เรื่องเล่าจากพี่เอี้ยง 3: จากจีนแผ่นดินใหญ่ สู่ แผ่นดินสยามเมืองยิ้ม


ทศวรรษที่ 6 (ช่วงอายุแม่ 71 เป็นต้นมา-ปัจจุบัน)

        ชีวิตแม่เริ่มมีความมั่นคงทางใจมากขึ้น เพราะลูก ๆ เริ่มโต แม่แข็งแรงขึ้นทั้งทางกายและทางใจ ตั้งหลักได้ แม่ก็กลับไปเยี่ยมญาติและไปไหว้บรรพบุรุษของแม่ที่เมืองจีน (ไปกับทัวร์) ซึ่งแม่ตื่นเต้นมาก เพราะจากมาตั้ง 30 กว่าปียังไม่เคยได้กลับไปเลย และไม่ได้ข่าวคราวทางฝ่ายแม่เลย แม่เล่าว่าย่าเสียแล้ว เหลือแต่หลานของเตี่ย 3 พี่น้อง  ผู้อ่านอาจสงสัยว่าทำไมแม่ไปเยี่ยมญาติได้ถูกต้อง  คือ ตั้งแต่เตี่ยเสีย แม่ก็จะส่งเงินผ่านโพยก๊วนกลับไปให้หลานเตี่ยทุกปีตามที่เตี่ยเคยถือปฏิบัติมา โดยเฉพาะก่อนในช่วงวันตรุษจีนเพื่อซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่ไหว้บรรพบุรษ จึงมีการติดต่อกับหลานเตี่ยมาอย่างต่อเนื่อง  ส่วนแม่เองมีหลานใน (เป็นผู้หญิง 3 คน) มีหลานนอกรวม 8 คน มีเหลนจากหลานนอกทั้งหมด 8-9 คน  หลานทุกคนผ่านการเลี้ยงดูจากมือแม่ (คุณยาย) ทั้งหมด จึงไม่แปลกที่หลานทุกคนรักแม่มาก

ตลอดช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมา  ที่เราแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ทุกสัปดาห์ (ถ้าไม่ติดภารกิจ) เราจะมาหาแม่ และทุกครั้งที่มาถึงหน้าบ้านจะเห็นแม่นั่ง (เหมือนรอ) อยู่ตำแหน่งนั้นตลอด  ด้วยความใกล้ชิดก็จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันต่าง ๆ นา ๆ และในปี พ.ศ. 2549 ตอนนั้นแม่อายุเกือบ 90 ปี เรา  พี่สาว และน้องชายคนเล็ก ได้พาแม่กลับไปเมืองจีนอีกครั้ง คราวนี้ไปกันเองและได้แจ้งให้ทางหลานเตี่ยมารับที่สนามบินไหข่าว เกาะไหหลำ  แม่ก็ดีใจเหมือนเดิม หลานเตี่ยมารับและพาพวกเรากลับไปบ้านที่หมู่บ้านซังกัสซี ซังต้าสุย (บ้านเตี่ย) หลาน ๆ และเหลน ๆ เตี่ยก็มาต้อนรับดีใจกันมาก มีการจุดประทัดต้อนรับตามธรรมเนียม  วันรุ่งขึ้นหลานและเหลนเตี่ยก็พาแม่ไปหมู่บ้านแปเข่า (บ้านทรายขาว หมู่บ้านที่แม่เคยอยู่) ไปเยี่ยมญาติแม่ซึ่งก็คงเหลือแต่หลาน ๆ เช่นกัน แม่เล่าว่าที่นี่แหละเป็นบ้านเกิดของแม่ และไปเจอคนแก่เพื่อนบ้านแม่บางคนที่ยังจำแม่ได้ (อายุเกือบร้อยปี) เข้ามากอดและร้องไห้ด้วยความดีใจ  หลานและเหลนได้พาพวกเราไปที่ฮวงซุ้ยของคุณตาคุณยาย แม่ก็ดีใจมาก จนกระทั่งวันกลับหลานกับเหลนของเตี่ยก็มาส่งที่สนามบิน และร้องไห้ด้วยความดีใจ คละเคล้าไปกับความใจหาย

แม่เราเป็นคนชอบความสวยความงาม ชอบใส่บาตร  ทุกวันพระต้องมีดอกกุหลาบใส่บาตร  ชอบท่องเที่ยว ชอบช้อปปิ้ง และเตรียมความพร้อมทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการเตรียมตัวตายของแม่  แม่บอกว่าตอนที่เตี่ยเสีย แม่ไม่รู้เรื่องไม่ได้ทำกงเต็กให้เตี่ยทำให้เตี่ยลำบากในการกลับเข้าบ้านที่เมืองจีน (ตามความเชื่อ) ฉะนั้นเมื่อแม่ตายอย่าลืมทำกงเต็กให้แม่และให้เตี่ยด้วยไปในคราวเดียวกัน  เรารับปาก ปัญหาก็คือในจังหวัดสงขลาไม่มีกงเต็กของชาวจีนไหหลำ เราจึงตัดสินใจไปสอบถามและแสวงหากงเต็กจีนไหหลำที่กรุงเทพมหานคร  วันหนึ่ง ขณะที่นั่งรถ เห็นมีป้ายสมาคมไหหลำด่านเกเต้ แถวรัตนาธิเบศร์ ก็ให้ลูกชายเลี้ยวเข้าไปที่สมาคม และเราก็ลงไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่สมาคมถึงความต้องการ เขาเห็นถึงความตั้งใจ เขารับปากว่ามีอยู่ 1 จ้าวที่ทำกิจกรรมนี้อยู่ เขาจะขอเบอร์โทรมาให้  จากนั้นอีกประมาณ 1 สัปดาห์เขาก็ติดต่อได้และส่งเบอร์มาให้  เรากับน้องชายคนเล็กก็ทำการติดต่อกับจ้าวนั้น และนัดหมายพูดคุยรายละเอียดกันในเรื่องของการจัดทำตลอดจนให้ข้อมูลเพื่อจัดทำสาแหลกเรียบร้อย (family tree) ซึ่ง ณ วันนั้นก็ตกลงราคากันอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 แสน เพราะเขาต้องเอาคณะทำงานจากกรุงเทพลงไปทั้งทีม

อีกประมาณ 4 ปี ต่อมา ทีมของจ้าวได้โทรติดต่อไปที่น้องชายเพื่อสอบถามว่า แม่เป็นไงบ้าง ที่ตกลงกันยังเอาเหมือนเดิมหรือปล่าว เขาจะได้เก็บ Family tree ไว้ เพราะหัวหน้าทีมเสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งตอนนี้มีทีมงานรับช่วงต่อ  น้องชายก็บอกว่ายังเอาอยู่ และอีกประมาณ 3-4 ปีต่อมา หลานชายของจ้าวโทรมาบอกว่าตอนนี้จ้าวคนที่ 2 ก็เสียชีวิตแล้วนะ ด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาขอยกเลิกสัญญาที่เคยคุยกันไว้ เพราะขณะนี้ไม่มีผู้สืบทอดจัดทำแล้ว (ซึ่งก็ต้องขอบคุณหลานจ้าวที่อุตส่าห์แจ้งข่าวให้ทราบ)


โปรดติดตามตอนต่อไป....
หมายเลขบันทึก: 686895เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2020 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2020 00:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อายุยืนมากเลยค่ะ ชีวิตคนจีนสนุกคละเคล้ากับความมุมานะพยายามนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท