ฉันเิริ่มสนใจติดตามอ่านบทสัมภาษณ์องค์สมเด็จพระจักรพรรดิตั้งแต่ทรงเสด็จเยือนประเทศไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติเมื่อกลางปีนี้แล้ว ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือฉันกำลังเตรียมตัวจะมารับทุนที่ประเทศของท่านนี่เอง ดังนั้น ในบรรดาพระราชอาคันตุกะทั้งหลาย ฉันจึงมีความสนใจที่จะอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านมากกว่าใคร อีกทั้งฉันต้องการจะเก็บข้อมูลไว้ไปรายงานเซนเซวิชาดาบซามูไรของฉันด้วย
และยิ่งฉันได้อ่านบทสัมภาษณ์องค์สมเด็จพระจักรพรรดิมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทราบว่าท่านและราชวงศ์เบญจมาศทรงมีความสนิทสนมผูกพันกับในหลวง และราชวงศ์จักรีของเราอย่างลึกซึ้งมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว และสำหรับในหลวงของเรานั้น องค์สมเด็จพระจักรพรรดิท่านทรงสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ และนี่เป็นครั้งแรกด้วยที่ทรงเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการในฐานะองค์สมเด็จพระจักรพรรดิซ้ำถึงสองครั้ง เพราะปกติตามธรรมเนียม protocol มักจะไม่ทำซ้ำกัน คือถ้าเคยเสด็จแล้ว อีกครั้งจะไม่นับเป็นทางการ แต่จะเสด็จเป็นการส่วนพระองค์มากกว่า
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกที่ทรงเสด็จหลังจากทรงครองราชย์อีกด้วย ซึ่งเรื่องอย่างนี้ ทั้งในเรื่อง protocol และในเรื่องการเลือกเสด็จไทยเป็นประเทศแรก ผู้ที่อยู่ "นอกวงการ" อาจไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่สำหรับ "คนใน" แล้ว นับว่า องค์สมเด็จพระจักรพรรดิทรงถวายพระเกียรติในหลวงของเราเป็นอย่างยิ่งมาก
ถ้าอยากจะทราบถึงความชื่่นชมที่ทรงมีต่อในหลวงของเราว่ามากแค่ไหน ก็อาจจะพอยกตัวอย่างได้ ในคำพระราชทานสัมภาษณ์ของพระองค์ท่านที่มีต่อสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่นก่อน ที่จะทรงเสด็จเยือนประเทศไทยเป็นทางการในคราวงานฉลองของในหลวงนั่นเอง
ฉันนั้นเป็นคนรักในหลวง และในส่วนของต้นตระกูลของฉันเองก็เคยได้มีโอกาสมารับใช ้เบื้องพระยุคลบาทถึงญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยล้นเกล้าร.๕มาจนถึงร.ปัจจุบัน กล่าวได้ว่า ต้นตระกูลฉันก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้งสองราชวงศ์ ในการดูแลทุกข์สุขมานานกว่าร้อยปีแล้วในสองประเทศในต่างกรรม ต่างเวลากัน จนกระทั่งมาถึงรุ่นของฉันนี่ ฉันก็ยังได้รับน้ำใจไมตรีจากแผ่นดินนี้มาเป็นระยะ ๆ ไม่ขาดสาย จนกระทั่งถึงวันนี้
ดังนั้น ฉันจึงยึดเอาองค์คุณธรรมข้อกตัญญูกตเวทิตาูธรรมเป็นที่ตั้ง แล้วก็น้อมใจไว้ว่า ถ้ามีโอกาส ฉันก็อยากจะไปแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ที่เคยให้การช่้วยเหลือเกื้อกูลแก่ฉันและต้นตระกูลมามิได้ขาด จึงเป็นที่น่ายินดียิ่ง ที่ได้ทราบเืมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้เองว่า ทุก ๆ ปี ที่ญี่ปุ่นจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปถวายพระพรองค์พระจักรพรรดิได้ในช่วงปีใหม่ ฉันเลยตั้งใจไว้ว่า ไม่ว่าจะหนาวเหน็บแค่้ไหน ก็จะสู้เพียรไปร่วมงานให้ได้ เพียงเพื่อจะส่งใจไปกวายพระพร และกล่าวอนุโมทนากับกิจต่าง ๆ ที่ท่านทรงทำในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขต่อราษฎร ทั้งที่ได้รับการเผยแพร่ออกสู่สายตาประชาชน และที่ไม่ได้รับการเผยแพร่
การไปเข้าเฝ้าจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าต่อดีกว่า วันนี้เหนื่อยมากแล้ว.....
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ คุณสิริพร ที่่กรุณาแวะมาอ่าน และให้กำลังใจ :-)