ทฤษฎีดนตรีบำบัด เป็นทฤษฎีทางการแพทย์ที่เอาเรื่องของศาสตร์ด้านจิตวิทยาและศิลป์ทางด้านดนตรีเข้าไว้ด้วยกัน ดนตรีจะช่วยให้คนฟังผ่อนคลายจากอาการเจ็บป่วย และจากความกังวล หรือลดความเครียด นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาในเรื่องของการฟังดนตรีบำบัดของผู้ป่วยก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดว่าช่วยลดความเครียดและความกังวลได้ เพราะทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดลดลงมากกว่าการใช้ยาลดความเครียด การฟังดนตรียังช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย โดยช่วยปรับให้อารมณ์สงบขึ้นทำให้นอนหลับง่ายขึ้น เรียกได้ว่าดนตรีบำบัดเปรียบเหมือนยาที่มีผลกับสภาพจิตใจ ช่วยกระตุ้นสมอง ปรับระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย
ลักษณะของดนตรีบำบัด- ควรเป็นเพลงบรรเลง ไม่ควรมีเนื้อร้อง มีเสียงตามธรรมชาติ เช่น เสียงนก น้ำตก เป็นต้น
- มีจังหวะที่ช้า มั่นคง สม่ำเสมอประมาณ 70-80 ครั้ง/นาที และมีทำนองราบเรียบ นุ่มนวล ระดับเสียงปานกลาง-ต่ำ
- ความเข้มของเสียงไม่ดังมาก ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้ฟัง เนพราะความดังสามารถกระตุ้นให้ความเจ็บปวดของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นได้
- ประเภทของดนตรีที่นิยมใช้ พิณ เปียโน กีตาร์ วงออร์เคสตร้า แจ๊สแบบช้า ป๊อป คลาสสิค เป็นต้น
- ควรให้ผู้ฟังฟังดนตรีที่ผู้ฟังมีความคุ้นเคย และความชอบ
กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ดนตรีบำบัดรักษาโรค
- คนพิการ ผู้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ผู้ป่วยที่ร่างกายได้รับการบาดเจ็บ
- ผู้ป่วยทางจิตประสาท
- ผู้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์
- เด็กพิเศษ
ข้อดีของดนตรีบำบัด
- ลดความเจ็บปวด
คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัด เมื่อได้ฟังดนตรีจะลดอาการปวดและต้องการใช้ยาแก้ปวดน้อยลง
- ทำให้เลือดลมดี
การฟังเพลงท่อนเพลงค่อยๆเพิ่มความดังที่ละน้อย ทำให้เส้นเลือดขยาย เลือดลมเดินสะดวก
- ช่วยควบคุมการหายใจ
เพลงจังหวะเร็วทำให้อัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจ ความดันเลือดเพิ่มขึ้น
- ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว
ในทารกที่คลอดก่อนกำหนด มีการทดสอบพบว่า ดนตรีบำบัดสามารถช่วยลดจำนวนวันที่อยู่ในตู้อบและเพิ่มน้ำหนักตัวได้
- ช่วยต้านความซึมเศร้า
ช่วยลดความเครียด ความกังวล และไม่อยากอาหารของผู้ป่วยได้
- กระตุ้นสมอง
การฟังดนตรีช่วยกระตุ้นสมองส่วนฮิปโปแคมปัส เพิ่มประสิทธิภาพในส่วนความจำระยะยาวของสมอง
ซึ่งดนตรีบำบัดอาจไม่ได้ทำให้โรคร้ายแรงหายไปได้ แต่เสียงดนตรีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นได้จากการรักษาทางใจโดยอ้อม
ไม่มีความเห็น