องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ทุกประเภท ทุกขนาด ที่นำเกณฑ์เพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นกรอบการประเมินคุณภาพระดับมาตรฐานโลก ไปเปรียบเทียบกับระบบการบริหารจัดการของตน ก็จะได้รับประโยชน์ในการปรับปรุงและให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้
Measurement, Analysis, and Knowledge Management from Role Models
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
7 มิถุนายน 2563
บทความเรื่อง การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis, and Knowledge Management from Role Models ) นำมาจากบทความเรื่องLearning from Role Models: Category 4: Measurement, Analysis, and Knowledge Management โดย Dawn Bailey เมื่อ June 4, 2020 จากเว็บไซต์ https://www.nist.gov/blogs/blogrige/learning-role-models-category-4-measurement-analysis-and-knowledge-management
ผู้ที่สนใจเอกสารนี้แบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่ https://www.slideshare.net/maruay/measurement-analysis-and-knowledge-management-from-role-models
หมวด 4 ของ Baldrige Criteria ครอบคลุมข้อมูลข่าวสารที่สำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับการวัด วิเคราะห์ และปรับปรุงผลประกอบการ รวมถึงการจัดการความรู้ขององค์กร เพื่อผลักดันการพัฒนา นวัตกรรม และความสามารถในการแข่งขันขององค์กร
การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้
หมวดนี้ถามว่า องค์กรใช้ข้อมูลและข่าวสารอย่างไร เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร และกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม
และถามว่า องค์กรเลือกและใช้ข้อมูลและข่าวสาร เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการกระบวนการอย่างไร
ยังถามอีกว่า องค์กรสร้างและจัดการสินทรัพย์ความรู้ขององค์กรอย่างไร และให้ความมั่นใจในคุณภาพและความพร้อมของข้อมูลและข่าวสารได้อย่างไร
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้
หมวด 4 ถือเป็น “สมอง” ที่เป็นศูนย์กลางในการทำให้เกิดความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันของการปฏิบัติการกับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร และเป็นหมวดหลักของเกณฑ์ในด้านสารสนเทศที่สำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวกับการวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงผลการดำเนินการ รวมทั้งการจัดการความรู้ขององค์กรอย่างมีประสิทธิผล เพื่อผลักดันให้เกิดการปรับปรุง นวัตกรรม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร
หัวใจสำคัญของการใช้ข้อมูลและสารสนเทศดังกล่าวอยู่ที่คุณภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล นอกจากนี้ สารสนเทศ การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ อาจเป็นแหล่งข้อมูลเบื้องต้นในการทำให้เกิดความได้เปรียบเชิงแข่งขันและการเพิ่มผลิตภาพ ดังนั้น หมวดนี้จึงครอบคลุมการพิจารณาเชิงกลยุทธ์ในเรื่องดังกล่าวด้วย
4.1 การวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงผลการดำเนินการขององค์กร
เจตจำนง
หัวข้อนี้ถามถึงวิธีการที่องค์กรใช้ในการเลือกและใช้ข้อมูลและสารสนเทศสำหรับการวัดผลการดำเนินการ การวิเคราะห์ และการทบทวน เพื่อสนับสนุนการวางแผนและการปรับปรุงการดำเนินการขององค์กร หัวข้อนี้เป็นศูนย์กลางของการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศในการวัดผลการดำเนินการและระบบการจัดการที่มีการบูรณาการ โดยอาศัยข้อมูลและสารสนเทศด้านการเงิน และด้านอื่น ๆ
จุดประสงค์ของการวัดผลการดำเนินการ การวิเคราะห์ การทบทวน และการปรับปรุง เพื่อชี้นำการจัดการกระบวนการขององค์กรให้บรรลุผลลัพธ์ขององค์กรและวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ อีกทั้งเพื่อคาดการณ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วหรือไม่ได้คาดคิด หรือการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกองค์กร รวมทั้งเพื่อระบุวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศขององค์กรที่นำมาแบ่งปัน
ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและการบูรณาการระบบการจัดการผลการดำเนินการ
ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและการบูรณาการเป็นหลักการที่สำคัญในการนำระบบการวัดผลการดำเนินการไปปฏิบัติและการนำไปใช้อย่างประสบความสำเร็จ
เกณฑ์มองว่าความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและการบูรณาการต้องพิจารณาทั้งขอบเขตและประสิทธิผลของการใช้งานเพื่อให้ตรงกับความจำเป็นในการประเมินและปรับปรุงผลการดำเนินการ รวมทั้งเพื่อจัดทำและนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ
ความสอดคล้องไปในทางเดียวกันและการบูรณาการครอบคลุมถึงวิธีการทำให้ตัววัดสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันทั่วทั้งองค์กร และวิธีการบูรณาการเพื่อให้ได้ข้อมูลและสารสนเทศจากทั่วทั้งองค์กร
ข้อมูลและสารสนเทศระดับองค์กรเป็นข้อมูลนำเข้าที่สำคัญที่ใช้ในการทบทวนผลการดำเนินการขององค์กรและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
นอกจากนี้ ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและการบูรณาการยังครอบคลุมถึงวิธีการที่ผู้นำระดับสูงถ่ายทอดสู่การปฏิบัติในเรื่องข้อกำหนดการวัดผลการดำเนินการ เพื่อติดตามผลการดำเนินการในระดับกลุ่มงานและกระบวนการในตัววัดที่สำคัญต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ว่ามีความสำคัญต่อองค์กรโดยรวมหรือกำหนดไว้สำหรับการปรับปรุง
ข้อมูลขนาดใหญ่
ความท้าทายและศักยภาพของปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นนั้นอยู่ที่การเลือก การสังเคราะห์ การวิเคราะห์ และการตีความข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเปลี่ยนให้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ จากนั้นนำไปสู่การปฏิบัติการและกลยุทธ์
ไม่เพียงแค่ใช้ข้อมูล แต่ยังต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความคิดในการรับความเสี่ยงที่ผ่านการประเมินผลได้ผลเสียอย่างรอบด้านและนวัตกรรม
การวิเคราะห์สารสนเทศ
สำหรับการปรับปรุงการปฏิบัติงาน การวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อเปรียบเทียบมิติการวัดที่สำคัญ 2 มิติ (เช่น ผลิตภาพ ความสามารถในการทำกำไร ROI ความพึงพอใจของลูกค้า และความสำคัญเชิงสัมพันธ์) ก็มักจะเพียงพอ มิติที่ 3 เช่น เวลาหรือการแบ่งส่วน (เช่น ตามกลุ่มลูกค้า) อาจถูกเพิ่มเข้าไปในกลยุทธ์ การวิเคราะห์สารสนเทศขั้นสูงสามารถให้ภาพมิติที่ 3 และมิติที่ 4 ของสถานะปัจจุบันและสถานะที่ต้องการ หรือคาดการณ์ถึงผลการดำเนินการขององค์กรในอนาคต เทคโนโลยี ผู้คน และตลาด
จากภาพที่อิงตามข้อมูลเหล่านั้น ทำให้องค์กรจำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์หรือจำลองสถานการณ์เชิงกลยุทธ์
การใช้สารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ
การใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบเป็นสิ่งสำคัญต่อทุกองค์กร เหตุผลหลักในการใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ มีดังนี้
องค์กรจำเป็นต้องรู้ระดับของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งและวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ
สารสนเทศเชิงเปรียบเทียบและสารสนเทศที่ได้จากการจัดระดับเทียบเคียงมักผลักดันให้เกิด การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ( breakthrough) หรือ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม (transformational change)
การเปรียบเทียบสารสนเทศด้านผลการดำเนินการมักนำไปสู่ความเข้าใจที่ดีขึ้นต่อกระบวนการและผลการดำเนินการของกระบวนการดังกล่าว
การคาดการณ์ผลการดำเนินการเชิงเปรียบเทียบและผลการดำเนินการของคู่แข่งอาจเผยให้องค์กรเห็นถึงความได้เปรียบและประเด็นความท้าทายที่จำเป็นต้องมีการสร้างนวัตกรรม
การเลือกและการใช้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ
ในการเลือกและการใช้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบและสารสนเทศอย่างมีประสิทธิผล องค์กรต้องกำหนดความจำเป็นและลำดับความสำคัญ รวมทั้งกำหนดเกณฑ์ในการเสาะหาแหล่งเปรียบเทียบที่เหมาะสมทั้งจากภายในและภายนอกธุรกิจและตลาด
นอกจากนี้ สารสนเทศเชิงเปรียบเทียบยังอาจสนับสนุนการวิเคราะห์และการตัดสินใจทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะหลักขององค์กร การเป็นพันธมิตร และการว่าจ้างให้องค์กรภายนอกดำเนินการแทน
การทบทวนผลการดำเนินการ
การทบทวนระดับองค์กรในหัวข้อนี้มีจุดประสงค์ให้ครอบคลุมผลการดำเนินการในทุกเรื่อง ทั้งผลการดำเนินการในปัจจุบันและการคาดการณ์ผลการดำเนินการในอนาคต
โดยคาดว่าผลการทบทวนจะเป็นแนวทางที่เชื่อถือได้ ทั้งเพื่อชี้นำให้เกิดการปรับปรุงและโอกาสในการสร้างนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ที่สำคัญ สมรรถนะหลักขององค์กร ปัจจัยแห่งความสำเร็จ และตัววัดความสำเร็จ
ผลจากการทบทวนอาจแจ้งเตือนองค์กรถึงความจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมในโครงสร้างและระบบงานขององค์กร
ดังนั้น องค์ประกอบที่สำคัญของการทบทวนระดับองค์กรประการหนึ่ง คือการแปลงผลการทบทวนไปเป็นการปฏิบัติการที่ถูกถ่ายทอดสู่การปฏิบัติทั่วทั้งองค์กร รวมถึงถ่ายทอดสู่การปฏิบัติไปยังผู้ส่งมอบ พันธมิตร คู่ความร่วมมือที่เหมาะสม และลูกค้าที่สำคัญ
การใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ
การใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบอย่างมีประสิทธิผลทำให้องค์กรสามารถกำหนดเป้าประสงค์ที่ท้าทาย และส่งเสริมการปรับปรุงแบบก้าวกระโดดในเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์เชิงแข่งขันขององค์กร การวิเคราะห์ผลการดำเนินการ
การวิเคราะห์ที่องค์กรดำเนินการเพื่อให้เข้าใจผลการดำเนินการและการปฏิบัติการที่จำเป็นอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด สภาพแวดล้อมด้านการแข่งขันขององค์กร และปัจจัยอื่น ๆ ตัวอย่างของการวิเคราะห์ ได้แก่
การหาความสัมพันธ์ระหว่างการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่กับตัวชี้วัดที่สำคัญด้านลูกค้า เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า ความภักดีของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด
ผลตอบแทนจากการลงทุนของความกล้าเสี่ยงที่ผ่านการประเมินผลได้ผลเสียอย่างรอบด้านที่องค์กรได้ดำเนินการ
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนกับรายได้ที่เกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า และการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิผล
การตีความการเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งตลาดในเรื่องการได้และเสียลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความผูกพันของลูกค้า
แนวโน้มของตัวชี้วัดผลการดำเนินการที่สำคัญ เช่น ผลิตภาพ รอบเวลา ระดับของเสีย การลดความสูญเสีย คาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรู้ระดับบุคคลและการเรียนรู้ระดับองค์กรกับมูลค่าเพิ่มต่อพนักงาน
ผลประโยชน์ด้านการเงินที่ได้มาจากการปรับปรุงอัตรากำลัง ความปลอดภัย การขาดงานและการลาออกของบุคลากร
ผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการให้การศึกษาและฝึกอบรม
ผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับปรุงการจัดการและการแบ่งปันความรู้ขององค์กร
ความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการความรู้และการสร้างนวัตกรรม
ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการระบุและตอบสนองความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังบุคลากร กับการรักษาให้บุคลากรอยู่กับองค์กร การจูงใจ และผลิตภาพ
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนกับรายได้ที่เกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิผล
ตัววัดเดี่ยวหรือตัววัดร่วมของผลิตภาพและคุณภาพเปรียบเทียบกับผลการดำเนินการของคู่แข่ง
แนวโน้มของต้นทุนเปรียบเทียบกับแนวโน้มของคู่แข่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ตัวชี้วัดผลการดำเนินการด้านการปฏิบัติการและแนวโน้มผลการดำเนินการด้านการเงินโดยรวม ที่สะท้อนให้เห็นจากตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น ต้นทุนการดำเนินงาน รายได้ ประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ และมูลค่าเพิ่มต่อพนักงาน
การจัดสรรทรัพยากรสำหรับแผนงานปรับปรุงต่าง ๆ โดยพิจารณาถึงต้นทุน/ผลประโยชน์ หรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง
รายได้สุทธิหรือจากการออม ที่เป็นผลมาจากการปรับปรุงผลการดำเนินการด้านคุณภาพ ด้านการปฏิบัติการ และด้านบุคลากร
การเปรียบเทียบผลการดำเนินการระหว่างหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ทั้งด้านคุณภาพและด้านการปฏิบัติการที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินการด้านการเงิน
ผลที่ได้รับจากกิจกรรมการปรับปรุงต่อกระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน และมูลค่าหลักทรัพย์
ผลกระทบด้านกำไรที่เกิดจากความภักดีของลูกค้า
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนกับรายได้ของการเข้าสู่ตลาดใหม่ รวมทั้งสายการผลิตและการขยายตัวทางภูมิศาสตร์
ส่วนแบ่งตลาดเทียบกับกำไร
แนวโน้มทางเศรษฐกิจ ตลาด รวมทั้งดัชนีมูลค่าหลักทรัพย์ และผลกระทบของแนวโน้มดังกล่าวต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร
การวิเคราะห์ การทบทวนผลการดำเนินการ และการวางแผนที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน
ข้อเท็จจริงและข้อมูลที่อยู่เดี่ยว ๆ มักจะไม่ใช่พื้นฐานที่มีประสิทธิผลในการจัดลำดับความสำคัญขององค์กร ดังนั้น หัวข้อนี้จึงเน้นว่าต้องมีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันอย่างใกล้ชิดระหว่างการวิเคราะห์กับการทบทวนผลการดำเนินการขององค์กร และระหว่างการทบทวนผลการดำเนินการขององค์กรกับการวางแผนขององค์กร ซึ่งจะทำให้มั่นใจว่าการวิเคราะห์และการทบทวนนั้นสัมพันธ์กับการตัดสินใจ และสร้างความมั่นใจได้ว่าการตัดสินใจนั้นอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ผลการดำเนินการในอดีตขององค์กรประกอบกับสมมติฐานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภายในและภายนอกในอนาคต ยังทำให้องค์กรสามารถคาดการณ์ผลการดำเนินการได้ ซึ่งการคาดการณ์เหล่านี้ อาจเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวางแผน
เข้าใจการปฏิบัติที่เกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผล
การปฏิบัติการขึ้นอยู่กับความเข้าใจในความเกี่ยวเนื่องกันของเหตุและผลระหว่างกระบวนการต่าง ๆ และระหว่างกระบวนการกับผลลัพธ์ การปฏิบัติการและผลลัพธ์ของกระบวนการอาจส่งผลถึงทรัพยากรต่าง ๆ
ดังนั้น องค์กรจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพื้นฐานการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิผลเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจ เพราะทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างนวัตกรรมและการปรับปรุงมีจำกัด
4.2 การจัดการสารสนเทศ และการจัดการความรู้
เจตจำนง
หัวข้อนี้ถามถึงวิธีการที่องค์กรใช้ในการสร้างและจัดการสินทรัพย์ทางความรู้ และทำให้มั่นใจถึงคุณภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูลและสารสนเทศ
โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมขององค์กร
การจัดการสารสนเทศ
ในการจัดการสารสนเทศ องค์กรจำเป็นต้องทุ่มเททรัพยากรอย่างจริงจัง เนื่องจากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการใช้สารสนเทศในการปฏิบัติการขององค์กรที่มากขึ้น ทั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายความรู้ขององค์กร ผ่านเว็บและสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ องค์กรกับองค์กร และธุรกิจกับผู้บริโภค เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถขององค์กรในการทำให้ระบบดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ และพร้อมใช้งานในรูปแบบที่ใช้งานง่าย
ความสามารถในการผสานและหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างประเภท เช่น วีดิโอ ข้อความ และตัวเลข จะสร้างโอกาสให้องค์กรมีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
ความพร้อมใช้งานของข้อมูลและสารสนเทศ
ข้อมูลและสารสนเทศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเครือข่ายธุรกิจหรือองค์กร พันธมิตร และห่วงโซ่อุปทาน
องค์กรควรคำนึงถึงการใช้ข้อมูลและสารสนเทศในด้านนี้ และควรตระหนักถึงความจำเป็นในการสอบทานความถูกต้องของข้อมูลอย่างรวดเร็ว การประกันความเชื่อถือได้ของข้อมูล และความปลอดภัย อันเนื่องมาจากมีการเพิ่มความถี่และขนาดในการถ่ายโอนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความท้าทายเรื่องการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์
การจัดการความรู้
การจัดการความรู้ขององค์กรต้องมุ่งเน้นที่ความรู้ที่บุคลากรต้องใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อการปรับปรุงกระบวนการ ผลิตภัณฑ์และบริการ และใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและองค์กร
ระบบการจัดการความรู้ขององค์กรควรมีกลไกการแบ่งปันความรู้ของบุคลากรและองค์กร เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะรักษาการทำงานที่ให้ผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยน
องค์กรควรกำหนดว่าความรู้ใดสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงาน และทำให้มีกระบวนการแบ่งปันสารสนเทศนี้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสนเทศที่เป็นความรู้ส่วนบุคคลที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคลากร
การเรียนรู้ระดับองค์กร
ในปัจจุบัน องค์กรต้องเผชิญกับประเด็นเรื่องการจัดการ การใช้ การประเมิน และการแบ่งปันความรู้ขององค์กรมากขึ้นเรื่อย ๆ
องค์กรชั้นนำได้ประโยชน์จากสินทรัพย์ทางความรู้ของบุคลากร ลูกค้า ผู้ส่งมอบ คู่ความร่วมมือ และพันธมิตร ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดการเรียนรู้ระดับองค์กร และการสร้างนวัตกรรม
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของผู้ได้รับรางวัล Baldrige
¡ ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติของที่ผู้รับรางวัล Baldrige ได้แก่ Center for Organ Recovery & Education, Charter School of San Diego, และMemorial Hospital and Health Care Center ในเรื่องการเลือกและใช้ข้อมูลสำหรับการวางแผน การปรับปรุงผลประกอบการ การวัดผลการดำเนินการ การวิเคราะห์ และการทบทวน รวมถึงการระบุแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด องค์กรที่ 1. Center for Organ Recovery & Education (CORE)
CORE ตั้งอยู่ในเมืองPittsburgh มลรัฐเพนซิลเวเนีย เป็นองค์กรจัดหาอวัยวะที่ไม่แสวงหากำไร ( Organ Procurement Organization - OPO) มีพื้นที่ให้บริการที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลกลาง ซึ่งครอบคลุมประชากร 5.5 ล้านคน ในมลรัฐเพนซิลเวเนียด้านตะวันตก มลรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย และหนึ่งเขตของมลรัฐนิวยอร์ค
เป็นหนึ่งใน 58 ของ OPO ที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งกำหนดโดย Centers for Medicare and Medicaid Services
ภารกิจของ CORE คือการช่วยให้ปลอดภัยและรักษาชีวิตด้วยการบริจาค
จุดเด่น
CORE มีผลการดำเนินงานในกลุ่มOPO ชั้นนำสูงสุด 10% ของประเทศ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 จนถึงปี ค.ศ. 2019
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักทั้งสี่ของ CORE คือครอบครัวผู้บริจาค ศูนย์การปลูกถ่าย ศัลยแพทย์ตกแต่งกระจกตา และผู้ดำเนินการด้านเนื้อเยื่อ
CORE มีผลลัพธ์แสดงระดับความพึงพอใจสูงกว่า 90% และอัตราความพึงพอใจสำหรับครอบครัวผู้บริจาคอยู่ระหว่าง 95 และ 100%
จากผลของการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานส่งผลให้ห้องปฏิบัติการและห้องปฏิบัติการวิจัยสองแห่งของCORE สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า $ 300,000 ในปี ค.ศ. 2014 มากกว่า $ 600,000 ในปี ค.ศ. 2018 และมากกว่า $ 2.6 ล้าน ในปีปัจจุบัน
Center for Organ Recovery & Education (CORE)
2019 Baldrige Award Recipient, Nonprofit
เนื่องจากข้อมูลเปรียบเทียบของอุตสาหกรรมการปลูกถ่ายอวัยวะมีจำกัด CORE จึงมีบทบาทเป็นผู้นำในการร่วมมือกับองค์กรจัดหาอวัยวะ( Organ Procurement Organizations: OPOs) อีกสองแห่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล Baldrige Award และมีผลประกอบการที่ดี ในการสร้าง Leadership and Innovation National Collaborative (LINC)
Leadership and Innovation National Collaborative (LINC)
LINC มีการประชุมเพื่อกำหนด แบ่งปัน เปรียบเทียบข้อมูล และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
CEOs และ COOs จากองค์กรสมาชิกแต่ละแห่งหากลยุทธ์ร่วมกัน ในความพยายามเพื่อยกระดับผลประกอบการของ OPO และการรับรู้ของสาธารณชน
ในปี ค.ศ. 2018 ผู้บริหาร LINC ได้ตั้งคณะกรรมการสองชุดคือ กรรมการตัวชี้วัดและกรรมการการจัดการความรู้ เพื่อแบ่งปันข้อมูล กำหนดมาตรฐาน สามารถเปรียบเทียบกันได้ และเพื่อพัฒนาแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ OPO
เพื่อพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ OPO ทีมงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของCORE ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อสร้างเครื่องมือสำหรับตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการบูรณาการ
CORE ใช้วิธีการต่าง ๆ เช่นกระบวนการ “ catch-ball” ที่เริ่มต้นโดยผู้นำแล้วกระจายแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสู่บุคลากร ผ่านการสื่อสารและการประชุมลงมติ และส่งเสริมให้บุคลากรเสนอแนวคิดที่เป็น “Great Ideas”
เพื่อระบุแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด CORE มีส่วนร่วมในสมาคมระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และร่วมมือกับโรงพยาบาลและศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ด้วย
ข้อมูลเปรียบเทียบของอุตสาหกรรม
CORE ยังรวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบของอุตสาหกรรม ผ่านองค์กรควบคุมกำกับดูแล องค์กรผู้ให้การรับรอง และลูกค้า
ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลในอุตสาหกรรม CORE จะใช้ข้อมูลมาตรฐานและข้อมูลอ้างอิงที่เหมาะสมจากนอกอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ความปลอดภัย อัตราการลาออก การตอบสนองของเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสำรวจเงินเดือน
แผงควบคุมผลงานระดับองค์กรและระดับแผนก
องค์กรตรวจสอบผลประกอบการอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับตัววัดผลงานที่สำคัญ ผ่านแผงควบคุมผลงานระดับองค์กรและระดับแผนก โดยมีการถ่ายทอดตัววัดผลไปจนถึงแผนปฏิบัติการ
ตัววัดผลจะถูกติดตามเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส และรายปี โดยใช้ " data mall" ซึ่งสร้างขึ้นเองโดยเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศของCORE
CORE Data Mall
การรายงานและแผงควบคุมใน CORE Data Mall มีทั้งการตรวจสอบและการยืนยันจากระบบ
การกลั่นกรองข้อมูลทั้งหมดเป็นแบบรวมศูนย์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสม่ำเสมอในรายงานต่าง ๆ และข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลปัจจุบัน วิธีนี้ช่วยให้ CORE มีความคล่องตัวที่ดี
ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ 2017 ศูนย์บริการของ Medicare and Medicaid เปลี่ยนวิธีการวัดผลของการปลูกถ่ายปอดและการปลูกถ่ายตับบางส่วน ความคล่องตัวทำให้CORE สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการวัดและการรายงานได้อย่างรวดเร็ว
การคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต
CORE ใช้การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ของข้อมูลในอดีต การเทียบเคียงจากภายนอก และแนวโน้มของข้อมูล ในการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต
ตัวอย่างเช่น แผนกคลินิกใช้โมเดลการถดถอยเชิงเส้น เพื่อคาดการณ์จำนวนอวัยวะที่ได้รับ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ
แผนกทรัพยากรมนุษย์ใช้รูปแบบการพยากรณ์ เพื่อรักษาทักษะและความสามารถของบุคลากรอย่างเหมาะสม รูปแบบนี้ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายของความผันผวนในเรื่องความต้องการของบุคลากร สำหรับอุตสาหกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของ CORE
องค์กรที่ 2. Charter School of San Diego (CSSD)
CSSD มีสำนักงานใหญ่ในเมืองSan Diego, Calif. ดำเนินการเรียนการสอนและศูนย์ทรัพยากรทางการศึกษา 21 แห่งใน San Diego County และมีบุคลากร 187 คน
Charter School of San Diego (CSSD) ได้ระบุว่า "มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเรียนการสอนส่วนบุคคล แบบมีส่วนร่วมของผู้ปกครองอย่างเข้มข้น ที่แสดงให้เห็นผลลัพธ์ในเชิงบวกสำหรับนักเรียนแต่ละคน"
CSSD มีวัตถุประสงค์เฉพาะนักเรียนที่มีความเสี่ยง เพราะพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนการสอนแบบธรรมดา
กระบวนการที่มุ่งเน้นผู้เรียนทำให้ได้รับคะแนนสูง
เพื่อตอบสนองเป้าหมายสูงสุดของการเปลี่ยนชีวิตของนักเรียน ที่ล้าหลังด้านวิชาการและเสี่ยงที่จะไม่ได้รับประกาศนียบัตรมัธยมปลาย ทำให้ CSSD มุ่งเน้นการให้โปรแกรมการศึกษาเป็นรายบุคคล ที่จะสร้างความเชื่อมั่นของนักเรียนและสร้างความผูกพันในการเรียนรู้ เพื่อให้พวกเขาสามารถจบการศึกษาที่ CSSD หรือการกลับไปที่โรงเรียนมัธยมแบบธรรมดาได้
ห้าปีที่ผ่านมา CSSD แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นโดยรวมในการประสบความสำเร็จ และเกินเป้าหมายที่ร้อยละ 95
Charter School of San Diego (CSSD)
2015 Baldrige Award Recipient, Education
เพื่อความผูกพันของนักเรียนและลดอัตราการออกกลางคัน CSSD ผสานความร่วมมือของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ที่ปรึกษา และหน่วยสนับสนุน เพื่อส่งมอบการเรียนรู้ผ่าน แผนการศึกษาส่วนบุคคล ( Pathways Personalized Education Plans: PPEPs)
Pathways Personalized Education Plans (PPEPs)
PPEPs ใช้เพื่อกำหนดแผนการศึกษาและการสนับสนุนนักเรียน โดยรวบรวมข้อมูลและข่าวสารจากโรงเรียนในเขต ผลการสำรวจ ลักษณะประชากรในชุมชน เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของนักเรียน รูปแบบการเรียนรู้ ความสนใจในปัจจุบัน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการพัฒนาทักษะ
มีการประชุมและทบทวนข้อมูล ซึ่งครูจะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของนักเรียนและในการทำงาน การเรียนรู้นี้นำไปสู่การเชื่อมต่อนักเรียนและครอบครัวกับทรัพยากรในท้องถิ่น
PPEPs แบ่งออกเป็นสามขั้นตอน เพื่อช่วยให้นักเรียนก้าวหน้าด้านวิชาการดังนี้
1. รู้เส้นทางของแต่ละบุคคล ( Personalized Pathways Intake) การสร้าง PPEP ของนักเรียนเริ่มต้นเมื่อมีการลงทะเบียน เจ้าหน้าที่สนับสนุนจะจัดทำแผนการศึกษาเป็นรายบุคคลของนักเรียน ผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
ครูที่ได้รับมอบหมายจะพิจารณาจากปัจจัยนำเข้า เพื่อกำหนดและพัฒนาหลักสูตรส่วนบุคคล ผ่านโปรแกรมการศึกษาแบบออนไลน์ที่เป็นอิสระอย่างผสมผสาน
ครูยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับครอบครัว เพื่อกำหนดเป้าหมายส่วนบุคคลและเชิงวิชาการ รวมทั้งทรัพยากรที่ใช้ให้สอดคล้องกัน
2. การดำเนินการตามแนวทางและความก้าวหน้าของนักเรียน ( Student Pathways Implementation and Progress) นักเรียนและผู้ปกครองทำงานร่วมกับครูในแบบตัวต่อตัวและแบบกลุ่มย่อย
โดยที่ PPEP ของนักเรียนแต่ละคนได้รับการปรับปรุงจากการดูงาน ทำงานอาสาสมัคร กิจกรรมทางวัฒนธรรม วิทยากรรับเชิญ งานวันเลือกอาชีพ วิชาเลือก และประสบการณ์การทำงาน ที่ปรับแต่งตามความสนใจและทางเลือกของนักเรียน
การเข้าถึงในรูปแบบออนไลน์ของนักเรียนและผู้ปกครอง ช่วยให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถดูหลักสูตรที่เลือกและผลการเรียนได้ทุกเวลา
3. การเปลี่ยนเส้นทางสู่ความสำเร็จ ( Successful Pathways Transition) ขึ้นอยู่กับความชอบของนักเรียน อาจจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังโรงเรียนมัธยมแบบดั้งเดิม หรือจบการศึกษาตามความสำเร็จของเป้าหมายในPPEP
และนักเรียนทุกคนทำแบบสำรวจเมื่อจบการศึกษา เพื่อระบุแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและโอกาสในการปรับปรุง
PPEP Storybook
PPEP Storybook เป็นแหล่งข้อมูลเดียวสำหรับการทบทวนผลการเรียนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องของนักเรียน
ตัวอย่างของรายงาน PPEP Storybook ประกอบด้วย รายงานข้อมูลประชากรของนักเรียน รายงานข้อมูลนักเรียนใหม่ รายงานการมีส่วนร่วมของนักเรียน ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักเรียน ข้อมูลบัณฑิต ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ข้อมูลการออกกลางคัน รายงานการคงอยู่และการเปลี่ยนเส้นทาง ข้อมูลถูกแบ่งส่วนตามโรงเรียน ภูมิภาค ศูนย์ทรัพยากร และครูผู้สอนรายบุคคล
ผลลัพธ์หลายอย่างจาก PPEP Storybook นั้นยังสะท้อนให้เห็นในดัชนีชี้วัดของครูผู้สอน
ข้อมูลใน PPEP Storybook ได้รับการตรวจสอบและวิเคราะห์เพื่อให้แน่ใจว่า กลยุทธ์การสอนประสบความสำเร็จสำหรับนักเรียนแต่ละคน ครูสามารถปรับรูปแบบและปรับการเรียนการสอน วิธีการนำเสนอ และแหล่งทรัพยากรของนักเรียนได้ทันที
ครูและเจ้าหน้าที่จะทำการเยี่ยมบ้าน ดำเนินการและทำการแทรกแซงที่เหมาะสม และเสนอแหล่งทรัพยากรให้กับนักเรียนและครอบครัว จากชุมชนและผู้ให้ความร่วมมือ
ในการตรวจสอบผลลัพธ์ PPEP Storybook และดัชนีชี้วัดของครู องค์กรได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดและผลประกอบการที่ดี แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดและผลประกอบการที่ดีเหล่านี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดี
องค์กรที่ 3. Memorial Hospital and Health Care Center (MHHCC)
MHHCC อยู่ที่เมืองJasper มลรัฐ Indiana ให้การรักษาผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกผ่านโรงพยาบาลชุมชน รวมถึงคลินิกผู้ป่วยนอกและคลินิกเฉพาะทาง ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ 32 แห่ง และมีบริการรถพยาบาล
MHHCC ซึ่งเปิดทำการในปี ค.ศ. 1951 มีพนักงานมากกว่า 1,700 คน ให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยใน 6,600 ราย; ผู้ป่วยนอก 254,000 ราย; และแผนกฉุกเฉิน 29,000 ครั้ง เป็นประจำทุกปี และมีทารกเกิดที่โรงพยาบาลในแต่ละปีประมาณ 950 คน
จุดเด่น
MHHCC ได้รับการจัดอันดับระดับ 5 ดาว จาก Medicare and Medicaid Services (CMS) สำหรับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในโดยรวม และได้รับผลการดำเนินงานด้านการจ่ายเงินตามค่าใช้จ่ายด้านบน 10% ของประเทศ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 นอกจากนี้ MHHCC ยังได้รับผลดีเลิศด้านประสิทธิภาพการคลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015, ศูนย์การดูแลผู้ป่วยที่มีทักษะ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016, การติดเชื้อ CLABSI ตั้งแต่ ค.ศ. 2016, การติดเชื้อ MRSA ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015
ประสิทธิภาพการทำงานของมาตรฐาน MHHCC ที่ ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ แสดงให้เห็นได้จากได้รับ "เกรด A" Leapfrog Hospital Safety Grade ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016, การลดอันตรายทั้งหมด 2 ปีจาก 6.2 เป็น 1.1 ต่อ 1,000 วันนอนของผู้ป่วย นับจาก ค.ศ. 2016 ถึง 2018, ผลการตรวจสอบยาข้างเตียงเกินมาตรฐานจากLeapfrog ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 ถึง 2018 ซึ่งได้ว่ามากกว่า 97%, และ MHHCC ยังคงรักษาผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย PSI-90 ไว้ได้ถึง 10% ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017
MHHCC ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำที่โดดเด่นในประเทศของเขตDubois และพื้นที่ตลาดหลัก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ส่วนแบ่งการตลาดผู้ป่วยในของ MHHCC ใน Dubois County มีมากกว่า 70% และส่วนแบ่งตลาดผู้ป่วยนอกมากกว่า 80% โดยที่คู่แข่งไม่มีใครได้มากกว่า 10%
Memorial Hospital and Health Care Center (MHHCC)
2018 Baldrige Award Recipient, Health Care
ที่ MHHCC ข้อมูลและข่าวสารที่ใช้สำหรับการติดตามผลการดำเนินงานรายวันและผลงานขององค์กรโดยรวม จะถูกเลือก รวบรวม เรียบเรียง และบูรณาการผ่านกระบวนการ Performance Measurement Process (PMP) ซึ่งสอดคล้องกับวงจร plan, do, check, act และกระบวนการประเมินผล
ตัววัดผลใช้ประกอบการสนับสนุนการตัดสินใจด้วยข้อมูล ในการขับเคลื่อนและประสิทธิผลของระบบงานที่สำคัญ ภาวะผู้นำและการกำกับดูแลองค์กร การเข้าถึงการดูแล การส่งมอบการดูแล การเปลี่ยนการดูแล และการสนับสนุน
ขั้นตอนของ PMP
ในขั้นตอนที่ 1 ผู้นำกำหนดทิศทางขององค์กรและสร้างเป้าประสงค์ของพันธสัญญา (วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์) ตัววัดผลที่ตามมาทั้งหมด จะสอดคล้องกับเป้าหมายเหล่านี้ มีการติดตามการวัดผลในดัชนีชี้วัดขององค์กร และตรวจสอบทางธุรกิจเป็นรายไตรมาส
ขั้นตอนที่ 2 วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์จะนำไปสู่มาตรการแผนปฏิบัติการ 90 วัน และไปยังกระบวนการและแผนกเพื่อให้แน่ใจว่ามีการสอดคล้องกัน และมีการกำหนดมาตรการและการเปรียบเทียบที่เหมาะสมสำหรับแผนปฏิบัติการ 90 วันแต่ละแผน
ในขั้นตอนที่ 3 เป็นการดำเนินการแผน 90 วันและดำเนินการรายวัน และมีการวัดผล
ขั้นตอนที่ 4 ผลลัพธ์จะถูกวิเคราะห์ มีการวิเคราะห์ความคืบหน้าของตัวชี้วัดขององค์กรของแผนปฏิบัติการ 90 วัน และผลประกอบการของแผนกหรือกระบวนการ
ในขั้นตอนที่ 5 ผลจากการวัดจะถูกรวบรวมและตรวจสอบอย่างเป็นระบบผ่านOperational Rhythm
Operational Rhythm
Operational Rhythm เป็นโครงสร้างที่มีกรอบหลายชั้น สำหรับการตรวจสอบผลประกอบการ และความสามารถขององค์กร
มีการประเมินผลประกอบการโดยใช้ชุดตัววัดผลที่สมดุล มีการวิเคราะห์ผลลัพธ์การปฏิบัติงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจ และเพื่อใช้ปรับปรุงการปฏิบัติงานเมื่อไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ในส่วนของ Operational Rhythm จะมีการระบุช่องว่างของผลประกอบการ และเปรียบเทียบกับเป้าหมาย คู่แข่ง หรือตัวเทียบเคียงมาตรฐาน
Alignment Boards
ในปี ค.ศ. 2018 มีการใช้ บอร์ดที่สอดคล้องไปในทางเดียวกัน ( Alignment Boards) ในแต่ละแผนก
ในบอร์ดแสดงพันธกิจ วิสัยทัศน์ และค่านิยมหลักขององค์กร แผนกลยุทธ์ แผนกลยุทธ์ด้านการพยาบาล ดัชนีชี้วัดขององค์กร ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ของแผนก ระบบแจ้งผลแบบไฟจราจรจากการที่ผู้นำระดับสูงไปเยี่ยมแต่ละแผนกและบุคลากรแถวหน้า และแผนปฏิบัติการ
ข่าวกรองด้านการตลาด
MHHCC ขยายการให้บริการโดยใช้ข่าวกรองด้านการตลาด ที่รวบรวมผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่นสภาที่ปรึกษาผู้ป่วยและครอบครัว การวิเคราะห์ข้อมูลจากบุคคลที่สาม และเว็บไซต์และเครื่องมือโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย
การใช้ประโยชน์จากข่าวกรองนี้ทำให้ MHHCC (1) ได้แนะนำผลิตภัณฑ์telemedicine ของโรคหลอดเลือดสมอง (2)การได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการเข้าสู่ตลาดรอง ซึ่งรวมถึงความต้องการในการให้บริการแก่ชุมชน Amish และ(3)กำหนดเป้าหมายการขยายสายบริการด้านมะเร็งวิทยา
แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด
หน่วยงานที่มีผลประกอบการที่ดี จะส่งแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล (Hospital Update Board: HUB) สมาชิกของทีมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด จะตรวจสอบและพิจารณาว่า แนวคิดนั้นเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดหรือเป็นแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นผู้นำหรือไม่
วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ระบุ/แนวทางปฏิบัติด้านความเป็นผู้นำที่แนะนำ จะถูกนำเสนอในการประชุมผู้นำพร้อมกับแผนปฏิบัติการ
นอกจากนี้ แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดยังได้รับการรายงานผ่านแผนปฏิบัติการ 90 วันในแต่ละสัปดาห์ การเดินเยี่ยมหน่วยของผู้นำ สภาพยาบาลด้านคลินิก และอื่น ๆ
สรุป
เจตนารมณ์ ของ “รางวัลคุณภาพแห่งชาติ” คือ รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเป็นเลิศในการบริหารจัดการขององค์กร ที่ทัดเทียมระดับมาตรฐานโลก
องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ทุกประเภท ทุกขนาด ที่นำเกณฑ์เพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นกรอบการประเมินคุณภาพระดับมาตรฐานโลก ไปเปรียบเทียบกับระบบการบริหารจัดการของตน ก็จะได้รับประโยชน์ในการปรับปรุงและให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
*************************************