การมอบอำนาจในการตัดสินใจ มอบอำนาจในการบริหาร มอบวัสดุครุภัณฑ์ โดยเฉพาะงบประมาณ ถ้าอำนาจเหล่านี้อยู่ในมือของผู้ให้ ผู้เสียสละ ก็จะนำเอาโอกาส นำเอาอำนาจเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเอนกอนันต์...
แนวคิดต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดี จะรวบอำนาจ คือ อยู่ในระบบ จะกระจายอำนาจ คือ พากันออกนอกระบบ ทุกอย่างมีข้อดี มีข้อด้อย แต่ทว่า ใครจะสามารถหยิบข้อดีและข้อด้อยออกมาใช้ตามกาลตามเวลา ตามสถานการณ์ได้ดีกว่ากัน...
------------------
ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ...
หากใจของผู้บริหาร ใจของผู้อำนาจนั้นประเสริฐ บริสุทธิ์ สิ้นสุดความเห็นแก่ตัว ทุกอย่างก็จะดำเนินไปตามแนวทางที่ดีขึ้น ดีขึ้น ก่อประโยชน์ต่อผู้รับทั้งในส่วนของนักศึกษา รวมถึงสถานประกอบการ เจ้าของห้างร้านบริษัท ก็จะได้บุคลากรที่ดี มีคุณธรรม เพราะถูกหล่อหลอมตามแนวทางที่ดี เปิดโอกาสเต็มที่สำหรับการคิด และการทำ...
แต่ทว่า... เมื่อออกนอกระบบปุ๊บ ประชาธิปไตยก็เข้ามาปั๊บ จะทำอะไรก็ใช้เสียงข้างมาก แบบ "พวกมาก ลากไป" และพวกมาก ๆ ส่วนใหญ่ จิตใจก็ยังดิ้นรน สับสนด้วยกองเพลิงแห่งกิเลสที่รุมเร้า ถาโถมเข้าโจมตีทุกวิถีทาง
จากเดิมที่มีอุดมการณ์ มีแนวทางที่จะนำอำนาจมาบริหารบ้านเมือง
แต่ทว่า... ทุกคนก็ต้องกินต้องใช้ ทุกครอบครัวต้องดำเนินไป และที่สำคัญเจ้ากิเลสมันก็คอยเสี้ยมสอนให้หาเงิน หาวัตถุเพื่อมาตอบสนองมัน
เมื่อมีทางให้กินก็ให้ เมื่อมีทางให้หาก็หา เมื่อมีทางให้คอรัปชั่น ใหม่ ๆ ก็เก้อเขินบ้าง แต่พอหลัง ๆ ไป จิตใจเริ่มชินชา ใคร ๆ เขาก็ทำกัน พวกมาก ๆ พวกใหญ่ ๆ ก็โกงกินกันเป็นประชาธิปไตย ไฉนเลยเราจะทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง...
------------------
การเมืองจึงคืบคลานเข้ามาในรั้วของสถานศึกษา...
แต่เติมใช้การแต่งตั้ง ก็หาว่ารวมอำนาจ เห็นแก่พวกพ้อง ไม่ใช่ยุติธรรม หลัง ๆ ก็เลยพากันให้เลือกตั้ง โดยคิดว่าเป็นแนวทางแห่ง "ประชาธิปไตย"
หากต้องการมีอำนาจด้วยการเป็นใหญ่ เป็นโต ก็ต้องสร้างพวก สร้างฐาน ปรนเปรอกันด้วยทรัพย์ฤศงคาร เพื่อสืบสานอำนาจทางประชาธิปไตย
เมื่อจิตใจไม่ได้คิดว่าการเข้ามามีอำนาจเพื่อจะได้ให้ ได้เสียสละ แต่การที่มีอำนาจนั้นเข้ามาเพื่อที่จะได้ จะเอา จะมี จะเป็น เราทั้งหลายก็ได้ประสบพบเจอ ได้พบ ได้เห็น ความเป็นไปแห่งทิศทางการเมืองไทย ทั้งในระดับเล็ก ระดับกลาง ระดับใหญ่ แม้แต่วงการการศึกษาก็ไม่พ้นภัย จากระบบประชาธิปไตย ที่ใคร ๆ ก็ใช้เพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตน...
ประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ผิด แต่มันผิดตรงที่ผู้ที่นำประชาธิปไตยมาใช้ ผิดตรงที่คน... คนที่มีจิตใจไม่อิ่ม ไม่พอ เฝ้ารอคอยฉวยโอกาสจากคำว่า "ประชาธิปไตย"
การซื้อสิทธิขายเสียงจึงเกิดขึ้นในระบบการขึ้นมาของผู้บริหาร ทั้งในทางตรงหรือทางอ้อม เพราะผู้มีการศึกษาคงไม่เสียเกียรติลงไปรับเงินที่เขาแจกรายหัว แต่ทว่า ก็ถูกหลอกให้หน้ามืดตาตัว ด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทน
จะเป็นคำมั่นสัญญาในการได้มาซึ่งตำแหน่งในคณะ สำนักวิชาต่าง ๆ
คำมั่นสัญญาในการมอบสิทธิ มอบกรรมสิทธิ ให้พื้นที่ใช้สอย ในตัวอาคาร เพื่อสืบสานอำนาจแห่งความมั่นคง...
---------------------
ครั้นเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็ลงยาก เพราะลงมาเสือก็จะกัดเอา
เมื่อขึ้นไปแล้วก็ต้องอยู่ให้ได้ โดยการหาเสือตัวเล็ก ตัวกลาง ตัวใหญ่ หาเพื่อนำมาใช้ มาเป็นลูกน้องพ้องบริวาร
--------------------
จากการที่ได้ประสบพบเจอมากับตัวเอง สถานศึกษาใดใช้วิธีการจ้างผู้บริหารมืออาชีพมาเป็นวาระ ๆ ผู้บริหารเหล่านั้นส่วนใหญ่จะนำพาความเจริญมาสู่วงการการศึกษาอย่างก้าวกระโดด
เพราะการมา มิต้องใช้การสรรหาตามแบบประชาธิปไตย ท่านขึ้นมาตำแหน่งนั้นได้เพราะผลงานจากการบริหารในอดีตที่เห็นผลในเชิงประจักษ์
ถ้าไม่เก่งจริงก็ไม่มีคนจ้าง ถ้าไม่เก่งจริงเมื่อเกษียณแล้วก็ตกงาน คนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารจึงจำเป็นต้องมีทั้งพระเดช พระคุณ พระเมตตา พระปัญญาที่เกื้อหนุน ให้สามารถบริหารจัดการให้ทุกคนเป็น "เสือ..."
นักวิชาการการศึกษาทุกคนมีความรู้มีความสามารถ ผู้บริหารมืออาชีพจะมีความเก่ง ความฉกาจ ในการมอบอำนาจให้ทุกคนเป็นเสือ
เพราะการขึ้นมาในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ท่านไม่ได้อ้อนวอนร้องขอการยกมือ หรือการลงคะแนนของใคร
ใครเก่ง ใครมีความสามารถก็ยกย่องให้เขาเป็นเสือ
จากเสือใหญ่ที่เคยมีตัวเดียวในมหาวิทยาลัย ก็กลายเป็นว่ามีเสือตัวใหญ่ ๆ ที่เก่งกล้าสามารถอยู่ทั่วมหาวิทยาลัย และเป็นเสือใหญ่ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์
ผู้บริหารมืออาชีพที่มาจากนอกระบบ ท่านมีความสามารถในการโยกย้ายพันธุกรรมจากเสือใหญ่ กลับกลายเป็น "ราชสีห์ผู้ใจดี" ให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถนั้นมีโอกาสที่จะได้ใช้ปัญญาที่มีมาเพื่อให้ เพื่อเสียสละ...
ดังเช่นที่เกริ่นอย่างต้นว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเพราะการออกนอกระบบ...
ถ้าได้คนดี มีคุณภาพมาบริหาร ทุกอย่างก็จะก้าวและพัฒนาไปในทางที่ดีได้กว้างไกลและก้าวกระโดด
ระบบไม่มีปัญหา... ปัญหาอยู่ที่จิตใจของคนที่นำระบบมาใช้
ถ้าใจไม่มีปัญหา ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
ถ้าทุกคนพร้อมใจนำปัญญา นำมาเพื่อให้ เพื่อเสียสละ ละซึ่งกิเลส ตัณหา ราคะ อุปทาน ทิศทางการพัฒนาของวงการการศึกษาเมืองไทยย่อมก้าวไปไกลในทางที่ดี "แน่นอน..."
น่าเศร้าใจครับ ตัวเองสังเกตและรู้สึกคล้ายกัน โดยเฉพาะโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ระยะหลังผู้บริหารที่มามักบริหารแบบนักการเมือง แทนที่จะบริหารแบบนักการศึกษา เน้นแต่ประโยชน์ตนเอง เล่นพรรคเล่นพวก จนคนทำงานตั้งใจจริง หมดกำลังใจ สิ้นความหวัง ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายแน่นอนว่า ต้องไปตกอยู่กับเด็กตาดำๆ