เรามานอน"ติดคุก" อยู่รพ.จิตเวชแห่งหนึ่ง (รพ.บ้า) ได้ ๗ เดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่่อใด เฟสบุค ก็เข้าไม่ได้ เลยมาลองโพสท์ที่ GTKดู หลังจากหายหน้าไปสัก ๔ ปี ใครอ่านแล้วอาจเห็นด้วยนะว่าอยู่รพ.บ้า น่ะเหมาะสมดีแล้ว ๕ห้า๕
-------------------------------------------------------------
มีเพื่อนต่างชาติบอกว่าสนใจศาสนาพุทธ (ศพ.)มาก อยากมานับถือ เสียแต่ว่าเป็นศาสนาที่มองโลกในแง่ร้าย (คือมองว่าชีวิตเป็นทุกข์ เราเกิดมาเพื่อดับทุกข์) เกจิบางรูปตอบประเด็นนี้ว่า ศพ. ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายหรือในแง่ดี แต่มองโลกในแง่ความเป็นจริง ซึ่งผู้เขียน(ผข.) เห็นว่า เป็นการตอบแบบกำปั้นทุบดินเกินไปหน่อย
ผข.มีความเห็นว่าน่าจะปรับแปลงให้ศพ.มีรูปแบบเป็นตรงกันข้ามได้เลยว่า..เป็นศาสนาที่มองโลกในแง่ดี คือมองว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่อรับความสุขและพัฒนาความสุขให้สูงส่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นสันติสุข ซึ่งก็หมายถึงวิมุตติสุข หรือ นิพพานนั่นเอง แต่คิดไปคิดมาเห็นว่า วิธีการนี้น่าจะยาก เพราะต้องไปปรับความเชื่อแกนหลักที่ฝังลึกในระบบศาสนาเดิม สู้ประกาศเป็นลัทธิใหม่ไปเสียเลย อาจจะง่ายกว่า อย่างน้อยอาจใช้ได้ในบรรดาเด็กเกิดใหม่และยังไม่มีศาสนา จำเป็นต้องเลือกศาสนาใหม่เพื่อให้เป็นศาสนาประจำสำมะโนครัว หรือชาวฝรั่งส่วนหนึ่งที่ขณะนี้หันมาสนใจศพ.กันมาก
การที่ชาวพุทธเรียกศาสนาของตนเองว่า “พุทธศาสนา” (Buddhism) นั้น อาจไม่ตรงกับคำสอนของสมณะโคดม (สมค.) ทั้งนี้สืบเนื่องจากความตอนหนึ่งในพระไตรปิฎก(พปฎ.)ที่พระอานนท์ถามสมค.ว่า เมื่อพระองค์ละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว พวกเราจักยึดอะไรเป็นที่พึ่ง(สรณะ)แห่งชีวิต สมค.ตอบว่า ให้ยึดพระธรรมเป็นสรณะ..ในที่อื่นในพปฎ. ก็มีคำกล่าวของสมค.ว่า “ศาสดาของเราคือพระธรรม”
แต่แล้วทำไมเล่า ในการสวดมนต์หลายบทของชาวพุทธ เช่นในบทไตรสรณคมน์ จึงกล่าวถึงพระรัตนไตรเรียงตามลำดับว่า พุทธ-ธรรม-สงฆ์ :
-พุทธังสรณังคัจฉามิ (ข้าฯขอยึดพพจ.เป็นสรณะแห่งชีวิต)
-ธัมมังสรณังคัจฉามิ (ข้าฯขอยึดพระธรรมเป็นสรณะแห่งชีวิต)
-สังฆังสรณังคัจฉามิ (ข้าฯขอยึดพระสงฆ์เป็นสรณะแห่งชีวิต)
ทั้งที่สมค.ก็บอกแล้วว่าให้ยึดพระธรรมเป็นสรณะแห่งชีวิต(แต่เพียงอย่างเดียว) อย่ามายึดเอาพระองค์เป็นสรณะ..การยึดเอาพระพุทธเจ้า (พพจ.) รวมถึงพระสงฆ์ด้วย เป็นสรณะจึงน่าจะถือได้ว่าเป็นการ “ตู่” พพจ.
ถ้าเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งแต่อย่างเดียว น่าเรียกว่า ธรรมศาสนา นะ โดยที่โยก พพจ.ไปเป็น ปูชนียบุคคล ไม่ใช่เป็นศาสดา อย่างทุกวันนี้
หลวงพ่อเงื่อม ณ สวนโมกข์ ก็เคยพญากรณ์ไว้ว่า คนส่วนใหญ่ในโลกอนาคต จะหันมานับถือศาสนาพุทธ แต่เขาจะไม่เรียกชื่อว่า พุทธศาสนา
---คนถางทาง..มีค. ๖๔
ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ
ยินดีและดีใจที่อาจารย์กลับมาและได้เรียนรู้กับอาจารย์อีกครั้ง ขอบคุณครับ