จากการเป็นนักเรียนโข่งบุกกรุงกับอาจารย์ใหญ่แห่งมหาชีวาลัยอีสานครูบาสุทธินันท์และเพื่อนนักศึกษาในวันที่ 19 - 20 ธันวาคม นั้นเป็นการเรียนรู้ที่มีความสุขและอิ่มอร่อยไปในตัว
เนื่องจากทุกสถานที่ที่ครูพาไปนั้นต้องเรียนรู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับเมนูอาหารที่เรา ๆ หลายคนสงสัยว่า แค่ต้มขาไก่ ทำไมมีคนมากินตั้งมากมาย และราคาแพงโขขนาดนี้
อันดับแรกได้ชิมน้ำชุบ รสเปรี้ยว หวาน เค็มกลมกล่อมมีเผ็ดนิด ๆ จากชิมก็กลายเป็นซด
จากน้ำซุบก็มาถึงขาไก่ ที่ตุ๋นจนเปื่อยได้ที่ แค่ตักเข้าปากก็รับรู้ได้ว่าเปื่อยยุ๋ยจนไม่ต้องออกแรงเคี้ยว
เมื่อได้ทานเมนูนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึงความเชื่อแต่ก่อนเก่าที่ห้ามลูกผู้หญิงเรากินขาไก่ ตีนไก่ ด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เราก็ยอมทำตามด้วยเห็นว่าขาไก่ ตีนไกนั้นไม่มีเนื้อ กินก็ยาก จึงไม่ดิ้นรนที่จะนำมาทำอาหารมากนัก อย่างมากที่สุดก็ทานได้บางเมนู เช่น ยำเล็บมือนาง
แต่เมื่อได้ทานเมนูต้มขาไก่ที่ว่านี้ ทำให้มองเห็นว่า อะไรก็ตามที่เราไม่เคยเห็นคุณค่าหรือเห็นความสำคัญนั้น จริงๆ แล้วสิ่งที่เรามองสิ่งที่เราเห็นต่างก็มีคุณค่ามีความำคัญในตัวของมันเอง เพียงแต่เราไม่มองด้วยใจที่เป็นธรรม และไม่ลงมือทำด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือมีความรู้ไม่พอที่จะลงมือทำ มีความรู้ไม่พอใช้
การต้มขาไก่ที่มัดใจผู้บริโภคได้มากมายขนาดนี้ ย่อมแสดงว่าคนทำต้องเอาความรู้ทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับการทำอาหารใส่ลงไปในขาไก่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการเลือกขาไก่ทำอาหาร เครื่องปรุง เครื่องเทศ ระยะเวลาและความร้อนของการต้มการตุ๋น รวมทั้งการบริการลูกค้า ซึ่งถือเป็น KM ต้มขาไก่อย่างเต็มตัว
ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของเรานี้ต่างก็มีดีในตัวทั้งนั้น แต่จะสร้างความดีและคุณค่าของตัวเองให้ปรากฏนั้น เป็นสิ่งสำคัญ สำคัญที่ว่าจะสร้างอย่างมีความรู้และจัดการความรู้ที่มีให้ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่เพียงไรเท่านั้นเอง
นอกจากขาไก่แล้ว
มีขาอะไรอีก
ขากบละ
ขากิ้งกือละ
ทำสำคัญคือเรื่องขาขึ้นขาลง
ต้องพิจารณาให้ดี
ขอบคุณค่ะครูบา อาจารย์อุทัย ทุกสิ่งทุกอย่างมีดีในตัว แต่การค้นหาและค้นพบความดีที่มีนั้นยาก จะพบได้ต้องใช้ความรู้เป็นพื้นฐาน
ถ้าการค้นหาความดีในตัวตนของสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ใช้ความรู้ แต่ใช้อคติเพราะรัก ชัง ใช้อัตตาเพราะหลงตน ขาทั้งหลายก็จะกลายเป็นขาลงค่ะ