ในงาน retreat ระหว่างกรรมการสภา กับผู้บริหาร มช. ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่โรงแรม le meridian เชียงใหม่ มีการบรรยายเรื่อง การพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ โดยท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ นายดนุชา พิชยนันท์ ช่วยให้ผมได้เปิดหูเปิดตาทำความเข้าใจยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในภาพใหญ่
ฟังแล้วเห็นชัดว่า คนไทยต้องร่วมกันทำงานหนักมาก ในการยกระดับประเทศเป็นประเทศรายได้สูง สังคมดี โดยที่ข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมาบอกเราชัดเจนว่า การพัฒนาประเทศในรูปแบบเดิมถึงทางตัน หากจะให้มีการพัฒนาก้าวกระโดดสู่ประเทศรายได้สูง เราจะต้องเปลี่ยน “ชาลาการพัฒนา” (development platform) ไปสู่การทำมาหากินด้วยความรู้และนวัตกรรม ขายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ไม่ใช่สินค้าในรูปแบบปัจจุบัน คือต้องพลิกโฉมประเทศ ไม่ใช่แค่ปรับตามแนวเดิม
โชคร้ายที่ประเทศไทยติด ๑๐ อันดับแรกของโลกที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกี่ยวเนื่องจากภูมิอากาศในช่วงปี 2000 – 2019 สูง โดยเผชิญภาวะฝนแล้ง น้ำท่วม และฝุ่นละอองในอากาศ
ท่านชี้ให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงใหญ่ระดับโลกดังนี้
จึงเสนอแนวทางพัฒนาประเทศในระยะต่อไป ดังนี้
แผนพัฒนา ฉบับที่ ๑๓ จึงมีแนวทาง
โดยมี ๑๓ หมุดหมายคือ
ร่างแผนนี้ยังอยู่แค่แนวความคิด ผมค้นเอกสารฉบับร่างไม่พบ พบแต่ในข่าว (๑) และ infographic ที่ (๒)
ความท้าทายในเรื่องการพัฒนาในมิติต่างๆ ของไทยเราอยู่ที่การนำแผนและยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติให้เกิดผลจริง โดยมี วงจรเรียนรู้และปรับตัว ในลักษณะที่เป็นวงจรเรียนรู้สองชั้น (double learning loop) เป็นระยะๆ
ร่างแผนนี้กำลังอยู่ระหว่างนำไปรับฟังความคิดเห็นกับภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ จะนำไปใช้ในปี ๒๕๖๖
อ่านร่างกรอบแผนฯ ๑๓ ฉบับเต็มได้ที่ (๑)
วิจารณ์ พานิช
๒๗ มี.ค. ๖๔
ห้อง ๒๐๒๖ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
ไม่มีความเห็น