หมูขึ้นเขียง จากความตั้งใจของผมเอง และทั้งถูกเขี้ยวเข็น ขู่เข็น หรือแม้กระทั่งการหว่านล้อมมาอันยาวนานของอาจารย์ที่ปรึกษาก็ตาม จนแล้วจนรอดความคิดก็ยังไม่ตกผลึกเสียที ทั้งนี้ด้วยความไม่พร้อมด้านกระบวนคิด กลัวผิดอันเนื่องจากความแหลมคมของสติปัญญา และอีกนานัปการ จึงทำให้เนื้อหาสาระที่เป็นวิชาการเกี่ยวกับการจัดการความรู้ในระบบเกษตรประณีต ยังไม่ขึ้นสู่จอสักที และเมื่อย่างก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ 2550 แห่งปีหมูนำโชค ซึ่งหมูตัวน้อยๆ ตัวนี้ก็พร้อมที่จะโดนสับเป็นชิ้นๆ แล้วครับ เพื่อจะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ถึงอย่างไรตามด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดอาจจะยังถ่ายทอดได้ไม่ดีนัก คงขอพึ่งใบบุญของผู้รู้ทั้งหลายจาก GotoKnow ได้กรุณามาเป็นพลังเสริม และเติมเต็มให้ด้วยนะครับ
พี่น้องครับ....จากที่ผมได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับเกษตรประณีตไปบ้างแล้วนั้น ก็มีเพียงส่วนน้อยที่เข้าใจ และคงมีส่วนมากที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจว่าการทำเกษตรประณีตคืออะไร เพราะจากข้อมูลที่ปรากฏก็คือว่า เวลาผมไปพูดคุยกับใครถึงเรื่องนี้ทุกคนก็จะถามเพิ่มเติมครับว่าจริงๆ แล้วเกษตรประณีตนี้ต้องทำอย่างไร และนอกจากนั้นยังมีโทรศัพท์มาสอบถามเช่นกันครับว่าคืออะไร และมีวิธีการดำเนินการอย่างไร จึงทำให้ผมได้ตระหนักเพิ่มขึ้นครับว่าเราต้องทำให้ผู้อ่านทุกท่าน และพี่น้องเกษตรกรทั่วไปได้มีความเข้าใจสามารถนำไปปฏิบัติได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงใคร่ขออนุญาตในการนำเสนอเพิ่มเติมดังนี้ครับ
เบื้องหลังความเป็นมา เกษตรประณีต 1 ไร่ เป็นจุดเริ่มต้นจากแนวความคิดที่มาจากปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการประกอบอาชีพ ของพี่น้องชาวอีสานกันเองที่ต้องเดินทางกลับบ้านโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา จากการไปทำงานต่างถิ่นหลังจากประเทศพบกับภาวะความล้มเหลวทางเศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ. 2540 นอกจากนั้นยังไม่พอแถมมีหนี้สินกลับมาด้วยอีกต่างหาก
บุญยังหนุน หากภายใต้วิกฤติดังกล่าว ยังมีกลุ่มชาวบ้านที่ทุกคนยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ได้ร่วมกลุ่ม และจัดตั้งขึ้นเป็น เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน โดยได้พยายามศึกษารูปแบบการทำเกษตรกรรมโดยไม่ได้เอาเงินเป็นตัวตั้งในระบบการผลิต หากยกเอา "ความสุข" ขึ้นมาเป็นตัวตั้ง หันมาทำการเกษตรแบบผสมผสานพึ่งตนเอง ด้วยการออมน้ำ ออมความอุดมสมบูรณ์ของดิน ออมสัตว์ และออมต้นไม้อย่างยั่งยืน
เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน ได้รวมตัวกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2540 โดยเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาความรู้จนสามารถพึ่งพาตนเอง และพึ่งพากันเองอย่างสมดุล และมีความสุข กระทั่งทำให้ผู้ที่เข้าร่วมอยู่ในกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กลายเป็นผู้ที่รวยความสุข และมีอยู่มีกิน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้องค์ความรู้อันเกิดจากการทำเกษตรแบบผสมผสานของปราชญ์ชาวบ้านแต่ละท่านที่สั่งสมกันมาเนิ่นนานนั้น จะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่าสามารถช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสานพออยู่ พอกิน มีสุขภาพดี และสิ่งแวดล้อมดีก็ตาม หากทว่ากลุ่มเกษตรกรที่เจริญรอยตามปราชญ์เหล่านั้นมักติดกรอบที่ว่าต้องลงทุนมาก ต้องมีแรงงานมาก จึงจะทำได้สำเร็จ
ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว จึงเกิดโครงการวิจัยและพัฒนาเกษตรกรรมอย่างประณีต 1 ไร่ สู่การมีอยู่ มีกิน ลดหนี้ปลดสิน ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งมีทีมปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสานเป็นแกนนำในการดำเนินการวิจัย โครงการดังกล่าวเน้นการนำเอาองค์ความรู้ในการทำเกษตรผสมผสานของปราชญ์ชาวบ้านและให้ผู้นำแต่ละท่านที่ประสบความสำเร็จมาออกแบบการทำเกษตรกรรมอย่างประณีตในพื้นที่ 1 ไร่ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาทั้งปริมาณและชนิดของพืชผักที่ใช้ปลูก ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าให้ใช้ประโยชน์ได้จริงในที่ดิน 1 ไร่ นอกจากนั้นยังเกิดองค์ความรู้ในครอบครัว ในชุมชน ตลอดจนในเครือข่ายที่สังกัด พร้อมทั้งสามารถนำความรู้ที่ได้ขยายผลสู่บุคคล และชุมชนอื่น
ในแนวทางการศึกษาดังกล่าวเป็นโจทย์ใหญ่ที่เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน ต้องร่วมกันขบคิดในการดำเนินการครั้งนี้ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงแนวความคิด การจัดการเรื่องดิน เรื่องระบบน้ำ และระบบการปลูกพืชที่เอื้อประโยชน์ต่อกันอันจะรวมถึงเรื่องของการจัดการแสงที่ต้องเพียงพอในระบบการผลิตด้วย
ก้าวต่อไป อย่างไรก็ตามจากแนวทางการวิจัยเรื่องการทำเกษตรกรรมอย่างประณีตในพื้นที่ 1 ไร่ ในช่วงระยะเวลาเกือบ 10 ปี ของเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสานที่ผ่านมา ก็นับว่ามีความคืบหน้าและประสบความสำเร็จไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบการจัดการน้ำ ระบบการปลูกพืชที่มีความสอดคล้องกับแสง อีกทั้งยังไม่สามารถขยายผลได้อย่างกว้างขวางมากนัก จากข้อข้องใจเหล่านี้จึงมีคำถามอยู่ว่า แล้วเราจะช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำเกษตรกรรมอย่างประณีตในพื้นที่ 1 ไร่ ให้มีรูปแบบที่เหมาะสม และสามารถขยายไปสู่วงกว้างได้อย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป….
ขอบคุณมากครับ
อุทัย อันพิมพ์
1 มกราคม 2549
แล้วทราบหรือยังว่า
มีเรื่องเยอะเลย ต้องคุยกัน "ในบ้าน"
แต่ ต้อง "กลับบ้าน" ก่อนครับ
มาช่วนกันสร้าง ทำให้ดี น่าอยู่
ไปแต่ที่อื่น ไม่มองบ้าน
แล้วบ้านจะดี จะสวย จะน่าอยู่ได้อย่างไร
จะได้ไม่ต้องถามบ่อยๆ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
กำลังหาทางกลับบ้านครับ แต่กลับไม่ถูก
ด้วยความเคารพ
อุทัย