3 มกราคม 2550


บันทึกประจำวัน วันที่ 3 มกราคม 2550                 เมื่อคืนเดินทางกลับมาจากอุบลถึงโคราชเวลาประมาณ 23.30 น.  คนเยอะมากเหนื่อยมากด้วย  เพราะการไปรอรถโดยสารที่ บขส. เป็นอะไรที่เหนื่อยมากจอแจไปหมด  แล้วก็ฉลองรับปีใหม่ด้วยการทำเสื้อกันหนาวกับหนังสือเพิ่งซื้อมาใหม่หาย  เสียดายสุดๆ แต่เพราะความสะเพร่าของเราเอง            ปีใหม่ปีนี้คิดว่าจะเป็นปีหมูทอง  เป็นปีที่ทุกอย่างทุกเรื่องง่ายไปหมด หมูๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย  มีเหตุระเบิดที่กรุงเทพวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เลย  พลอยทำให้ผู้คนในเกือบทุกจังหวัดหงอยไปด้วย  และส่วนตัวเราเองก็มีปัญหาให้วุ่นวายใจพอสมควร  และคิดว่าถ้ากลับไปบ้านน่าจะช่วยให้ดีขึ้นได้  แต่ปรากฏว่าพอได้ไปเจอเพื่อนๆ ก็กลับได้รับรู้ปัญหาของเพื่อนในหลากหลายรูปแบบอีก  ซึ่งทำให้รู้สึกหดหู่ลงไปอีก  แต่เราคิดว่าปัญหาทุกอย่างมันเริ่มต้นจาก วิธีคิด ของตัวเราเองนั่นแหละว่าจะคิดถึงปัญหาในแง่ใดรูปแบบไหน  บางทีปัญหาที่เราเจออาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เราคิดก็ได้  แต่เราก็คิดไปแล้วว่ามันหนักมากจนไม่สามารถที่จะหาทางแก้ไขได้  พอได้เจอปัญหาของเพื่อนทำให้เราย้อนกลับมาดูตัวเราเองว่าถ้าเราคิดว่าปัญหาที่เราเจอยังไงก็ต้องมีทางออกมีวิธีการแก้ไขก็จะทำให้เราไม่ต้องเป็นทุกข์กับปัญหานั้นมากสักเท่าไร  แต่ถ้าเรามองว่าปัญหาที่เราเจอมันหาทางออกไม่เจอไม่รู้จะทำยังไงแล้วจมปลักอยู่กับปัญหา  มันก็ยิ่งทำให้เราทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก  ทำให้ได้เรียนรู้ว่าวิธีการจัดการกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ คือ ต้องจัดการกับวิธีคิดของตัวเองให้ได้ก่อน  เพราะเมื่อจัดการกับตัวเองได้แล้วต่อไปเราคงจะแก้ไขกับเรื่องอื่นๆ ได้  เพราะปัญหาทุกวันนี้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากวิธีคิดของคนแต่ละคนนั่นเอง                การทำงานวันนี้ประสานงานกับทีมวิชาการ โครงการสกว. ABC เพื่อเรียนเชิญอาจารย์ที่ยังไม่เคยลงพื้นที่ด้วยให้ได้ลงพื้นที่ในวันที่ 9-10 มกราคม 2550 นี้  โดยโทร.ชวนอาจารย์รัตนาและอาจารย์วิเชียรซึ่งยังไม่เคยลงพื้นที่เลย  เพื่อจะได้ให้อาจารย์ไปเห็นสถานการณ์จริงในพื้นที่อาจจะทำให้อาจารย์ได้ภาพมากกว่าการที่เราไปลงพื้นที่แล้วกลับมาเล่าให้อาจารย์ฟัง  แต่ติดต่ออาจารย์รัตนาไม่ได้  ส่วนอาจารย์วิเชียรก็รับปากจะลงพื้นที่ด้วยทั้ง 2 วันเลย  จากนั้นก็ประชุมศูนย์แต่วันนี้นั่งคุยกันแบบไม่เป็นทางการซักเท่าไรเพราะว่าทีมภาคีฯ  มาใช้ห้องประชุมเล็กแถลงข่าวเรื่องเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และเหตุไฟไหม้ในจังหวัด  เมื่อแถลงข่าวเสร็จแล้วเราก็ย้ายไปประชุมกันต่อในห้องประชุมเล็ก  สาระในการประชุมวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับต้อนรับนักศึกษาจากออสเตรเลียที่จะมาลงพื้นที่ที่อำเภอวังน้ำเขียว  ประโคนชัย  เขื่องใน  และอำเภอสิรินธร  ปัญหาที่พบตอนนี้คือจำนวนล่ามคนไทยที่จะลงไปช่วยแปลให้นักศึกษาออสเตรเลียยังไม่พอ  เพราะเพิ่งได้มาแค่คนเดียว  แต่ต้องการอีก 3 คน  จึงเป็นปัญหาพอสมควร  แต่เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ ก็มีน้องนักศึกษาเอกภาษาอังกฤษ (น้องแจง)  มาสอบถามเรื่องการไปลงพื้นที่เป็นล่าม  ก็เลยได้เข้ามาคุยกับพี่ใหม่กับอาจารย์ปรีชาว่าทราบข่าวมาจากอาจารย์พิศิษฐ์  จากนั้นอาจารย์ปรีชาก็ให้น้องแจงโทร.ตามเพื่อนๆ ที่สนใจมาอีก 3 คนและนัดหมายให้มาคุยกันอีกครั้งตอนบ่ายโมง  สำหรับการรายงานความคืบหน้าของงานแต่ละโครงการมีดังนี้  โครงการ สกว. พลังชุมชน  พี่บราวน์รายงานว่ามีการนัดหมายลงไปคุยเวที KM วันที่ 26 ม.ค. 50 ที่ จ.สุรินทร์ โครงการเด็กรักป่า (โดยพี่ต๋อยกับพี่จืด)  เวลา 09.00 น.  และเวลา 16.00 น. ไปคุยกับพ่อเสวย อ.ปราสาท  วันที่ 29 ม.ค. 50 เวลา 09.00 น. ที่ ต.อิเซ จ.ศรีสะเกษ (โดยอาจารย์ธีระวุฒิ)  และเวลา 16.00 น. ที่ อ.เมือง จ.อุบล (โดยคุณคิด) และเรื่องที่เชิญทีมแม่ประมวล  แม่ปราณี  คุณไผท  มาคุยที่วังน้ำเขียวในวันที่ 6 ม.ค. 50 นี้  พี่บราวน์ได้แจ้งไปยังพื้นที่ว่าให้เตรียมนำเสนอตารางกิจกรรมสำหรับนักศึกษาออสเตรเลียด้วย  โครงการ สกว. ABC เรารายงานเรื่องการนัดหมายลงพื้นที่ในวันที่ 9 ม.ค. 50 ไป กิ่ง อ.บัวลาย และ อ.ประทาย  วันที่ 10 ม.ค. 50 ไป กิ่ง อ.สีดาและกิ่ง อ.ลำทะเมนชัย  สำหรับอาจารย์ที่จะลงพื้นที่ด้วย  ได้แก่  อาจารย์วิเชียร  อาจารย์โอ๋  อาจารย์ปรีชา  และอาจารย์ปรีชาบอกว่าให้เตรียมข้อมูลในการลงพื้นที่ด้วย  พอคุยมาถึงตรงนี้ทีมอาจารย์ที่จะมาคุยเรื่องประวัติม.ราชภัฏกับอาจารย์ปรีชาก็เริ่มทยอยมาแล้ว  การประชุมศูนย์จึงมีอันต้องหยุดไปโดยปริยาย                  พอพักเที่ยงเตรียมอาหารให้ทีมอาจารย์เรียบร้อยแล้วกินข้าวเสร็จก็มานั่งถอดเทปเป็นจริงเป็นจังสักทีเพราะวันนี้ยังไม่ได้ถอดเทปสักตัว  วันนี้ถอดเทปลงพื้นที่ อ.บ้านเหลื่อม  พอฟังเทปไปก็ทำให้นึกถึงภาพและบรรยากาศในการประชุมวันนั้นได้เลย  เหมือนเป็นการทบทวนการทำงานของเราไปในตัวด้วย  แต่จะเสียอย่างหนึ่งตรงที่เราไม่ได้บันทึกชื่อคนพูดตามเทปไปด้วย  ทำให้ต้องนั่งนึกว่าเสียงนี้เป็นใครชื่ออะไรหรือฟังจากเนื้อหาที่เขาพูดหรือจากที่เขาแนะนำตัว  แต่ถ้าเราบันทึกชื่อคนพูดพร้อมประโยคขึ้นต้นของเขาไว้ด้วยจะช่วยงานถอดเทปเราได้มากขึ้น  รู้แต่ไม่จำสักที  วันนี้ถอดเทปช่วงบ่ายได้ประมาณ 1 หน้าม้วนเทป คือ 7 หน้ากระดาษเอ 4  ก็โอเค.เพราะปกติวันหนึ่งเราก็ถอดได้ประมาณ 1 ม้วนอยู่แล้ว  มีหลายคนบอกว่าการถอดเทปเป็นเรื่องน่าเบื่อแต่สำหรับเรา  เรากลับชอบ  เพราะเรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการฝึกสมาธิไปในตัวด้วย 
หมายเลขบันทึก: 70781เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2007 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
หวัดดีป้าสุ...คงจำกันได้นะ...ป้าจัดการกับปัญหาได้ดีนะ...คงเหนื่อยมาก..สู้ๆนะป้า..หลานขอเป็นกำลังใจให้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท