๑,๓๓๖ ช่างทาสี..เล่าเรื่องการศึกษา


ผมก็เลยบอกว่า..ปรับปรุงอาคารเรียนหลังนี้เสร็จแล้ว ก็คงไม่ประสงค์อะไรอีก พอกันที เพราะนี่คือการรอคอยมานานมาก และเข้าสู่..ความพร้อมเต็มรูปแบบแล้ว

วันสุดท้ายของงานทาสีอาคารเรียนหลังเก่า ใช้เวลา ๑๐ วันพอดี ผลงานออกมาดี เป็นที่น่าพอใจ งานดูสะอาดเรียบร้อย สดใส น่ามอง น่าอยู่น่าเรียนเหลือเกิน

ผมเดินตรวจงานทุกวัน จริงๆก็ไม่เชิงตรวจตรา แต่ว่าเก็บกวาดใบไม้อยู่ตรงบริเวณรอบๆอาคารเรียนที่ช่างทำงานอยู่ จึงมีโอกาสได้พูดคุยทักทายกับช่างทุกคนที่มาทำงาน

โดยเฉพาะหัวหน้าช่าง ที่มีลูกสาวเป็นครูอยู่ในเขตฯเดียวกันกับผมนี่แหละ ส่วนลูกน้องอีกคนหนึ่งลูกสาวก็กำลังเรียนครู พอช่างได้มาทำงานในโรงเรียน จึงพูดคุยเรื่องงานการศึกษาซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณด้านการสร้างและปรับปรุงอาคารต่างๆ

ช่างทาสีชุดนี้ ผ่านประสบการณ์การทำงานในโรงเรียนเล็กๆมาหลายโรงเรียน จึงเข้าใจบริบทโรงเรียนบ้านหนองผือเป็นอย่างดี และรู้ได้ทันที ว่าเท่าที่เห็นและเป็นอยู่นี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับงบประมาณภาครัฐ แต่ได้จากเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา

ผมก็เลยบอกหัวหน้าช่างว่า..ปรับปรุงอาคารเรียนหลังนี้เสร็จแล้ว ก็คงไม่ประสงค์อะไรอีก พอกันที เพราะนี่คือการรอคอยมานานมาก และเข้าสู่..ความพร้อมเต็มรูปแบบแล้ว

ช่างทาสีที่อายุน้อยที่สุด ตั้งข้อสังเกต เด็กที่นี่อ่านหนังสือและท่องสูตรคูณเก่ง อยากให้ลูกเป็นอย่างนี้บ้าง ผมก็เลยถามว่าลูกช่างเรียนที่ไหน ลูกอยู่ชั้นไหนแล้ว...?

ช่างบอกว่าอยู่ ป.๔ พอเอ่ยชื่อโรงเรียนเท่านั้น ผมก็พูดขึ้นทันทีว่าเป็น”เป็นโรงเรียนในกองทุนการศึกษา” และผมก็บอกชื่ออำเภอที่โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ เหมือนว่าจะรู้จักเป็นอย่างดีด้วย

พอคุยกันรู้เรื่อง ช่างก็เลยคุยต่ออย่างภาคภูมิใจ “แฟนผมเป็นกรรมการโรงเรียน ลูกผมได้ทุนเรียนฟรีจนจบป.ตรีเลยครับ ผอ.” “ดีใจด้วยครับ นี่แหละอานิสงส์ของโรงเรียนกองทุนล่ะ...”

ผมเพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อย โดยบอกช่างทาสีว่า “โรงเรียนที่ลูกช่างเรียนอยู่นั้น ปัจจุบันเด็กน้อยกว่าผมอีก เมื่อก่อนก็ดูโทรมๆ เดี๋ยวนี้ดูร่มรื่นสะอาดสดใส มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย เป็นบุญของผู้บริหารและครู รวมทั้งชุมชนด้วย..”

สิ่งที่ผมไม่ได้บอกช่างก็คือ ผมเคยฝันเล็กๆอยู่พักนึง ทั้งที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย จะมีสักวันไหม?ที่โรงเรียนจะได้เข้าโครงการกับเขาบ้าง???????

โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีกระแสพระราชดำรัสกับประธานองคมนตรีเพื่อดำเนินการด้านการศึกษาและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียนและครู

โดยพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้แก่คณะองคมนตรี ดำเนินการสนองพระราชประสงค์แบบปิดทองหลังพระ เพื่อสร้างความพร้อมด้านกายภาพให้แก่โรงเรียน พัฒนาความรู้และปลุกจิตวิญญาณความเป็นครู ให้สวัสดิการครู สร้างจิตสำนึกให้ครูรักศิษย์ ศิษย์รักครู

พระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการกองทุนการศึกษา” เริ่มดำเนินงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ปัจจุบันมีโรงเรียนในโครงการทั้งหมด ๑๕๕ โรงเรียน ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

“ผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียนกองทุนฯ ต้องมุ่งมั่น ขยันทำงาน ต้องเสียสละ ซื่อสัตย์สุจริตให้เป็นต้นแบบของครูทั่วไป เพราะทำงานภายใต้โครงการพระราชดำริ ที่น้อยคนนักจะได้ทำงานแบบนี้ นับเป็นบุญวาสนาอย่างยิ่ง” ผมบอกช่างทาสี

ช่างทาสียิ้ม ก่อนพรั่งพรูข้อมูลออกมา...”ตอนนี้ ผอ.ย้ายมายังไม่ถึงปีเลย ถูกย้ายภายใน ๒๔ ชั่วโมง ให้มาช่วยราชการที่เขตฯซะแล้ว...ผู้หลักผู้ใหญ่เขาสั่งให้ทำโครงการฯ.. ก็ไปเปลี่ยนแปลงโครงการเขาซะงั้น เขาจะมาเยี่ยมโรงเรียน ให้ผอ.เตรียมข้าวกล่องให้หน่อย ผอ.ก็บอกแม่ครัวว่า เด็กกินยังไงก็ให้กินแบบนั้น...”

ผมฟังแล้ว..ขนลุกซุ่เลย..ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ช่างทาสีพูดถึง เป็นบุคคลระดับประเทศ ที่น่าเคารพยกย่อง ท่านทำงานหนักอย่างจริงจังและตั้งใจ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการพระราชดำริ

ผมไม่พูดอะไรต่อ...ขอนำเรื่องนี้ไปสอนลูกหลาน...ว่าจะทำงานใดก็ต้องดูทิศทางลมร่มเงาไม้ อย่าไปนอกลู่นอกทาง อย่าอวดเก่ง อย่าเหลิงอำนาจ ทำตามผู้ใหญ่ที่เขาแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความวิริยะอุตสาหะ มิฉะนั้นจะเกิดความยุ่งยากในชีวิต ถ้าหากทำตัวแบบผอ.ท่านนี้เขาเรียกว่า...บุญมีแต่กรรมมาบดบัง..โดยแท้

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๓๐  มกราคม  ๒๕๖๖

หมายเลขบันทึก: 711467เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2023 21:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มกราคม 2023 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท