ชีวิตที่พอเพียง : 185. ชีวิตตอนแก่ของผมมีความสุขมากกว่าชีวิตตอนหนุ่ม


คำถามแบบนี้ สำหรับนัก KM ตอบง่ายครับ คือมีทั้งที่จริงและไม่จริง

ชีวิตที่พอเพียง  : 185. ชีวิตตอนแก่ของผมมีความสุขมากกว่าชีวิตตอนหนุ่ม

         ชีวิตตอนแก่ของผมมีความสุขมากกว่าชีวิตตอนหนุ่ม จริงหรือ?  

          คำถามแบบนี้ สำหรับนัก KM ตอบง่ายครับ     คือมีทั้งที่จริงและไม่จริง

         ในเชิงสนุกสนาน ชีวิตตอนไหนจะดีเท่าตอนเป็นเด็ก และในวัยหนุ่ม

         แต่ผมเป็นคนชอบความท้าทาย     ผมมีความสุขอยู่กับสิ่งท้าทาย   อยู่กับการทำสิ่งที่เราไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ     ตอนเป็นเด็กและวัยหนุ่ม ชีวิตของผมมีการเรียนเป็นสิ่งท้าทาย     เมื่อเรียนได้สำเร็จก็มีความสุขมาก    ผมให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ เสมอ     โดยควักกระเป๋า ๒ บาท ซื้อทองหยิบ ๕ - ๖ หยิบให้ตัวเองกิน     บอกตัวเองว่า กินซะ จะได้มีแรงเรียนต่อไป

        ตอนไปจีบสาว ก็เป็นความท้าทายนะครับ    เมื่อเห็นท่าทีเขาสนองตอบ เราก็มีความสุข     ยิ่งตอนสร้างครอบครัวด้วยกัน     ค่อยๆ สร้างตัวทีละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่หวังร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง  แต่ครอบครัวมีความมั่นคงเพิ่มขึ้น เราก็มีความสุข   

        แต่ความท้าทายที่สุดของผมอยู่ที่การทำงาน     ผมเป็นมนุษย์ประเภทบ้างาน     หาความสุขจากการทำงานท้าทายที่แปลกๆ แหวกแนว      เมื่องานเดินไปได้ดีพอสมควร ก็มีความสุข     การทำงานแบบนี้ต้องเผชิญอุปสรรคเยอะมาก เพราะมันเป็นงานที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย     หรือเห็นว่ามันเกินกำลัง     หรือเป็นงานที่อาจไปสร้างความยุ่งยากให้เขา     หรือรบกวนผลประโยชน์เขา      ผมก็เดินหน้าโดยประนีประนอมบ้าง  แหวกทางบ้าง  ถูไถบ้าง  ชนบ้าง  ถอยหนีบ้าง      ผมจึงเป็นคนที่มีศัตรูมาก     ต้องทำงานแบบระวังตัวแจ

         แต่ผมก็โชคดี ที่งานแหวกแนวทั้งหลายนั้น คนเขารู้ ว่าถ้าทำสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม  ต่อหน่วยงาน  หรือต่อประเทศ     เขาจึงมักเกลียดไม่ค่อยลง      แต่ก็ไม่ค่อยรัก  เพราะผมเป็นคนก้าวร้าว หัวแข็ง     ตรงไปตรงมา ไม่ค่อยเกรงใจคน    และไม่มีพวก    ไม่หาพวก    เป็น angry young man  

         ความคิดแปลกๆ แหวกแนวของผมตอนหนุ่มๆ ไม่ค่อยมีคนฟัง     มีคนฟังเหมือนกัน    แต่ฟังแล้วไม่ค่อยมีคนคิดว่าทำได้     ดูมันเพ้อฝันเกินไป     ผมก็จะรู้สึกอึดอัดขัดใจ     ชีวิตวัยหนุ่มของผมจึงลุ่มๆ ดอนๆ กับการยอมรับและไม่ยอมรับของคนรอบข้าง    

         ชีวิตคู่ก็แปลก     ตอนดูใจกันใช้เวลากว่า ๕ ปี     พอแต่งงานไม่เท่าไร ผมก็คิดว่าผมเลือกเมียผิด     แต่ภรรยาเขาบอกว่าเขาผิดยิ่งกว่า     เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะแต่งงานกับคนที่แย่ขนาดนี้     คือนิสัยไม่ดีเลย     

         ชีวิตวัยหนุ่มเป็นชีวิตที่รสจัด ร้อนแรง    มีความสุขจากการได้ทำ  ได้เห็นความสำเร็จของตนเอง     แม้จะลุ่มๆ ดอนๆ ชีวิตวัยหนุ่มของผมก็จัดได้ว่ามีความสุข     เจือทุกข์อยู่บ้างในระดับที่พอทนไหว    

         พอแก่เข้า  ความสุขเปลี่ยนไปอีกแบบ     แม้นิสัยดั้งเดิม ที่เรียกว่าสันดาน ไม่เปลี่ยน     แต่เป็นชีวิตที่รสนุ่มลง หรือนุ่มนวลขึ้น     มองโลกได้รอบด้านมากขึ้น     ใจร้อนน้อยลง     คือเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างต้องใช้เวลา  ต้องรอจังหวะ     ต้องเห็นใจคนอื่นที่ชีวิตของเขา  ประสบการณ์ของเขา แตกต่างออกไป     และต้องยอมรับว่ามุมมองต่อเรื่องต่างๆ ของคนเราแตกต่างกันได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

         ชีวิตวัยแก่เป็นชีวิตรสนุ่ม กลมกล่อม     มีความสุขจากการได้เห็นความสำเร็จของผู้อื่น     สนุกกับการได้ชื่นชมผลงาน และความดีของคนรอบข้าง     และของผู้คนในสังคมวงกว้าง     คนแก่โชคดีที่มีทุนสังคมสั่งสมไว้มาก    จึงหาสิ่งดีๆ มาชื่นชม ให้ความสุขแก่ตัวเองได้ไม่ยาก     ยิ่งสนุก ที่ได้มีส่วนช่วยแนะนิดๆ หน่อยๆ ให้คนหนุ่มสาวเขามีกำลังใจ     ให้เขาเห็นลู่ทางทำงานสร้างผลงาน และทำประโยชน์ให้แก่สังคม

         ที่โชคดีมากคือตอนแก่ผมมีโอกาสเรียนรู้จากผู้คน  จากการเข้าไปร่วมกิจการต่างๆ มากขึ้น    หลากหลายขึ้น    ทำให้เป็นชีวิตที่น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ    คุ้มกับการเบี่ยงเบนชีวิตตนเอง ที่ควรใช้ชีวิตตามเส้นทางอาชีพแพทย์ ที่น่าจะมั่นคงและให้ผลประโยชน์สูงมาก     มาเดินเส้นทางชีวิตแนวพเนจร     ฝ่าเข้าไปในดินแดนที่ตนไม่คุ้นเคย     กลายเป็นว่าได้สั่งสมทุนชีวิตและทุนสังคมไว้สูงมาก     คือเป็นชีวิตที่ร่ำรวย แต่ไม่ใช่รวยเงินหรือทรัพย์สินในความหมายทั่วไป     เป็นการรวยสินทรัพย์เพื่อการเรียนรู้

         ผมเขียนบันทึกนี้เพราะ ศ. ดร. ยอดหทัย เทพธรานนท์ ส่งอี-เมล์ มาบอกว่าอ่าน บันทึกใน บล็อก ของผมแล้วรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ของผมมีความสุขมาก และรักเมียมาก     ซึ่งเป็นความจริง     ผมจึงลองมาตีความชีวิตของตัวเองในวันใกล้สิ้นปีเป็นการทบทวนชีวิตตนเอง     ไม่ทราบว่าเป็นการยกหางตัวเองมากไปหรือไม่    

วิจารณ์ พานิช
๓๐ ธค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 70293เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2006 09:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้เข้าใจท่านอาจารย์หมอวิจารณ์มากขึ้นนะครับ..
  • คือท่านอาจมีเมตตาให้กับคนบางคน..และท่านอาจท้าชนกับบางคนได้..ด้วยความเป็นคน..ตงฉิน..ของท่านนี่เอง
  • คนที่อายุมากขึ้น..ความสุขุมคัมภีรภาพ..ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว..ครับ

  อ่านบันทึกอาจารย์ฉบับนี้แล้ว อิ่มสุข อิ่มเอมใจ อิ่มแนวคิดของอาจารย์ ต้องขอขอบคุณ ศ.ดร.ยอดหทัย ที่ไปสะกิดต่อมความหลังให้อาจารย์ยอมนั่งบันทึกจุดที่คลิ๊ก ที่ดีที่สุดให้ลูกหลานอ่านเอาเป็นมงคลในวันปีใหม่  

  ถ้าไม่มีบทชีวิตจริง การทำความดีมันก็จะสลัวๆไม่ชัดเจนว่าทำไปแล้ว คำตอบสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

  ก็เพิ่งมาให้ยินชัดๆนี่แหละว่า  คนแก่ก็มีความสุขกว่าคนหนุ่มได้  ทำให้กลุ่มยักแย่ยักยันกระหยิ่มตามเป็นแถวๆ 

  ขอให้อาจารย์อายุหมั่นขวัญยืน เป็นตัวอย่างตัวจริงที่พิสูจน์ได้ ตรงนี้ผมสังเกตได้เช่นกันว่า ไม่มีงานอะไรที่ทำแล้วอาจารย์ไม่สนุก ยิ่งแจกการบ้านให้พวกกระเต๊าะไปทำ 360 องศา นี่ยิ่งประทับใจ ยังติดตาติดใจมาจนบัดนี้.

  บันทึกของอาจารย์ อยู่ในวัย 25-30 ปี ผมไม่ทราบว่ามีใครเคยรู้สึกกับอายุตัวอักษรหรือเปล่า  ในทางวิชาการเขามีบ้างไหมที่กล่าวถึงประเด็นนี้ หรือผมเผลอเรอรู้สึกไปข้างๆคูๆคนเดียว

  ผมไม่บังอาจยกตัวเองไปอธิบายอะไร

แต่อยากจะบอกว่า ชีวิตมีอะไรที่ขัดหูขัดตาคนอื่นเรื่อยมา อาจจะเป็นเพราะยึดตัวตนเกินไป

มีคนให้ข้อจำกัดความว่า..

ทำงานกับครูบาฯ มีทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขี่น

แม่บ้านผมเขาก็ทนรับสภาพจนชาเฉยไปแล้ว อยากจะทำอะไรก็เชิญ เพราะเขารู้ว่า..ขัดใจไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็หาทางหลบเลี่ยงไปทำตามที่คิดจนได้

เลยกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ทำๆๆๆ วันไหนไม่ได้ทำเฉาตาย อายุสั้นทันที

ได้เรียนรู้จากอาจารย์มากค่ะ     ขอให้อาจารย์มีความสุขและแข็งแรงทั้งกายและใจตลอดปี2550ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท