๑,๑๖๙ เต็มที่และเต็มร้อย


"การดำเนินชีวิตของคนเรานั้น ไม่ใช่คิด พูด ทำเพียงแค่..”ดีที่สุดแล้ว” เพราะนั่นอาจเป็นได้แค่คำปลอบใจ..แต่ถ้าทุกครั้งที่คิด พูด ทำอย่าง “เต็มที่และเต็มร้อย” สุดท้ายก็คือ “ดีที่สุด” ของความเป็นจริงที่เรามี..."

          จากวันนั้น..วันที่เริ่มต้นในโรงเรียนขนาดเล็ก เด็กไม่ถึง ๕๐ คน อาคารเรียนเพียงหลังเดียว จึงดูยิ่งใหญ่และมากพอ เพราะนำนักเรียนในแต่ละห้องที่มีไม่กี่คน ไปเรียนรวมกันแบบคละชั้น สอดรับกับจำนวนครูที่มีน้อยเช่นเดียวกัน

      โรงอาหาร..หลังเล็กๆ สร้างจากเงินบริจาค แต่ไม่เคยคับแคบ นักเรียนอนุบาลและชั้นประถมฯทานอาหารกลางวันพร้อมๆกัน นั่งกันอย่างสบายๆไม่เคยแออัด

          แต่ ๔ – ๕ ปีมานี้..ทุกอย่างเปลี่ยนไป..เริ่มตั้งแต่จำนวนนักเรียน เพิ่มมากขึ้นทุกปี มีแต่ความแออัด คับแคบและไม่เพียงพอ..

          ถึงแม้อาคารสถานที่ในการจัดการเรียนการสอนจะมีปัญหาและเป็นอุปสรรค แต่ก็น่าแปลก ที่ไม่เคยทำให้ผมท้อ..ยังคงเดินหน้าเต็มที่ โดยขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ขอกำลังเสริมมาช่วยเหลือให้โรงเรียนก้าวพ้นวิกฤต          

          ในช่วงเวลานั้น ภาครัฐก็พยายามดึงดันให้มีการยุบควบรวม และจนถึงนาทีนี้ก็ยังมีประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะให้ยุบโรงเรียนที่มีเด็กไม่ถึง ๑๐๐ คนให้จงได้...

          กดดันโรงเรียนหลายพันโรงทั่วประเทศ..ที่ไม่มีแนวโน้มว่านักเรียนจะเพิ่มขึ้นเลย..แต่สำหรับ “บ้านหนองผือ” อีกเพียง ๑ คนเท่านั้น ก็จะเต็ม ๑๐๐ แล้ว

          การทำงานให้เต็มที่ เพื่อให้ได้นักเรียนเต็มร้อย มิใช่เรื่องยากสำหรับผม เพราะผมเน้นงานวิชาการ เน้นการอ่านออกเขียนได้ ที่มักจะได้ใจลูกค้าและทำได้ตามเป้าหมาย..

          แต่ในระหว่างทาง..มีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ให้จัดการและสะสางอยู่เสมอ โดยเฉพาะโรงอาหาร ต้องผลัดเปลี่ยนช่วงเวลามาใช้บริการ..เริ่มจากชั้นอนุบาลต้องทานก่อน..ตามด้วย ป.๑ – ป.๖

          เพราะมีภาคเอกชนสนับสนุนงบประมาณ ทำให้มีอาคารชั่วคราวที่สร้างต่อด้านหลังอาคาร ทอดยาวขนานไปตลอดแนว มีหลังคาคลุมเรียบร้อยแต่ไม่มีข้างฝา...

          ใช้เป็นห้องเรียนเกือบ ๒ ปี พอมีอาคาร “ธนาคารออมสิน” อาคารชั่วคราวหลังนี้ จึงกลายเป็นโรงอาหารของนักเรียนได้เป็นอย่างดี

          นอกจากจะเป็นโรงอาหารแล้ว ยังเป็นอาคารอเนกประสงค์ สำหรับไว้เก็บสิ่งของเหลือใช้ เก็บโต๊ะเก้าอี้เก่าๆ และใช้เป็นห้องซ้อมดนตรีได้อีกด้วย...

          วันนี้...วันที่ฝนตกหนัก และเป็นวันที่ผมอยากทำงานในร่ม จึงตัดสินใจปรับปรุงพื้นที่โรงอาหารแห่งใหม่ ให้โล่ง กว้างใหญ่ และยาวมากขึ้น เพื่อให้ระยะห่างของนักเรียน ถูกต้องตามสถานการณ์โควิด๑๙

          เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อย..อาคารชั่วคราวหรือโรงอาหารแห่งใหม่..ดูเป็นระบบ และมีระเบียบแบบแผน สะอาดและไม่แออัด อากาศถ่ายเท.และ.มีต้นไม้มากมายอยู่ใกล้ๆ

          รู้สึกภูมิใจ..ที่ชีวิตไม่ไร้สาระ ปะทะอยู่แต่งาน..วิชาการ อาคาร..และแหล่งเรียนรู้ ให้มีปัญหาน้อยที่สุด คงไม่ถึงขนาดสมบูรณ์แบบ เอาแค่ผู้ปกครองวางใจที่ไม่ปล่อยให้ลูกหลานเขาเรียนรู้แบบทรมาน..เมื่อการศึกษาไม่เท่าเทียม ผู้บริหารก็ต้องทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดการเรียนรู้....

          สุดท้ายนี้..ผมอยากจะบอกว่า..การดำเนินชีวิตของคนเรานั้น ไม่ใช่คิด พูด ทำเพียงแค่..”ดีที่สุดแล้ว” เพราะนั่นอาจเป็นได้แค่คำปลอบใจ..แต่ถ้าทุกครั้งที่คิด พูด ทำอย่าง “เต็มที่และเต็มร้อย” สุดท้ายก็คือ “ดีที่สุด” ของความเป็นจริงที่เรามี...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๓

หมายเลขบันทึก: 684186เขียนเมื่อ 18 ตุลาคม 2020 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม 2020 21:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

โต๊ะนักเรียนนี่ ดูคลาสสิคมากเลยท่าน ผอ. ;)…

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท