"ถ้าเราไปรอพระราชบัญญัติป่าชุมชนอยู่.....ป่าไม้ของลูกหลานเราก็หมดไปก่อนแล้ว" อาจารย์สมศรี ทองหล่อ แกนนำผู้สานต่อกระบวนการ ป่าชุมชน กล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เอาจริง
ทำไมต้องมีป่าชุมชน ใครได้ ใครเสีย แนวคิดเร่มจาก นายสายลม เพ็งสอน หัวหน้ากลุ่มรักษ์ป่าเป็นผู้ทำเรื่องเสนอขอกำหนดเขตป่าชุมชนเนื้องจากเห็นการทำลายป่า ทวีความรุนแรงมากขึ้นแต่เนื่องจากนายสายาลมไม่มีพลังพอประกอบกับได้รับแรงบีบจากนายทุนในอำเภอสตึก เรื่องจึงเงียบไป
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความพยายามในการกำหนดเขตป่าชุมชนขึ้นมาอีกมีปัจจัยดังนี้
1. มีนายกองค์การบริหารตำบล นายสมจิต พรมศรี ที่เห็นความสำคัญและเอาจริงในเรื่องนี้
2. มีกำนันที่เอาจริง เด็ดขาก เพราะเมื่อเดือนก่อนไปไปยกเลิกฉโนดที่ดินกว่า 30 ไร่ที่ สปก ไปออกให้นายทุนในอำเภอ ขณะที่กำลังพิสูจน์สิทธิ์อยู่....
3. มีองค์กรภาคประชาชนที่เข้มแข็งนำโดย อ.สมศรี ทองหล่อ ที่ทำงานมานานกว่า 10 ปี
4. โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรณาพระบรมราชินีนาถ
ด้วยเหตุปัจจัย 4 ประการ ทำให้มีพลังที่มากพอในการสานฝันของชาวบ้านที่อยากมีป่าชุมชนเป็นของตัวเอง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 6 ทำประชาวิจารณ์ เพื่อให้ อบต. และอำเภอให้ความเห็น จึงเป็นขั้นตอนสำคัญ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็จะไปที่จังหวัดตรวจสอบ กรมป่าไม้อนุมัติโครงการและสั่งเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ร่วมดำเนินการ และจังหวัดต้องติดตามแนะนำและรายงานผลการปฏิบัติปีละ 1 ครั้ง
จะเห็นว่า ปัจจํยที่ 1-3 เป็นปัจจัยของความเข้มแข็งของชุมชนผ่านทางตัวผู้นำที่ไม่อยู่ในสายการเมืองทั้ง นายกอบต. ร่อนทองและกำนันตำบลร่อนทองส่วนปัจจัยที่ 4 เป็นปัจจัยที่ทำใหเกิดความมั่นคงและกำลังใจหาที่สุดมิได้
เป็นสิ่งที่ดีที่ชุมชนเห็นความสำคัญของป่า แต่ยังมีคนอีกมากมายที่ยังมืดมนในเรื่องนี้ หรือเราคิดแค่ผลประโยชน์เล็กน้อยที่เขาได้ โดยไม่คำนึงถึงภายภาคหน้า