อันเนื่องมาจากปาฐกถาพิเศษของท่านอ.หมอประเวศ วะสี


อ่านเมื่อวานนี้ ติดอยู่ในหูมาจนถึงวินาทีนี้ และเห็นว่าดีมากจริงๆ

มีอันจะต้องเขียน AAR เรื่องการไปร่วมงานมหกรรมฯเมื่อต้นธันวาที่ผ่านมาให้คุณเอื้อ ทำให้เกิดความอยากรู้ว่า ครั้งที่แล้ว (ครั้งที่ 2) มีอะไร จำได้ว่าได้รับรางวัลจากการจับใบประเมินในงาน (ความจริงลืมเล่าเรื่องนี้ไป ว่าน่าตื่นเต้นมากค่ะ เป็นรางวัลแรกในชีวิตที่ได้จากการจับฉลากขึ้นมา ไม่เคยเป็นคนมีโชคในรูปแบบนี้มาก่อนเลย) เป็นหนังสือ "บทสรุปปรากฏการณ์ มหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ 2"

 

ก็เลยหยิบมานั่งอ่าน พบขุมทรัพย์อีกแล้วค่ะ...

ขุมทรัพย์ทางปัญญาที่พาติดตัวมาทั้งวันในวันนี้ ก็คือสิ่งที่ได้จากการอ่านปาฐกถาพิเศษของท่านอ.หมอประเวศ เรื่อง "การจัดการความรู้: กระบวนการปลดปล่อยมนุษย์สู่ศักยภาพ เสรีภาพและความสุข" นั่นเอง ติดใจที่ท่านแนะนำว่า เวลาทำงานใดๆอย่าเพียงคิดถึงเทคนิควิธีการทำ ให้หาความหมายของการทำงานนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ให้ทำแล้วคิดไปด้วยถึงความหมายของมัน หรือเมื่อมีอะไรเข้ามาหาเรา ก็ให้หาความหมาย ....ประทับใจมากค่ะ

ที่ประทับใจเพราะเข้าใจแล้วว่า ทำไมตัวเองทำงานอย่างมีความสุขได้เสมอ ไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อย ใช้แรงงานหรือใช้สมอง หากลงมือทำแล้วก็จะคิดไปด้วยเสมอ นั่นก็คือการหาความหมายนั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น วันนี้อยู่เวร เมื่อมีเวลาว่างระหว่างรอเครื่องปั่น และมีการเว้นระยะของสิ่งส่งตรวจ ก็ไปดูว่ามี control ของ test ไหนใกล้จะหมด เราจะไม่มีคนรับหน้าที่โดยตรง ใช้วิธีใครใช้หมด ก็เตรียมใหม่เอาเอง ทำให้บางครั้งต้องเตรียมเวลางานยุ่งๆ ตัวเองจึงชอบที่จะตรวจดูว่ามี control ตัวไหนใกล้หมด ก็เตรียมไว้เลยเวลาว่างอยู่ เพราะจะทำได้ถูกต้องแม่นยำกว่าเวลารีบๆ (เป็นงานที่ต้องดูดน้ำกลั่นในปริมาณที่แน่นอนใส่ในขวดน้ำยาที่เป็นผงๆ) นี่ก็ทำไปคิดไป เห็นว่ามีประโยชน์แน่นอน  

อีกช่วงที่ว่างระหว่างรอเครื่องปั่น ก็เช็ดกระจกแกะเทปกาวที่ติดจนเป็นรอยออก เอาน้ำยาขัด แล้วจึงตามด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เช็ดจนสะอาด ไร้ร่องรอย เห็นได้เลยว่าทำแล้วห้องตรงนั้นดูสะอาดสดใส น่าดูขึ้น (มีความหมายแน่นอน)

ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า การทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน เป็นงานใช้แรง เช่น ถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รีดผ้า หรือใช้สมอง อย่างการอ่านหนังสือ แปลบทความ เขียน AAR หากทำด้วยความคิด เห็นคุณค่าของมัน ก็จะทำให้ทำได้อย่างมีความสุขจริงๆ

ยังมีข้อคิดดีๆที่ได้จากปาฐกถาพิเศษบทนี้อีกหลายอย่าง ที่ทำให้วิเคราะห์ตัวเองได้ ไว้จะเก็บมาเล่าเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในคราวต่อๆไปค่ะ 

หมายเลขบันทึก: 67871เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2006 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 22:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

  อ่านแล้วมีความสุข .. ขอบคุณครับ

     ถ้าให้ดี .. (ทำในใจก็ได้) .. ถอยมา 2- 3 ก้าว .. โค้งงามๆ ช้าๆ และ กล่าวว่า

    ".. ขอบคุณการงานดีๆ ที่เข้ามาเติมคุณค่าให้ชีวิต .. ฉันรักเธอ "

ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้นึกถึงตัวอย่างคนญี่ปุ่นเช็ดกระจกที่ท่านศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติได้เล่าให้ฟัง ในเช้าวันแรกของงานมหกรรมการจัดการความรู้ ครั้งที่ 3 ที่ผ่านมา ดังที่คุณศิริก็เล่าไว้ด้วยค่ะ เห็นภาพมากเลยว่าใช้ได้กับทุกๆงาน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท