ฟ้าลิขิต ให้มาพบกับวรรณกรรม

โดย...นายธีระวุฒิ  ภูสะเทือน
วันแรกที่ได้มาอยู่กลุ่มวรรณกรรมทีแรกผมก็ไม่อยากมาเรียนวรรณกรรมเพราะว่าผมไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร พอดีมีเพื่อนมาด้วยผมก็ไม่เป็นห่วงเท่าไรแต่ก็ดีจะได้มีที่ปรึกษาเราจะเป็นเพื่อนคุยเพื่อนเล่นหลังจากแบ่งกลุ่มวรรณกรรมเสร็จทุกคนก็มาร่วมตัวกันแล้งก็แบ่งกลุ่มอีกครั้งหนึ่งก็มีกลุ่มวรรณกรรมจะแบ่งออกได้ย่อย ๆ 3 ประเภทคือ ผญา คำสอย และนิทานพื้นบ้าน ต่อจากนี้ก็มีครูภูมิปัญญา หรือ กลุ่มช้างนาว ที่มาให้ความรู้กับกลุ่มวรรณกรรม ซึ่งครูปัญญาแต่ละท่านมีความสามารถไม่เหมือนกันและมีความรู้ไม่เท่ากัน บางคนก็อาจรู้เรื่อง ผญา อีกคนหนึ่งอาจรู้เรื่องคำสอย อะไรประมาณนี้ อย่างเช่น คุณยายทองอ่อน   จันทะสอน คุณยายจะมีความสามารถสอยลามกได้ดีและสอยให้ผมฟังทีผมก็ไม่ตลกแต่พอยายสอยไปนาน ๆ  ผมก็หัวเราะออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนคุณยายมาเล่าก็ตอนแรกที่พึ่งเข้ามาเรียนใหม่ ๆ อาจารย์ก็ให้พวกเราไปถามครูภูมิปัญญาเกี่ยวกับเรื่องนิทานพื้นบ้าน ผญา คำสอย  หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้พวกเรารวบรวมแล้วก็มาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ก็สนุกไปอีกรูปแบบหนึ่งวันศุกร์ต่อมาอาจารย์ก็ให้เข้าไปเรียนในหมู่บ้าน สถานที่เรียนก็คือ วัดท่าชัยศรีต่อจากนั้น ผมก็เอาสมุดไปเขียนเอง ตอนนั้นยังไม่มีสมุดบันทึกให้ มันเป็นอุปสรรคในการเรียนของผมต่อจากนั้นอาจารย์ก็ให้แต่ละกลุ่มไปถามครูภูมิปัญญาอาจารย์จะแบ่งให้ว่ากลุ่มไหนจะได้เรื่องอะไร ต่อจากนั้นกลุ่มของผมก็ได้ไปถามครูภูมิปัญญาในเรื่องมิทานพื้นบ้าน ตอนนั้นผมได้นิทานพื้นบ้าน แล้งก็ได้รายงานอยู่ที่วัด ซึ่งผมก็ประทับใจตอนนั้นที่ได้ออกไปรายงานทีแรกผมคิดว่ากลุ่มภาษาไทยจะเป็นวิชาที่ยากและเรียนไม่รู้เรื่องตอนแรกผมก็เบื่อ ๆ และไม่อยากเรียนวรรณกรรมเลย แต่ในที่สุดก็ไม่มีทางเลือกผมก็เรียนผญา  ผมคิดว่าการเข้ามาเรียนวรรณกรรมในครั้งนี้ มีความรู้ที่เป็นประสบการณ์ที่ได้เข้ามาศึกษาในเรื่องผญา คำสอย นิทานพื้นบ้าน ผมก็ไม่รู้ว่าผมรักวรรณกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อไปผมจะเป็นคนที่ขยันเรียน และจะรักเรียนยิ่ง ๆ  ขึ้น

[สุทธินันท์]

เธอเขียนรายงานได้ดี ให้รายละเอียดดี เอ่ยถึงแม่ใหญ่ทองอ่อน ขอให้ขยายฝีมือให้เก่งๆ