ความคิดของผู้บริหาร กับ หน้าที่ของสื่อมวลชน


แล้วโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก็เป็นจำเลยสังคมอีกเหมือนเดิม จากที่ข่าวของการใช้งานโปรแกรมแคมฟรอก (camfrog) จากผู้ใช้บางกลุ่มที่นำไปใช้งานอย่างไม่เหมาะสม ผมเริ่มเห็นจากรายการโทรทัศน์ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับการที่เด็กเล่นเกมส์ ติดเกมส์ออนไลน์ มาระยะหนึ่ง ทางหน่วยงานรัฐ ก็ออกมาสนองตอบข่าวที่ถูกประโคมขึ้นโดยสื่อ ในด้านที่โทรทัศน์รายงาน ผมมักจะเห็นด้านที่เสนออกมาพยายามทำให้เห็นด้านร้าย มากกว่าด้านดี (ถึงแม้จะนำเสนอด้านดีบ้าง แต่ก็ไม่เด่นเท่าด้านร้าย) ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ชมไม่ต่างอะไรกับการได้รับคำบอกเล่าถึงความไม่ดีของการใช้งานอินเตอร์เน็ทและคอมพิวเตอร์ จริงอยู่ว่าผมเองเป็นผู้ประกอบการยอมมีความคิดโน้มเอียงไปด้านผู้ให้บริการบ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงความรับผิดชอบทางสังคม ถึงแม้ร้านผมจะไม่ได้ให้บริการเกมส์ออนไลน์ (ในขณะนั้น แม้กระทั่งขณะนี้ ผมก็ยังไม่ได้สนับสนุนเกมส์ออนไลน์) แต่ความที่การตลาดของร้านเกมส์ออนไลน์ มีความเกี่ยวข้องกับร้านเน็ทของผมเหมือนกัน ผมก็พอจะเดาทางออกว่า ต่อไปมันต้องมีความเดือดร้อนมาถึงร้านผมแน่ แล้วก็เป็นจริง

โปรแกรมประเภท IM (Instant Message) เริ่มโด่งดังมาจาก ICQ แล้วก็พัฒนาเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็น MSN หรือ Yahoo ก็พยายามจะมีส่วนแบ่งในการตลาดของโปรแกรมนี้ โปรแกรม IM เหล่านี้ ก็ยังคงอยู่แต่โปรแกรมใหม่ ๆ ก็ยังพยายามผลิตมาเพื่อแย่งตลาดโดยการหาความสามารถ(Feature) ใหม่มาเพื่อสร้างความแตกต่าง เมื่อกล้อง web camera พัฒนาขึ้น เน็ทความเร็วสูงเข้าทั่วถึง การสื่อสารผ่านเน็ทราคาถูกลง แถมสามารถทได้ทั้งคุยไป เห็นหน้าไป .... โลกมันแคบลงซะแล้ว

Skype ก็เป็นอีกโปรแกรมที่ทำท่าว่าจะมาแรง เนื่องจากมีการสร้างอุปกรณ์สำหรับคุยโทรศัพท์ผ่านโปรแกรมโดยตรง แต่ก็ติดขัดเรื่องการแย่งการตลาดของโทรศัพท์ทางไกล ทำให้ไม่เกิดซะที EyeballChat ได้ยินชื่อโปรแกรมแล้ว ทำให้นึกถึงสมัยที่ยังเล่นวิทยุสมัครเล่น การแชทที่เห็นได้ด้วยลูกตา MSN และ Yahoo ก็ยังพัฒนาให้ใช้ WebCam ได้แล้วเช่นกัน แม้กระทั่ง Google ยังต้องลงมาเล่นกับตลาดนี้ ด้วย GoogleTalk มาถึง Camfrog ผมเห็นโปรแกรมนี้ครั้งแรก คือตอนที่คนใบ้ เข้ามาใช้โปรแกรม แล้วคุยกันผ่านหน้าจอ ..... (ชอบจริง ๆ เลย ร้านจะได้เงียบ ๆ ) ผมไม่ได้หมายความว่าโปรแกรมนี้จะมีประโยชน์เพียงเพราะให้คนใบ้ใช้งาน เพราะ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะโปรแกรมนี้ คุณก็สามารถสื่อสารให้เห็นภาพได้เช่นกัน ความเด่นของโปรแกรมนี้ คือการเปิดหน้าจอของกล้องได้หลายหน้าจอ (ถ้าลงทะเบียนแล้ว (หลายท่านอาจไม่รู้ แถมยังมีการแครกโปรแกรมให้เหมือนว่าลงทะเบียนแล้วได้อีกต่างหาก))   

ผมเห็นว่าในร้านผมเองยังมีคนมาเล่นกันอยู่เรื่อย ๆ บ้างก็หางาน บ้างก็หาข้อมูลทำรายงาน บางคนมาหาดูเวปโป๊ โหลดหนัง หรือคลิปวิดีโอ ผมห้ามเขาไม่ได้ครับ แต่ก็พยายามป้องกัน (แหมโหลดรูปหน่ะ เปลืองแบนด์วิทช์นะครับ) ถึงจะกันได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ยังดี แต่ที่ผมสงสัยคือ ร้านเน็ท เป็นที่สาธารณะ แน่นอนว่าถ้าคุณทำร้านให้โล่งมองเห็นได้ตลอด ใครจะมาทำอนาจารในร้านคุณได้ แต่หน่วยงานราชการกลับทำให้ร้านเน็ทและเกมส์กลายเป็นจำเลยโดยมุ่งเน้น ว่าร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เกินไปบ้าง มีโปรแกรมที่ไม่ควรมี (ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้สื่อข่าวที่ถือเชือกสนตะพายไว้) แต่ผู้ใช้ที่อยู่ตามบ้าน ในห้องส่วนตัว อพาร์ทเมนต์ หรือหอพัก กลับไม่สามารถทำอะไรได้ (ไม่น่ากลัวกว่าเหรอครับ) ยิ่งทุกวันนี้ หอพักเปิดใหม่ มีเน็ทความเร็วสูงให้ใช้แทบทั้งนั้น ผู้บริหารกลับมาคิดว่าจะให้เปิดบริการเป็นเวลาไหน ถึงเวลาไหน (ถ้าเปิดแล้วไม่มีคนเข้าใครเขาจะเปิด ไม่เห็นต้องมากำหนดให้วุ่นวาย)  ผมว่า กฎต่าง ๆ ที่ออกมา มันก็สะท้อนความคิดของผู้บริหารว่ามีวิสัยทัศน์แค่ไหน ทำไมไม่ทำให้ร้านเน็ทร้านเกมส์ พยายามก้าวสู่ร้านที่เห็นแหล่งความรู้ ทำให้เขาเปิดกว้างด้วยการสนับสนุน Open Source เพื่อให้โปรแกรมมีโอกาสเผยแพร่ และพัฒนาไป ผมเองคิดที่จะเอาเครื่องเก่ามาลง Linux TLE แล้วเปิดให้ใช้ฟรี สักสี่ห้าเครื่อง เอาไว้เสร็จแล้ว จะถ่ายรูปมาให้ดู(ว่าจะมีคนใช้ไหมของฟรี 555)

วันนี้คงพล่ามแค่นี้ ไม่มีสาระมาก แต่ก็ ได้แสดงความคิดเห็นบ้าง สบายใจดี  

คำสำคัญ (Tags): #dinoprogrammer
หมายเลขบันทึก: 69915เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2006 16:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม 2012 10:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท