โรคหน้าหนาว


เชื้อหวัดไวรัส ไม่มียาฆ่า เชื้อจะหายเองโดยภูมิต้านทานในร่างกายของเราในเวลาประมาณ 5-10วัน
หวัดเป็นโรคภัยที่พบบ่อยที่สุด ในหน้าหนาวเลยทีเดียว และก็ยุคนี้เป็นยุคสมัยที่เราควรจะมีความรู้ทางด้านโรคภัยไข้เจ็บมากพอสมควร และควรที่จะรักษาตนเองเบื้องต้นได้ และควรที่จะไปหาซื้อยาเองเบื้องต้นได้ โดยอาจปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยาให้ช่วยอีกแรงหนึ่งนะคะ เรามาทำความรู้จักกันเลยค่ะ

เชื้อหวัดเป็นเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่เล็กที่สุด เล็กกว่าเชื้อแบคทีเรียนับเป็น ร้อยเป็นพันเท่า ติดต่อทางไอจามน้ำมูก และเชื้อมักอยู่ในอากาศ เมื่อเราอ่อนแอ หรืออากาศเย็นและได้รับเชื้อก็ติดหวัดได้ เชื้อหวัดเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ แบ่งเป็นกลุ่มไวรัสหลักๆ ประมาณ 9 ชนิด แต่ละชนิดยังแยกไปอีกนับสิบสายพันธุ์ รวมกันแล้วจึงมีเกิน 100 ชนิด ( เนื่องจากมีมากชนิด จึงไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันหวัด ) เชื้อ เหล่านี้ทำให้เกิดโรคต่างกันไป ขึ้นกับสายพันธ์และ ความอ่อนแอของผู้ติดเชื้อ เช่น ไรโนไวรัส ( Rhinovirus ) อาจทำให้เกิดหวัดธรรมดา คันจมูกน้ำมูกไหล ไอ จามในผู้ใหญ่ แต่เชื้อเดียวกันนี้อาจทำให้เป็นปอดอักเสบติดเชื้อ คือมีไข้ ไอหอบเหนื่อย และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็กๆเป็นต้น ไวรัสบางตัวก็ทำให้เป็นหวัดคัดจมูกธรรมดา อาจมีเจ็บคอ คออักเสบ หรืออาจมี หลอดลมอักเสบ ซึ่งจะมีอาการไอมากตลอดเวลา และอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ ด้วยซึ่งจะมีอาการ ไข้ไอ หอบ เป็นต้น ไวรัสบางชนิดเช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่ อินฟลูเอนซ่าไวรัสบี ( Influenza virus B ) อาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เพลียลุกไม่ไหว หรืออาจมีแค่เจ็บคอมีน้ำมูกเฉยๆก็ได้ 

พยายามพักผ่อนให้มากที่สุด ทำตัวให้อบอุ่น อะไรที่รู้ว่าไม่ดีกับเราก็ให้เลี่ยง เช่นบางคนจะรู้ตัวเลยว่า โดนเย็นไม่ได้ โดนพัดลมไม่ได้ กินน้ำเย็นไม่ได้ ก็ให้เลี่ยง เนื่องจากต้องพักผ่อนให้มาก จึงควรทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่นพวกแป้งและน้ำตาล เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำหวาน น้ำผลไม้ อาหารที่ย่อยยากและไม่ควรทานในช่วงนี้ได้แก่ ของเผ็ด ผัก ของมัน หรือเนื้อสัตว์ ( ทานเล็กน้อยอาจพอได้ ) หรืออาหารที่มีแก็สมีลม เช่น ถั่ว น้ำอัดลม (ถ้าจะทานก็ได้ แต่ควรเขย่าหรือคนจนลมหมดไม่มีแก็ส ) ที่ควรทานอาหารย่อยง่าย เพราะว่าบางคนจะมีกระเพาะอาหารอักเสบได้เมื่อเป็นหวัด ที่เรียกว่าหวัดลงกระเพาะ จะมีอาการท้องอืดเฟ้อได้ง่าย หรือในกรณีที่จะนอนพักผ่อน ก็ไม่ได้เดินย่อยอาหารก็ท้องอืดเฟ้อได้เช่นกัน 
เชื้อหวัดไวรัส ไม่มียาฆ่า เชื้อจะหายเองโดยภูมิต้านทานในร่างกายของเราในเวลาประมาณ 5-10วัน ยาที่ใช้เป็นแต่ยาบรรเทาอาการ ที่คุณหมอนิยมเรียกว่าการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น 
1. แก้ปวดลดไข้ ที่ปลอดภัยที่สุดคือ พาราเซ็ตตามอล 500 มิลลิกรัม เรียกง่ายว่า พารา ทาน 1-2 เม็ดทุก 6 ชั่วโมงได้ ในผู้ใหญ่ที่หนักประมาณ 50 กิโล ยาตัวนี้จะเป็นยาแก้ปวด และลดไข้ ใช้ได้ ทั้งแก้ปวดหัว ปวดเมื่อย ปวดฟัน ปวดประจำเดือน ปวดแผลฟกช้ำกระแทก แก้ปวดได้ทุกอย่าง ยกเว้นสามอย่างเท่านั้น คือปวด อุจจาระและปัสสาวะ ปวดใจอกหัก ที่แก้ไม่ได้ ที่สำคัญคือยานี้ไม่กัดกระเพาะทานตอนท้องว่างได้ยิ่งดียิ่งออกฤทธิ์เร็ว และยานี้ไม่ลดน้ำมูกเลย ไม่ช่วยเรื่องคัดจมูกเลย ลดไข้และแก้ปวดเท่านั้น ยาลดไข้อีกตัวคือแอสไพริน ไม่แนะนำเพราะกัดกระเพาะ ปวดท้องได้ และจะซ้ำเติมทำให้เลือดออกในกระเพาะได้ และซ้ำเติมโรคไข้เลือดออกได้ 
2. ยาลดน้ำมูก ทีควรหามาทานได้ มีทั้งแบบที่ง่วงและไม่ง่วง ที่ง่วงแต่ได้ผลดี คือยาแก้แพ้ คลอเฟนนิลามีน มีชี่อเรียกย่อว่า ซีพีเอม ( Chlorphenilamine : CPM ) เม็ดละประมาณ 4 มิลิกรัม ทาน 1 เม็ดออกฤทธิ์ได้ประมาณ 4-8 ชั่วโมง แต่บางคนง่วงมาก จึงไม่ควรขับรถทุกชนิดหลังทาน เพราะอาจหลับในได้ ยาตัวนี้ก็ราคาถูก แสนดี ไม่กัดกระเพาะ กินท้องว่างได้ยิ่งออกฤทธิ์เร็วดีอีกด้วย ยาลดน้ำมูกที่ไม่ง่วงมีหลายตัวแต่ราคาแพงกว่าตกเม็ดละประมาณเกิน 6 บาท บางคนได้ผลบางคนไม่ได้ผล บางตัวต้องกินไปหลายวัดจึงจะออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ยาประเภทนี้ให้ปรึกษา เภสัชกรที่ร้าน เพราะมีหลายราคา พวกนี้ไม่กัดกระเพาะ ควรทานตอนท้องว่างจะได้ออกฤทธิ์เร็ว
3. ยาลดอาการคัดจมูก ยาแก้ไอ ยาอม สามารถจะใช้ได้โดยปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยาเช่นกัน 
4. ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ควรจะใช้เมื่อมีอาการเจ็บคอมากขึ้นมาก หรือมีน้ำมูกเขียวเหลือง หรือเป็นหวัดมา 3-4 วัน แล้วยิ่งเจ็บคอมากขึ้น ควรอยู่ในความดูแลแพทย์หรือเภสัชกรเช่นกัน ถ้าจะทานควรทานติดต่อกันอย่างน้อย 5-7 วันเพื่อไม่ให้เชื้อดื้อยา ที่ทานได้อีกตัวหนึ่งคือฟ้าทะลายโจรเพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเป็นยาสามัญประจำบ้านเช่นกัน แต่ทานประมาณ 5-7 วันเช่นกัน และไม่ทานต่อเนื่องเป็นเดือนเป็นปี
5. การทานวิตามินซี ไม่มีรายงานชัดเจนว่ารักษาหวัดได้ แต่บางคนก็เชื่อเช่นนั้น จะทานก็ได้ แต่ไม่มากเกินไป หรือจะทานน้ำส้ม น้ำมะนาวก็ได้ครับ อย่าลืมไปดูว่าอาการอะไร ที่รุนแรงและควรไปพบแพทย์ และอย่าลืมว่าเด็กเล็กเป็นหวัดก็ควรพบแพทย์เช่นกัน ค่ะ
ที่สำคัญคือป้องกัน และอย่าไปไกล้คนเป็นหวัดครับ หวังว่าคงจะได้รับความรู้กันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องลองเป็นดูก่อน นะคะ
คำสำคัญ (Tags): #สาธารสุข
หมายเลขบันทึก: 69592เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2006 03:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 12:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท