วิธีเพิ่มประสิทธิภาพของความจำในเวลาเพียง 6 นาที
วันก่อนดิฉันยังคุยอยู่กับอาจารย์หมอท่านหนึ่งว่า ทำอย่างไรที่เราจะสามารถลดโอกาสการเป็นอัลไซเมอร์เมื่อเราแก่ตัวลง ท่านบอกสั้นๆ ว่า ออกกำลังกาย มาวันนี้ดิฉันได้อ่านเจองานชิ้นหนึ่งเขาบอกว่า การออกกําลังกายระดับปานกลางถึงหนัก 6-9 นาที สามารถพัฒนา Working Memory หรือความจำเพื่อใช้ในงานได้ อีกทั้งยังช่วยเรื่องการพัฒนาทักษะการรู้คิด (Cognitive Skills) ขั้นสูง อาทิ การจัดลําดับความสําคัญ และการวางแผน อีกด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากจะฉลาดขึ้น ก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายอย่างน้อย 6 นาทีต่อวัน ในทางกลับกันการไม่ออกกําลังกายแม้เพียงเล็กน้อย อาจส่งผลเสียต่อทักษะทางจิตใจได้นะคะ ทำเอาความสามารถในด้านความรู้ความเข้าใจจะลดลง 1 ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ เชียวนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าเอาแต่นั่งเรียนนั่งทำงานค่ะ ดิฉันมักจะตั้งเวลาทำงานไว้สัก 30 นาที เพื่อหยุดพักจากการทำงานที่หน้าจอคอมสักแป๊บ มาออกกำลังกายนิดนึงข้างๆ โต๊ะทำงาน เวทบ้าง สวอทบ้าง แพลงค์บ้าง ยืดเหยียดบ้าง สบายตัวดีค่ะ สมองทำงานดีด้วย
ที่สำคัญคือยิ่งเราออกกําลังกายนานเท่าไหร่ ยิ่งจะมีประโยชน์ต่อทักษะทางด้านจิตใจมากขึ้นเท่านั้นนะคะ การออกกําลังกายสามารถชะลอหรือแม้กระทั่งย้อนกลับการสลายตัวทางกายภาพของสมองของเราได้ด้วยนะ เริ่มเข้าทางใช่ไหมค่ะ และการออกกําลังกายสามารถเพิ่มขนาดของฮิปโปแคมปัสซึ่งมีหน้าที่จัดการกับการความทรงจำระยะยาวในสมองเราได้ แม้ในคนสูงอายุด้วยค่ะ
ถ้าออกกำลังกายที่อัตราการเต้นของหัวใจ 60 ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของค่าสูงสุด เป็นเวลา 40 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะเพิ่มปริมาตรของฮิปโปแคมปัสได้ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ สุดยอดค่ะ ตอนนี้ดิฉันรู้สึกโชคดีมากเลยที่ได้อ่านงานวิจัยนี้ เพราะการที่ดิฉันวิ่งวันละ 6 กม. ประมาณ 40 นาที อาทิตย์ละ 3 วันเป็นเวลามานาน 1 ปีแล้ว ไม่เสียเปล่าแล้วค่ะ อดทน และ พยายามค่ะ ไม่ต้องแข่งกับใคร ชนะใจตัวเองก็พอแล้วค่ะ
และข่าวดีสำหรับคนที่ไม่ชอบการออกกำลังกายเอามากๆ แค่คุณพยายามออกแค่สองนาทีก็มีผลช่วยเพิ่มสมาธิ ความสามารถในการเรียนรู้และการทํางานของหน่วยความจําได้ค่ะ
ความเห็น (4)
So now next time we have visitors, we should ask them them to stand up and walk/run around – for they own benefits and ours ;-)
Schools (unis included) should allow students to stand and exercise during classes too.
No more “sit down and be quiet” ;-)
สมัยเด็กๆ เดินเรียน เปลี่ยนห้องทุก 50 นาทีค่ะอาจารย์ สมัยนี้นั่งห้องแอร์สบายๆ ยาวๆ 2-3 ชั่วโมง :-)
wiroj tirakun
ขอบคุณครับ อ่าน GotoKnow บ่อยมาก และนาน แต่ก็ต้องคิดถึงสิ่งที่ ดร.จันทวรรณฯ แนะนำ และคงต้องทำตาม บทความนี้ยังไดัโยงไปถึงเว็บ INC. ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย… วิโรจน์ ครับ (เซ็นชื่อไว้เพื่อเป็นการตรวจข้อความที่ตัวเองพิมพ์น่ะครับ เพราะ สว.กลัวพิมพ์ผิด แต่ก็ยังมีเป็นประจำ)
ขอบคุณค่ะที่ติดตาม