ผมเขียนเรื่อง chaos, chaordic, complex-adaptive systems ไว้มากมาย ที่ (๑) รวมทั้งใช้ประโยชน์วิธีคิดและวิธีทำงานภายใต้หลักการของ complexity ในชีวิตของตนเอง ได้ทั้งประโยชน์ต่องาน และได้รสชาติความสนุกในชีวิต
บัดนี้พบเว็บไซต์ของ Human Systems Dynamics Institute ที่บอกว่า เขาจะช่วยให้เราเห็นแบบแผน (complexity) ในความซับซ้อน (complexity) โดยให้บริการ Adaptive Action Labs ที่ผมมองว่าน่าสนใจคือ เป็น working lab ไม่ใช่ training lab ซึ่งหมายความว่า เขาเน้นการเรียนรู้โดยการปฏิบัตินั่นเอง ตรงกับชื่อ Action Lab
ย้ำว่า การเรียนรู้ที่มีพลังและเรียนรู้ลึกและเชื่อมโยงได้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่จากการฟัง(และดู) และ Adaptive Action Labs บอกว่า ผู้เข้ากิจกรรมของเขา จะกลับบ้านด้วยผลประโยชน์ ๒ ประการคือ ได้มุมมองใหม่ กับได้แผนปฏิบัติใหม่
ผมเข้าเว็บไซต์นี้เมื่อเช้าวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ พบว่า adaptive action lab ต่อไปเป็นเรื่อง Inquiry is the answer : Covid 19 เป็นบริการออนไลน์ฟรี อ่านแล้วตีความว่า เขาเอาแว่นความไม่แน่นอนเข้าไปส่องเรื่อง โควิด ๑๙ โดยใช้เครื่องมือ inquiry ที่ผมคิดว่าคำตอบไม่น่าจะเกิดขึ้นใน HSD Lab แต่ผู้เข้าร่วมน่าจะได้มุมมองใหม่ ได้วิธีการใหม่ สำหรับใช้ในชีวิตจริง ซึ่งคำตอบจะค่อยๆ โผล่ออกมาในตอนปฏิบัติจริง ในชีวิตจริง สถานการณ์จริง ผมลองสมัครดู ก็ได้ความว่า สอนตอน 10.00 – 10.20 CST ซึ่งตรงกับ ๒๓ น. ทุกวันในวันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับผม
ผมจึงเป็นนักเรียนเกเร ที่ลงทะเบียนแล้วไม่เข้าเรียน แต่เช้าวันที่ ๑๒ เมื่อเข้าอีเมล์ ก็พบอีเมล์ส่งบันทึกของเมื่อคืนมาให้ จาก HSDI ดูได้ที่ (๓) จะเห็นว่า เขาบอกว่า คนเราประสบความสำเร็จได้เพราะมองเห็น pattern ชัดเจน พยายามทำความเข้าใจมัน และดำเนินการอย่างกล้าหาญ เพื่อเปลี่ยนความปั่นป่วนผันผวนและความไม่แน่นอน ให้กลายเป็นความเป็นไปได้ เขามีวิทยากรกล่าวนำสองสามนาที ตามด้วยช่วงระดมความคิดในกลุ่มผู้เข้าร่วม เริ่มจากมีคนตั้งโจทย์ปัญหาที่ตนประสบ ผมจึงได้เห็นกระบวนการตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่ pattern ที่โผล่ขึ้นมา (ตามชื่อของ session : Inquiry IS the answer : Taming wicked issue) ได้เห็นวิธี facilitate โดย Glenda Eoyang ระดมความคิดราวๆ ๑๐ นาที ก็ให้ผู้ตั้งคำถามบอกว่าตนได้แนวคิดอะไร ตามด้วยช่วง reflection ของสมาชิกกลุ่ม ซึ่งเป็นช่วงที่สนุกที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีคนบอกว่า ในการมองปัญหาหรือสถานการณ์ เทคนิก zoom in and zoom out เพื่อให้มองเห็นทั้งส่วนที่เป็นความสำเร็จ และส่วนที่เป็นความสำเร็จ เพื่อเรียนรู้จากทั้งสองสถานการณ์สู่สภาพ high performance การเรียนนี้ใช้เวลาเพียง ๓๐ นาที และผู้เข้าเรียนได้เรียนรู้มากทีเดียว
การใช้พลังไร้ระเบียบต้องใช้ในลักษณะเดียวกันกับการต่อยมวย คือต้องใช้ตามสถานการณ์จริงในขณะนั้น ถึงแม้จะมีกลยุทธหรือแผน แต่ตอนปฏิบัติการจริงต้องดูคู่ต่อสู้ ว่ามาไม้ไหน และต้องออกอาวุธ หรือป้องกัน ให้เหมาะต่อแต่ละวินาทีนั้น นั่นคือการอยู่กับความเป็นจริงอย่างยืดหยุ่น
มีอีกรายการหนึ่งคือ Patterns of Facilitation : Leading Groups through Complex Decision Making (๒) เป็น online course วันที่ ๒๐ กับ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔ เวลา 12 pm – 3 pm CDT ซึ่งตรงกับตี ๑ ในประเทศไทย ไม่สะดวกอย่างยิ่งสำหรับคนแก่อย่างผม ราคาก็ไม่เบา $ 300
อ่านจากเว็บไซต์ (๒) เขาบอกว่า ผู้เข้า course จะได้เรียนรู้วิธี facilitate ให้เกิด collaboration, conversation และ connection ในท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย ในหลากหลายด้าน ของผู้คนที่เกี่ยวข้อง
ค้นไปเรื่อยๆ พบหนังสือ Facilitating Organizational Change (2001) ที่มีคนแนะนำไว้ที่ (๔) เป็นหนังสือว่าด้วยการใช้ศาสตร์แห่งความไร้ระเบียบในการเปลี่ยนแปลงองค์กร ที่พลังของการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับจิ๋ว (micro level) อยู่ที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ
เป็นการ facilitate ให้เกิด self-organization สู่ transformation ที่เขาบอกว่า มีปัจจัยสำคัญ ๓ ประการคือ container (ผมตีความว่า หมายถึงระบบนิเวศ), significant difference, และ transforming exchanges
ผมจึงตีความว่า กระบวนกรทำหน้าที่ใช้พลังของความไร้ระเบียบ ผ่านปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ยู่ในระบบ สู่ภพภูมิใหม่ของงานหรือขององค์กร ผ่านการทำ ๓ สิ่งให้ชัดเจนร่วมกันคือ (๑) เป้าหมายที่ทรงคุณค่า ที่ทุกคนยึดถือร่วมกัน (๒) ความแตกต่าง ไม่เห็นพ้อง ความเชื่อ วิธีการที่ยึดถือ ฯลฯ และ (๓) เลือกแนวทางร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตาม (๑) แล้วทำงานร่วมกันผ่านกระบวนการ PDCA เป็นวงจรยกระดับผลลัพธ์ ยกระดับความเป็นทีมที่เข้มแข็ง และยกระดับการเรียนรู้
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ธ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น