ผลงานวิจัยตามข่าว (๑) บอกเราว่า การเรียนคณิตศาสตร์มีผลกระตุ้นสารเคมีที่ทำหน้าที่สื่อประสาทในสมองที่ส่งผลต่อ brain plasticity สารเคมีนี้ชื่อ gamma-aminobutyric acid (GABA) นักวิจัยวัดระดับสารเคมีนี้ในสมองส่วนที่ชื่อว่า MFG – middle frontal gyrus แล้วบอกได้ว่านักเรียนคนไหนเรียนคณิตศาสตร์ คนไหนไม่ได้เรียน
ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ เปิดช่องให้นักเรียนอายุเกิน ๑๖ ปี (เท่ากับชั้น ม. ปลายในบ้านเรา) เลือกได้ว่าจะเรียนคณิตศาสตร์หรือไม่ เขาจึงอยากรู้ว่าการเรียนหรือไม่เรียนคณิตศาสตร์ในนักเรียนชั้น ม. ปลาย ส่งผลดีหรือผลเสียต่อนักเรียนอย่างไรบ้าง
งานวิจัยนี้มาจากมหาวิทยาลัย อ็อกซฟอร์ด และลงพิมพ์ใน PNAS – Proceedings of the National Academy of Sciences ของสหรัฐอเมริกา (๒) เป็นกลไกรับประกันคุณภาพความน่าเชื่อถือ
ประเทศไทยก็ใช้ระบบคล้ายๆ อังกฤษ คือนักเรียน ม. ปลาย ที่ต้องเรียนคณิตศาสตร์คือนักเรียนสายวิทย์คณิต กับศิลป์คณิตเท่านั้น นักเรียนสายศิลป์ทั่วไปไม่ต้องเรียน ตอนนี้เรารู้แล้วว่านักเรียน ม. ปลายที่ไม่เรียนคณิตศาสตร์ เท่ากับบอนไซสมองของตนเอง
การเรียนไม่ได้มีประโยชน์แค่รู้วิชา แต่มีประโยชน์ยิ่งกว่านั้น คือเป็นยาบำรุงสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมองที่กำลังเจริญพัฒนา
ผมได้ยินมาว่า นักเรียนไทยที่เลือกเรียนสายศิลป์จำนวนหนึ่งเลือกเพื่อหลบคณิตศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่ไม่ชอบ เรียนแล้วไม่มีความสุข จึงเป็นหน้าที่ของวงการการศึกษา ที่จะต้องหาวิธีจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้น่าสนใจ และสนุก รวมทั้งกระตุ้นพัฒนาการของสมอง หากจะให้พลเมืองของเราเป็นคนสมองดี ควรให้เรียนคณิตศาสตร์ทุกคน อย่างน้อยจนจบชั้นมัธยามปลาย โดยครูต้องหาวิธีสอนแบบที่ทั้งสนุกและได้ลับสมอง
ผมเรียนรู้มาว่า ญี่ปุ่นสอนคณิตศาสตร์แก่นักเรียน โดยมีเป้าหมายที่เลยจากทักษะด้านบวกลบคุณหารและวิธีการทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงอื่นๆ (เรียนด้านเทคนิค) ไปสู่เรียนเรียนเพื่อฝึกคิดหลากหลายแบบ (เรียนด้านการคิด) ซึ่งน่าจะยิ่งกระตุ้น brain plasticity
กลับมาที่รายงานวิจัยเรื่องนี้ใน PNAS ผมตีความว่า ผลการวิจัยนี้ช่วยยืนยันต่อเราว่า สมองดีสร้างได้ สร้างได้โดยการเรียน และวิชาคณิตศาสตร์ช่วยสร้างสมองดี นี่คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อหลักการ growth mindset
วิจารณ์ พานิช
๑๒ มิ.ย. ๖๔
สาขาการสอนคณิตศาสตร์ที่ดังในประเทศไทย และเป็นวิธีการสอนแบบญี่ปุ่น คือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันนี้ผมก็ได้ยินเขาพูด ๆ กันมา ที่คณะก็มีอาจารย์จบที่นี่ ๑ ท่าน แต่ผมก็ไม่ทราบความแตกต่าง เพราะผมก็เป็นหนึ่งในคนที่เรียนคณิตศาสตร์ไม่เก่งเช่นกัน ;)…
I had training in (pure) Mathematics. But I only learned about a ‘precisive language’ that is used to communicate ‘abstraction’ to other mathematicians.
The communication of ‘abstract’ ideas is and has been a major issue in education for many thousands of years. In Buddhist Cannons there are numerous clauses that express ‘words are merely simile’ of truth and dhamma and that self-experience is the true knowledge (for the individual).
%%Mathematics though is a study of abstracts can be helped with ‘experience’. ;-)