ภูสอยดาว


ภูสอยดาว
ชีวิตคือการเดินทางความใฝ่ฝันที่จะเข้าถึงธรรมชาติ เป็นแรงบันดาลใจให้ผมและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ ต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ มากมาย ในครั้งนี้เราได้มีโอกาสเดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ที่ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างสมบูรณ์ การเดินทางไปภูสอยดาว ในการเดินทางครั้งนี้ ผมกับเพื่อนได้ตัดสินใจว่าจะขนสัมภาระขึ้นไปเอง โดยไม่ได้จ้างลูกหาบ เหตุผลหนึ่งที่ไม่จ้างลูกหาบนั้น เป็นเพราะอยากสัมผัสความยากลำบากที่ถึงขีดสุดแล้วว่าเป็นอย่างไร 10.15 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม 2543 การเดินทางผจญภัยบททดสอบจากบท เรียนธรรมชาติ เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผมและเพื่อนแบ่งสัมภาระว่าใครจะรับผิดชอบอะไร เมื่อแบ่งเสร็จแล้ว น้ำหนักของสัมภาระที่แต่ละคนรับผิดชอบนั้นร่วม 10 กิโลกรัม และเมื่อผมแบกสัมภาระขึ้นหลังแล้วผมรู้ได้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้คงจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว 

เราเริ่มต้นเดินทางไปตามทาง เดินลัดเลาะไปตามน้ำตกภูสอยดาว ธารน้ำตกที่ไหลรินสร้างความสดชื่นให้กับผมเป็นอย่างมาก ผมและเพื่อนเดิน และ เดิน ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินส่งญาติ โดยทางขึ้นจะเป็นทางชันสูงมาก มองดูแล้วก็หวั่นใจอยู่ เหมือนกับว่ามนุษย์ตัวน้อยอย่างเราจะขึ้นไปถึงเหรอ ความหิว เริ่มมาเยือน 

ผมและเพื่อนจึงตัดสินใจพักทานอาหารกันก่อน เพราะยังไม่ได้ทานเลยตั้งแต่เช้า อาหารมื้อนั้นเรากินกันที่ทางขึ้นเนินส่งญาติ เราทำอาหารประจำแค้มป์ก็คือ มาม่า เจ้าเก่านั่นเอง ระหว่างนั่งต้มมาม่า ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เดินลงมาจากภูหลายคน เราก็ทักทายกันประสาคนเดินทาง แต่ทุกครั้งที่คุยเสร็จ จะสร้างความกดดันให้ผมและเพื่อนอย่างมาก เพราะมีแต่คนถามว่ามากัน 2 คนเหรอ ขนสัมภาระขึ้นไปเอง เหรอ และคำถามยอดฮิต ที่ทุกคนถามผมและเพื่อน ก็คือจะไปกันไหวเหรอ นับสิบครั้งที่มีคนเดินผ่านมาเห็นและถาม 

ผมและเพื่อนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ยิ้มตอบไป ในใจผมก็คิดแต่ว่าจะต้องไปให้ถึงให้ได้ แต่ทุกครั้งที่มีคนถาม ผมก็ยอมรับว่าหวั่นใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อทานอาหารเสร็จ เราก็เริ่มไต่ความชันของเนินส่งญาติขึ้นไป เนินส่งญาตินี้มีระยะทางไกลพอสมควร หยดเหงื่อเริ่มซึมออกมาบ้างแล้ว ความเมื่อยล้าเริ่มถาโถมเข้าสู่ร่างกาย ขาของผมเริ่มตึง ๆ แล้ว ผมคิดในใจว่าสงสารขาตัวเองเหลือเกิน ที่ต้องแบกน้ำหนักร่วม 80 กิโลกรัม ขึ้นทางชันขนาดนี้ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะก็ใจมันอยากไปนี้ เนินต่อมาเป็นเนินลานหิน ทางยังชัน รก ทึบ เหมือนเดิม เส้นทางที่เดินลำบากมาก ควรใช้รองเท้าผ้าใบสำหรับเดินป่าโดยเฉพาะ ขอเน้นว่ารองเท้า Combat อย่าใส่ครับเพราะหนักมาก จะเป็นอุปสรรคในการเดินทางขึ้นสู่ที่สูง ที่ต้องเน้นเพราะว่าผมใส่ Combat ผ้าไป เกือบไม่รอดเหมือนกัน ลำพังเครื่องหลังก็หนักอยู่แล้วยังมาหนักรองเท้าอีก  เนินต่อไปก็เป็นเนินปราบเซียน ตลอดเส้นทางเป็นทางขึ้นบ้างลงบ้าง แต่จะเป็นทางชันเป็นส่วนใหญ่ มีรากไม้ ก้อนหินให้เดินเตะสะดุดตลอดทาง เส้นทางค่อนข้างไกล ก็นับว่าปราบเซียนสมชื่อจริง ๆ ตอนนี้เสื้อของผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว เครื่องหลังก็รู้สึกว่าจะหนักขึ้นทุกที ๆ แต่ก็กัดฟันเดินมาถึงเนินป่าก่อเนินนี้ยังไม่หนักหนาอะไร เนินต่อไปเป็นเนินเสือโคร่ง เนินนี้ผมประทับใจมาก เดินไป 2-3 ก้าวต้องหยุดแล้ว เพราะเมื่อยมากขางี้ร้าวทั้งขาเลย เส้นทางเดินเป็นหินก้อนใหญ่ปนดินลื่นและชันมาก ถ้าก้าวพลาดนี่ลงไปกองที่ปลายเนินได้ง่าย ๆ เลย ถึงตอนนี้ก็เริ่มท้อใจเหมือนกัน สภาพของผมกับเพื่อนย่ำแย่ลงทุกที เนินเสือโคร่งนี้ผมว่าหนักแล้วนะครับ แต่เนินต่อไปเป็นเนินมรณะ เป็นเส้นทางที่โหดที่สุด เป็นบทเรียนธรรมชาติบทสุดท้ายก่อนเข้าสู่ ลานสนสามใบภูสอยดาว เส้นทางจะเป็นทางดินชันเกือบ 35 องศา เส้นทางคดเคี้ยวมาก มองออกไปด้านข้างจะเป็นขอบหน้าผา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ ตอนนี้หากเซหรือถลานี่มีโอกาสได้ลงทางลัดสู่ตีนภูแน่ ๆ ตอนนี้สายฝนเริ่มตกลงมาแล้ว หมอกลงจัดมาก ความสมบูรณ์ของร่างกายเหลือเพียง 10% เท่านั้น 

ตอนนี้ทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยสายฝนกับเหงื่อ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ขาเริ่มก้าวไม่ออกแล้ว แต่ก็ได้แต่ก้มหน้าเดิน เดิน และเดินอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนี้ผมได้รู้แล้วว่าความยากลำบากเมื่อถึงขีดสุดแล้วอยู่ประมาณไหน ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ฝนก็ตก จะหยุดก็หยุดไม่ได้ ตอนนี้ผมกับเพื่อนแทบจะคลานกันแล้ว เพราะไม่ไหวแล้ว เครื่องหลังมันหนัก ขาก็ไม่ไหวแล้ว แต่ก็กัดฟันเดิน ในใจคิดแต่ว่าเรา จะหยุดไม่ได้ตลอดทาง 

จนมาถึงจุดชมวิวก่อนสิ้นสุดเนินมรณะ เราก็พักทานน้ำกันเพราะเพิ่งผ่านทางที่โหดที่สุดของเส้นทาง มาบริเวณจุดชมวิวจะเห็นวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ ได้โดยรอบ มีหมอก จาง ๆ ลอยไปทั่วผืนฟ้า ยอดเขาแต่ละลูกจะมีเมฆสีขาวลอยปกคลุมอยู่สวยงามมาก สักพักเราเริ่มเดินทางต่ออีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงลานสนแล้วตอนนี้เส้นทางเป็นทางเรียบเดินสบาย ๆ แล้ว เมื่อเข้าเขตลานสนแล้วในใจผมได้เฝ้าคิดแต่ว่ามันเป็นความฝันแน่ ๆ ทำให้ผมหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งมันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง ภาพตรงหน้าเป็นป่าสนสามใบมีหมอกปกคลุม มีละอองน้ำล่องลอยเหมือนดินแดนแห่งความฝันที่อยู่ในความเป็นจริง ผมและเพื่อนใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 6 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงลานสนได้ ความเหนื่อยล้าที่มีค่อย ๆ จางหายไปกับธรรมชาติที่สวยงาม ตกกลางคืนอากาศบนภูค่อนข้างหนาวเย็น มีดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด เช้าวันรุ่งขึ้นผมและเพื่อนเริ่มออกเดินสำรวจเส้นทางรวม ๆ ลานสน ตอนแรกก็ไม่รู้จะไปไหน แต่บังเอิญได้พบกลุ่มนักศึกษา 3 คนจากกรุงเทพฯ เหมือนกันจึงตัดสินใจเดินทางสำรวจไปพร้อม ๆ กัน พวกเราเริ่มเดินทางตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่ามาไกลพอสมควร เพราะเดินกันมาเป็นชั่วโมงแล้วตอนนี้พวกเราเริ่มหาทางกลับกันแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน หากเดินกลับทางเดินก็จะใช้เวลานาน และก็มีทางแยกหลายทางมาก จึงตัดสินใจเดินย้อนทางลัดเลาะสันเขาไป ตอนนี้กลุ่มของพวกเรา 5 คนกำลังยืนอยู่ขอบหน้าผา ซึ่งเป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่สวยงาม เมื่อมองออกไปจะเป็นสายหมอกปกคลุมทิวเขาไปทั่วบริเวณ สวยงามมาก จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงที่กางเต็นท์จนได้ 

รุ่งเช้าวันต่อมาเป็นวันที่จะต้องเดินทางกลับแล้ว ตอนเช้าอากาศหนาวมาก มีหมอกเต็มไปหมด เมื่อเตรียมเครื่องหลังเสร็จก็เริ่มเดินทางลงจากลานสนผ่านเนินต่าง ๆ ซึ่งต้องระมัดระวังมากกว่าตอนขึ้นซะอีก เพราะฝนเพิ่งตกลงมาเมื่อวานทำให้พื้นเป็นดินแฉะและลื่นมาก ตอนลงตอนลงค่อนข้างอันตรายกว่าตอนขึ้น แต่พวกเรา 5 คนก็ผ่านมาได้ด้วยดี ความเหนื่อยล้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง สภาพของแต่ละคนย่ำแย่ลงทุกที แต่เมื่อได้ยินเสียงน้ำตก ความสดชื่นก็กลับมาอีกครั้ง พวกเราได้แวะเล่นน้ำตกภูสอยดาว และอาบน้ำชำระร่างกายก่อนจะอำลาป่าภูสอยดาว เพื่อเดินทางสู่กรุงเทพ

คำสำคัญ (Tags): #ภูสอยดาว
หมายเลขบันทึก: 69462เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2006 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบค่ะ เป็นตัวอย่างงานเขียนเรื่องเล่าแฝงเทคนิคต่างๆ ได้อย่างน่าอ่านค่ะ ถ้าเห็นรูปถ่ายประกอบด้วยจะจริงน่าอ่านมากๆ ค่ะ

คู่มืออยู่ที่นี่นะค่ะ http://gotoknow.org/blog/tutorial/58550

ส่วนดิฉันในฐานะผู้ดูแลระบบอยู่ที่นี่ค่ะ support @ gotoknow.org มีคำถามข้อสงสัยเรื่องการใช้ GotoKnow สอบถามมาได้ค่ะ หรือที่นี่ก็ได้ค่ะ http://tutorial.gotoknow.org

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท