เรื่องเล่าใต้ภูเขาน้ำแข็ง ตอน...สงครามเย็น


สายน้ำหญิงสาวผู้อ่อนโยน มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีน้ำใจ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเสมอ เธอกับพบรักกับ สายฟ้า ชายหนุ่ม ที่มีความอบอุ่น ดูเป็นผู้นำ เป็นคนมีเหตุผล เธอและเขาได้ตกหลุมรักกัน คบหาดูใจกัน ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และมีลูกด้วยกัน 1 คน

.

.

แต่งงาน 3 ปีผ่านไปความรัก ความรู้สึกประทับใจ ชื่นชมที่เคยมีต่อกันนับวันยิ่งจางลางเลือน สายฟ้ามักมีหงุดหงิดสายน้ำบ่อยๆ เรื่องการเลี้ยงลูก

"น้ำ พี่อยากช่วยดูแลกำกับเรื่องความรับผิดชอบของลูกให้ดีกว่านี้ได้มั้ย นี่อะไร ตามใจลูก จนลูกไร้วินัยไปหมดแล้ว"

.

"น้ำ ถ้าน้ำจะตามใจลูกแบบนี้ พี่ไม่โอเคนะ ลูกอยากได้อะไร อยากทำอะไร น้ำก็ให้ลูกหมด"

.

อื่นๆ อีกมากมายรายวัน สิ่งที่น้ำตอบสนองคือ นิ่ง เงียบ ไม่พูดอะไร บางทีก็รับปากว่าจะใส่ใจให้มากกว่าที่เคย

.

ความเงียบ ไม่ใช่ การยอมรับ เข้าใจเสมอไป หลายครั้งน้ำเถียงเสียงดังในใจ แต่เก็บเอาไว้ ไม่กล้าพูด เพราะกลัวความขัดแย้ง กลัวการทะเลาะ กลัวการเป็นต้นแบบที่ไม่ดีให้ลูกเห็น

.

.

นานวันเข้ามันเกิดเป็นสงครามเย็น ไม่ส่งเสียง แต่พลังความร้อนก็แผ่กระจายออกไปปกคลุม ใกล้เหมือนไกล ภายนอกเงียบแต่กรีดร้องในใจ ภาพภายนอกที่ผู้คนเห็น คือ ครอบครัวที่น่ารักแสนอบอุ่น แต่ลึกลงไป ทุกคนในครอบครัวสัมผัสพลังงานความกรุ่นร้อน (สงบสุก...เผาใจ)

.

.

สายน้ำอยากรักษาครอบครัวนี้ไว้ แต่อีกใจก็อยากทำลาย อยากแยกทางไป ต่างคนต่างอยู่ไปเลย ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ดั่งคำโบราณว่าไว้ (โซ่ตรวนทองคำ)

.

.

สายน้ำอยากแก้ปัญหานี้ แต่ไม่เห็นหนทางใดที่จะแก้ใจตัวเองได้ จึงนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกัน เป็นเพื่อนที่สายน้ำรู้สึกปลอดภัย วางใจและมีหวังว่าเพื่อนคนนี้ อาจจะช่วยเธอได้ จึงนัดเจอกันและนั่งพูดคุย

.

.

มายด์ "เป็นอย่างไรบ้างน้ำ หายไปนานเลย"

.

สายน้ำ "ก็เรื่อยๆ นะ แต่ช่วงนี้มีเรื่องหนักใจ เลยอยากคุยกับมายด์"

.

มายด์ "อืม...มีเรื่องหนักใจ ฟังจากเสียงและท่าทางของน้ำแล้วดูจะหนักมากเลย"

.

สายน้ำ "ใช่ เรารู้สึกว่าเราจะทนไม่ไหวแล้ว เรากลัวตัวเอง กลัวใจตัวเองมากๆ "

.

มายด์ "น้ำทนเรื่องอะไรอยู่ ที่บอกว่ากลัวตัวเอง กลัวใจตัวเอง น้ำเห็นความคิดอะไรของตัวเองที่ทำให้รู้สึกกลัว"

.

สายน้ำ "เรารู้สึกต้องใช้ความอดทนมากกับเรื่องครอบครัว เรากลัวตัวเองจะระเบิดความรู้สึกออกมา กลัวทำให้ครอบครัวแตกแยก กลัวทำให้ลูกเสียใจ"

.

มายด์ "ฟังเหมือนน้ำเก็บความรู้สึกอะไรไว้มากๆ หรือเปล่า บอกได้ไหมว่าความรู้สึกนั้น เป็นความรู้สึกอะไรที่เก็บเอาไว้ ที่ต้องอดทน ที่ทำให้รู้สึกกลัว"

.

สายน้ำ "เรารู้สึกโกรธพี่ฟ้า บางทีเราก็เห็นว่ามันเป็นความรู้สึกเกลียด เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ของตัวเองเลย มันแย่มากๆ ที่เรารู้สึกแบบนี้ แต่เราก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ พี่ฟ้าไม่เข้าใจเราเลย ตั้งแต่มีลูก เหมือนความสัมพันธ์ดีๆ ที่เคยมีมันหายไปหมด แต่ละวันเราเจอพี่ฟ้า ก็ได้ยินแต่คำตำหนิว่าเราเป็นแม่ที่ไม่ดี เหมือนเราทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เคยทำถูกในสายตาเขาเลย" 

เล่าไปพลางร้องไห้ไปพลาง

.

มายด์ฟังและฟังอยู่กับน้ำด้วยความเห็นใจและวางใจ ไม่รีบพาน้ำกระโจนออกจากความรู้สึกแย่ๆ แต่ปล่อยให้น้ำได้เล่าระบายไปเรื่อยๆ สักพักเมื่อดูว่าน้ำผ่อนคลายบ้างแล้วจึงเริ่มพูดคุยต่อ

.

มายด์ "ที่เราฟัง เราได้ยินว่า น้ำโกรธพี่ฟ้า บางทีก็รู้สึกเกลียด เหมือนพี่ฟ้าไม่เข้าใจน้ำ และมักตำหนิน้ำเรื่องการเลี้ยงลูก และเราได้ยินน้ำบอกว่าน้ำไม่ชอบตัวเองที่รู้สึกแบบนี้ด้วย น้ำตำหนิตัวเองด้วยหรือเปล่า เห็นไหมว่าน้ำมักตำหนิตัวเองเรื่องอะไร ถ้ามีนะ"

.

สายน้ำ "ใช่ เรามักตำหนิตัวเอง เราไม่ชอบที่ตัวเองต้องอดทน ไม่ชอบที่ตัวเองไม่กล้าพูดความรู้สึก ความต้องการของเราออกไป เราเองก็มีความรู้สึก ความคิดเหมือนกัน เราไม่ชอบที่ตัวเองเป็นเมียที่ไม่ได้เรื่อง เป็นแม่ที่ไม่ดี" 

เล่าไปก็สะเทือนใจน้ำตาไหลริน

.

มายด์จับมือเพื่อนไว้อีกครั้งส่งความสงบใจไปโอบกอดใจฟังและฟัง ให้สายน้ำได้เล่าระบายความอัดอั้นอีกรอบ จนสายน้ำเริ่มสงบใจขึ้น

.

มายด์ "ตอนนี้รู้สึกเบาขึ้นบ้างไหม การได้พูดความรู้สึก ความคิดออกมา"

.

สายน้ำ "อืม...ขอบคุณนะ พอได้เล่าแบบนี้ ได้ร้องไห้ออกมามันรู้สึกเบาขึ้น"

.

มายด์ "แล้วอะไรทำให้น้ำไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ กับพี่ฟ้าล่ะ"

.

สายน้ำ "เรากลัวว่าพี่ฟ้าจะโกรธ เรากลัวจะทะเลาะกัน เรากลัวว่าลูกจะเห็นการทะเลาะกันของพ่อแม่ เรากลัวลูกรู้สึกไม่ดี"

.

มายด์ "น้ำเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์กับพี่ฟ้า ห่วงความรู้สึกลูก การอยากเป็นต้นแบบของลูกแบบนี้ไหม?"

.

สายน้ำ "อืม...ใช่นะ เราห่วงแบบนี้"

.

มายด์ "น้ำคิดว่า การที่น้ำเลือกเงียบ เก็บไว้ ไม่พูด เป็นการรักษาความสัมพันธ์ใช่ไหม และการไม่พูดก็เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกได้เห็นด้วยหรือเปล่า อยากชวนน้ำทบทวนดีๆ ว่า การเงียบแบบนี้ มันทำให้ความสัมพันธ์ดีจริงไหม เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกดูจริงมั้ย?"

.

สายน้ำ "อืม........เราว่านับวันความสัมพันธ์มันยิ่งแย่ลงไป แม้เราไม่พูดอะไร แต่เราว่าพี่ฟ้าเขาก็รู้สึกได้นะว่าเราไม่พอใจ เราดื้อเงียบ เขาก็ยิ่งโกรธเรา เคยตะโกนใส่เราด้วย ว่ามีอะไรทำไมไม่พูด กับเรื่องต้นแบบให้ลูก เราไม่แน่ใจเลย ว่าแบบนี้ดีมั้ย แต่เราไม่รู้จะทำอย่างไร?

.

มายด์ "น้ำเห็นว่าการที่น้ำเงียบ พี่ฟ้าก็รู้สึกได้ ว่าน้ำไม่พอใจ ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น กลับเหมือนแย่ลงกว่าเดิม น้ำไม่แน่ใจด้วยว่า การที่น้ำเงียบแบบนี้เป็นต้นแบบที่ดีมั้ย? น้ำอยากฟังความคิดเห็นเรามั้ย

.

สายน้ำ "เราอยากฟังมากเลยมายด์ ที่เรามาเล่าไม่ใช่แค่ระบายออก แต่อยากได้ทางออกด้วย เราคิดว่ามายด์น่าจะช่วยเราได้"

.

มายด์ "เราดีใจนะ ที่รู้ว่าน้ำเห็นว่าเราอาจช่วยน้ำได้ ดีใจที่ได้รู้ว่าน้ำอยากดูแลตัวเอง อยากหาทางออกให้ตัวเอง ไม่ทิ้งตัวเองให้จมทุกข์"

.

"เราชวนน้ำเห็นความเชื่อของน้ำที่ลึกๆ เหมือนน้ำเชื่อว่า หากน้ำพูดความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป จะทำลายความสัมพันธ์ การเก็บเอาไว้ในใจจะรักษาความสัมพันธ์ได้ แบบนี้มั้้ย หรือถ้าไม่ใช่บอกเราได้นะ ว่าน้ำเห็นความเชื่อตัวเองอย่างไร"

.

สายน้ำ "ใช่นะ เราเชื่อแบบนี้ ถ้ารู้สึกไม่ดี ไม่ควรพูดออกไป จะทำลายความสัมพันธ์"

.

มายด์ "จากที่น้ำเล่า น้ำบอกว่าการที่น้ำเลือกอดทน ไม่พูดออกไป ความสัมพันธ์ก็เหมือนแย่ลง"

.

สายน้ำ "ใช่"

.

มายด์ "น้ำคิดว่า มีวิธีไหนไหม ที่จะทำให้น้ำพูดออกไปได้ แล้วความสัมพันธ์ดีขึ้นได้ หรืออย่างน้อยน้ำก็เบาขึ้นไม่ต้องอดทนเก็บเอาไว้จนทำให้ตัวเองจะระเบิด กลัวการตัดสินใจแยกทางกันไป"

.

สายน้ำ "ก็น่าจะพูดตอนที่มีสติแล้วใช้คำพูดดีๆ "

.

มายด์ "น้ำเห็นว่า ถ้าน้ำพูดตอนมีสติ ใช้คำพูดดีๆ น้ำจะสามารถพูดได้ใช่มั้ย?"

.

สายน้ำ "ก็น่าจะพอพูดได้นะ พอคิดไป เราก็เคยพูดออกไปได้เหมือนกัน แต่ไม่บ่อยมาก พอคิดทวนไป เราเห็นว่าตอนที่เรามีสติดี เราสามารถพูดออกมาได้ดี และพี่ฟ้าไม่หงุดหงิดด้วย เขารับฟัง"

.

มายด์ "ดีเลย น้ำเห็นทางออกของตัวเองแล้ว แล้วน้ำจะทำให้อย่างไรให้น้ำมีสติดีมากพอ อ้อ แล้วที่ว่าพูดดีๆ น้ำพูดแบบไหนเหรอ ยกตัวอย่างให้ฟังได้มั้ย?"

.

สายน้ำ "เรื่องสติ เราไม่ได้ฝึกจริงจังเลย เราก็รู้นะว่าสำคัญ แต่ก็ไม่ได้ฝึก วิธีฝึกก็มีแหละ อ่านศึกษามาเยอะ

ส่วนเรื่องการพูด เราเคยเรียนเรื่องการสื่อสารเชิงบวก เราก็เอามาใช้แหละ ถ้าให้ยกตัวอย่างก็ตอนที่พี่ฟ้าว่าเราเรื่องไม่พาลูกเข้านอนตามเวลา ลูกต้องเข้านอน 20.00น. แต่เรามัวแต่ดูซี่รี่เกาหลีเพลินลืมดูเวลา

เราก็ "ขอโทษพี่ฟ้า ที่เราดูซีรี่เพลินจนเกินเวลาพาลูกเข้านอน เราบอกว่าเรารู้สึกเหนื่อยเราอยากพักและเพลินไป" เราก็รู้สึกผิดนะ รู้สึกไม่ดี แต่ก็ขอโทษ และยอมรับตรงๆ พี่ฟ้าก็ไม่ว่าอะไรต่อ แล้วยังมากอดเราด้วย

เราเคยทำตรงกันข้าม เรื่องเดียวกันเลย แต่เลือกเงียบไม่พูด และไม่ทำด้วย ในใจก็แบบฉันเหนื่อยแล้ว เธอก็ทำเองบ้าง แต่ไม่พูดนะ รอบนั้น คือ บ้านร้อนเป็นไฟ พี่ฟ้าโกรธมากๆ ลูกก็พลอยโดนอารมณ์ของเราและพี่ฟ้าไปด้วย

มายด์ "เฮ้ย ดีอะ น้ำมีประสบการณ์ที่เคยพูดได้ แล้วได้ผลดีด้วย น้ำมีคำตอบให้ตัวเองหมดแล้วเนาะ เหลือทำ"

.

สายน้ำ "ขอบใจมากๆ มายด์ เรารู้สึกเบาไปเยอะและรู้สึกมีความหวังกับตัวเองมากๆ ไว้เราจะไปทำนะ"

.

.

จบค่ะ

===========

ขอบคุณภาพประกอบตามคำขอจากแม่อ้อคนงาม

แช่ไว้จนเย็นยะเยือก เก็บไว้นานเลยกว่าจะมีเวลาค่อยๆ ปล่อยเรื่องราวจากใจไหลสู่จอ

ปล. เป็นเรื่องจริงอิงนิยายตามเคย

หมายเลขบันทึก: 692176เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2021 10:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม 2021 10:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท