ช่วงนี้อากาศมีความหนาวเย็นและลมพัดแรง ทำเอาชาวกทม.เริ่มรู้ซึ้งถึงความเย็นของธรรมชาติที่ไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศหลายคนนำเสื้อกันหนาวมาสวมใส่กันบ้างแล้ว แต่หลายคนยังจดๆจ้องๆอยู่กลัวว่าซื้อเสื้อมาแล้วจะใส่ได้ไม่กี่วันก็จะกลับมาร้อนอีก
เด็กหลายคนบอกคุณครูว่าตอนเช้าไม่อยากลุกขึ้นจากที่นอน บางคนนอนตื่นสาย และในขณะเรียนหนังสือสังเกตพบว่าเด็กๆ ทำงานเชื่องช้าลงไป ไม่กระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน การนั่งเรียนในห้องทำให้เด็กไม่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแขนขา เด็กๆคงจะหนาวกันน่าดู บริเวณโรงเรียนก็ไม่มีมุมใดที่จะมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาได้ เพราะถูกอาคารสูงบริเวณใกล้เคียงบดบัง
นับว่าเป็นจังหวะเหมาะจึงนำเด็กๆให้ฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เกิดความอบอุ่น หรือที่เรียกกันว่าการบริหารร่างกาย แต่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสมรรถภาพสมองของเด็ก โดยใช้ท่าการบริหารในท่าต่างๆ อันจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเชื่อมสมองทั้ง 2 ซีกเข้าด้วยกัน ทำให้ประสานกัน ทำงานอย่างคล่องตัว และยังทำให้สามารถควบคุมและขจัดความเครียดได้ เด็กๆมีสภาพจิตใจที่ดีมีความพร้อมในการเรียนรู้ เกิดแรงจูงใจ เกิดเป็นคลื่นอัลฟาซึ่งเป็นสภาวะที่สมองทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีการที่1 การเคลื่อนไหวเพื่อการกระตุ้น เป็นการคลายจุดต่างๆ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้อารมณ์และความคิดประสานกัน ช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น ( ตามรูปด้านบน )
วิธีการที่2 การยืดส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยการวางส้นเท้าบนพื้น ขาอีกข้างหนึ่งเหยียดตรง แล้วปฏิบัติสลับขา เป็นการลดความเครียดของสมองด้านหน้า และด้านหลัง ทำให้การควบคุมความสมดุลทางอารมณ์สงบ มีสมาธิในการเรียนรู้และทำงาน
วิธีการที่ 3 การเคลื่อนไหวสลับข้าง เช่นการเดินสวนสนาม การก้าวเขย่ง การวิ่ง การจ๊อกกิ้ง เหล่านี้ทำให้สมองด้านขวาและด้านซ้ายจะทำงานประสานกัน เชื่อมโยงข้อมูลกันได้ ด้านขวาจะทำหน้าที่ในส่วนที่เป็นความคิดสร้างสรรค์ ด้านซ้ายจะเอาความคิดสร้างสรรค์ไปใช้ในการอ่านการเขียน และการประสานงานด้านกลไกต่างๆของร่างกาย
วิธีการบริหารสมองเหล่านี้เด็กใช้ได้ดี หากผู้ใหญ่นำไปใช้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ หรือคุณครูนำไปทดลองใช้ในการนำเข้าสู่บทเรียน ซึ่งได้ทดลองปฏิบัติกับเด็กๆมาแล้วเป็นที่ชื่นชอบและสนุกสนานมากสำหรับเด็กๆ ดังคำกล่าวที่ว่า " การพัฒนาสมองทั้งด้านซ้ายและด้านขวาทำให้เกิดมีความพร้อมในทุกด้าน รู้จักการเรียนรู้ คิดเป็นระบบ รู้จักแก้ปัญหา และรับฟังความคิดเห็น " เพื่อผู้ใหญ่รุ่นต่อไปจะได้รู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นใหญ่และรู้จักมองโลกอย่างสร้างสรรค์
โดย คนบ้านเดียวกัน