๑,๑๔๑ ชีวิตวิถีใหม่..ชีวิตดีเริ่มที่เรา...


จงมุ่งมั่นเพิ่มพลังในตน..ด้วยการลงมือทำทันที เพื่อเห็นผลสัมฤทธิ์ให้ภาคภูมิใจและทุ่มเทอย่างไม่ท้อถอย..จงอย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อยและอย่าคอยแต่โชคลาภ

        เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน..จงเริ่มต้นปรับเปลี่ยนแผนการเล่นใหม่..เพื่อกู้เกม..ให้กลับคืนมาสู่ทีม..นี่คือสนามการแข่งขันที่เข้าใจได้ในวงการกีฬา...

    แต่ในสถานการณ์ของโลกยุคใหม่ ที่ไม่น่าไว้วางใจ และเปลี่ยนไปเพราะโควิด19 จึงมิใช่เป็นเพียงการกู้เกม..แต่อาจต้องพูดถึงการกู้ชีวิตให้กลับมามั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างไร?

        ทุกชีวิตควรตระหนัก มิเพียงตั้งรับ แต่ควรปรับเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำตนและสังคมสงบร่มเย็นเป็นสุข เหมือนเช่นที่ผ่านมา...

        การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรัดกุมและไม่ประมาท รู้หน้าที่และทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ ในแต่ละช่วงวัยและบริบทของชีวิต ที่ไม่สร้างพิษภัยซ้ำเติมใครแม้แต่ตัวเอง

        อย่าทำให้ชีวิตยุ่งยากไปมากกว่าเดิม และความไม่ประมาท..เป็นอีกเมนูชีวิตที่ต้องคิดและทำให้ได้ เพื่อนำตนเอง ครอบครัวและองค์กร ก้าวข้ามพ้นโรคภัยไข้เจ็บไปให้ได้

        ด้วยวิถีใหม่..ในแผนชีวิตที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน สถานการณ์อย่างนี้ สอดคล้องกับแนวทางที่มีคนเขียนความคิดไว้ในหนังสือ Opportunity in your heart....

        ผู้เขียนคือ..อดุลย์ กาญจนวัฒน์ ได้เขียน..๕ วิถีของชีวิตไว้หลายปีแล้ว ลองติดตามดู ว่าเราจะนำไปใช้ได้หรือไม่?

        “วิถีแห่งมุมมอง”

        จงหมั่นมองสิ่งดีรอบด้าน..รอบตัวเราแล้วคิดแต่เรื่องดีๆ ย่อมดึงดูดความดีงามไว้กับตัวได้ ..ตรงนี้ผมคิดว่า..ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเหลืออยู่ ในความหม่นหมองก็ต้องมองโลกในแง่ดีไว้บ้าง...

        บางครั้ง..ในท่ามกลางความยุ่งยาก..วางไว้ด้วยโอกาสเสมอ..

        “วิถีแห่งการรู้จักตน”

        เมื่อเรารู้จักพอใจในตน..และเรียนรู้การก้าวเดินบนเส้นทางถูกต้อง..ย่อมนำพาชีวิตไม่อับจน...เพียงแค่ใช้เหตุใช้ผล ไตร่ตรองเพื่อประมาณตน สร้างภูมิคุ้มกันให้ก้าวพ้นความทุกข์ด้วยความพอดีและพอเพียง....

        “วิถีแห่งพลัง”

        จงมุ่งมั่นเพิ่มพลังในตน..ด้วยการลงมือทำทันที เพื่อเห็นผลสัมฤทธิ์ให้ภาคภูมิใจและทุ่มเทอย่างไม่ท้อถอย..จงอย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อยและอย่าคอยแต่โชคลาภ

        “วิถีแห่งการเชื่อมต่อ”

        ยามที่เริ่มมองเห็นจุดเด่นของผู้คน เราจึงจะรู้ว่าควรชื่นชมคนได้อย่างไร..มองในสิ่งดีๆที่เขามีอยู่ก็เพียงพอแล้ว ที่จะช่วยให้เราอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร้กังวล

        อย่าหลงทาง..และมองหาแต่ผู้คนที่สมบูรณ์แบบ มันไม่มีอยู่จริง แต่ต้องก้าวไปด้วยกันในรูปแบบที่ไม่เบียดเบียนหรือไม่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน....

        “วิถีแห่งคุณค่า”

        ที่สุดแล้วการได้ชื่อว่าเป็นแบบอย่างในเรื่องใดหรือสิ่งใดๆ..เมื่อนั้นเราก็จะรู้คุณค่าของคนและตนเอง..เริ่มต้นจากการให้เกียรติและไม่ดูถูกตนเอง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นจากนั้นจะมองเห็นคุณค่าของทุกสรรพสิ่ง..นี่คือ..มุมมองที่เป็นทั้งส่วนตนและส่วนรวม..

        อย่างไรก็ตาม..ผมยังเห็นด้วยที่ว่า..ชีวิตวิถีใหม่..ยังไงก็เริ่มต้นได้ที่ตัวเราเอง...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๗  มิถุนายน  ๒๕๖๓


หมายเลขบันทึก: 677842เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2020 09:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2020 09:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เห็นด้วยมาก ๆ ค่ะ อาจารย์ … เริ่มด้วยสมองและสองมือเรา ลงมือทำทันที … ไม่งั้นก็กรอบเดิม ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท