ้านายในระดับจังหวัดทั้งสิ้น
ผมนั่งโต๊ะเดี่ยวด้านหน้า ตรงข้ามท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นประธานการสัมภาษณ์....คำถามแรกยังไม่เกิดขึ้น แต่ทำไมผมรู้สึกสั่นๆ แอร์ไม่รู้สึกเย็นแล้ว รีบหายใจลึกๆ
พอฟังคำถามแรก...คำถามต่อไปเริ่มจะไม่กลัว...เสียดายที่ไม่ได้ซักซ้อมคำตอบมาก่อน ก็เลยตอบไปสั้นๆแบบกระทัดรัดตรงไปตรงมา..เอาเชิงประจักษ์นั่นเอง
ท่านประธานและกรรมการถามว่า..มีวิธีการครองตนครองคนครองงานอย่างไร..จงเล่าที่มาที่ไปของรางวัลพระราชทานที่ได้รับจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...จงบอกรางวัลที่เคยได้รับและความภาคภูมิใจในชีวิต....ที่มาของอาคารออมสิน...และการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก
๑๕ นาทีพอดี เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์..เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เดินมาส่งผมที่ประตูและบอกว่ากลับบ้านได้ ในใจเขาคงจะบอกด้วยว่า..ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเข้ามาก็ได้นะ
ผมกลับถึงโรงเรียนบ่ายโมง....ในท่ามกลางกระแสลมที่ค่อนข้างแรง ฟ้าครึ้มฝนแต่ไม่ตก มีแต่ใบไม้ร่วงเต็มไปหมด วันนี้ไม่มีการเก็บกวาด เพราะนักเรียนทุกคนเดินทางไปเข้าค่ายลูกเสือนอกสถานที่
บ่ายสองโมงมีโทรศัพท์เข้ามา “ผอ.ชยันต์ใช่ไหมคะ ผอ.เป็นหนึ่งในสี่คน ที่จะได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ระดับประเทศ ผอ.ต้องส่งรูปนิ้วครึ่งจำนวนสองใบให้จังหวัดโดยด่วน....”
ผมรีบตอบว่า..ครับ...แล้วเก็บกวาดต่อไป...ด้วยความคิดและความรู้สึกประทับใจเรือนจำ..เป็นที่สุด
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ไม่มีความเห็น