วันนี้จะพูดถึง “คุณภาพในบ้านเรือน” ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อเราๆ ท่าน ๆ ขอเอาตัวออกจากห้องแล็บก่อนชั่วคราว ท่านเคยมีประสบการณ์เหมือนดิฉันไม๊คะ
“ ซื้อข้าวสารมา 2 ถุง ถุงแรกหุงแล้วห้อม หอม กลิ่นมะลิ ชวนให้เจริญอาหารจึง อ้วนเอ๊า อ้วนเอา พอถุงที่ 2 กลิ่นแมลงสาบ อบอวล” แต่ยังต้องจำยอมหุงอยู่ เพราะแม่สอนว่าข้าวคือชีวิต ของคนไทย อย่าทิ้ง !!!
“ ยาสีฟันหลอดนี้ มีลมมากกว่ามีเนื้อยาสีฟัน ” ดูอ้วนกลมมีแต่ลม ฟู๊ด ฟู๊ด
“ ลูกแบดมินตัน รุ่นนี้ขนหักง่ายเหลือเกิน“ ตีแล้วหงุดหงิด อันที่จริงตีไม่เป็น เข้าตำรา รำไม่ดีโทษปี่ โทษกลอง ไม่ใช่รำไม่ดี หมูไม่กิน
“ รองเท้าคู่นี้ ทำไมขยันกัดส้นเท้าเราจริง จริ๊ง” ใส่แล้วเดินกะเผลก เป็นเพราะเราลืมกัดมันก่อนใส่หรือเปล่านี่ ต่อไปอย่าลืมถือเคล็ดลับนี้ จำไว้
“ สเปรย์ฉีดผ้า โอ๊ย !! เราอยากให้น้ำเป็นฝอย แต่ออกมาเป็นท่อประปา” หงุดหงิดอีก
เขวี้ยงทิ้งไปเลย แล้วซื้อใหม่ ท่านคิดว่าจะดีหรือแย่กว่าเดิม ?
“……………….”
“……………….” ยกให้เป็นประสบการณ์ของท่าน จะต้องเติมกันเอาเอง
ท่านคงไม่ปฏิเสธว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องคุณภาพ ในฐานะเราเป็นผู้รับบริการหรือผู้บริโภค เราอยากได้ของดีมีคุณภาพ เราก็เรียกร้องบริษัทผู้ผลิตว่า “ทำไมไม่รักษาคุณภาพ” “เราอยากจ่ายเงินซื้อของคุณภาพ ถึงแพงหน่อยก็สู้” ดังนั้น คำว่า คุณภาพ เป็นของดีที่ทุกคนอยากได้
มันมีมุมมอง จากคนละด้านระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค มันจึงเป็นปัญหา
ผู้ผลิตถ้ามองผลกำไรเป็นหลัก สินค้าก็จะลดคุณภาพ ผู้รับบริการก็ไม่พึงพอใจ
ผู้รับบริการ ก็คาดหวังคุณภาพสูงสุด ซื้อบริการเมื่อไหร่ ได้ของดีเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมเมื่อนั้น ยิ่งราคาถูก ยิ่งดี
แล้วเราท่านทั้งหลายที่เป็นผู้ผลิต “ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ” อยากจะให้ผู้รับบริการของเรามีความรู้สึกกับเราอย่างไร
เชื่อมั่น นับถือ และวางใจ เหมือนที่เราคาดหวังจากผู้ผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค ไหมคะ
เรียน ท่านหนภ
ช่วงนี้กำลัง plot เรื่อง ISO ภาคปัจจุบันและอนาคตค่ะ เลยมีรายการแซมไว้เป็นระยะ ไม่ให้ แควนๆ ลืม ISO ซะก่อน
ขึ้นต้นเป็นเรื่องในบ้าน พอแตกใบอ่อนเป็นงานในภาคฯ เลยนะคะ เข้าใจโยงจริงๆ