ไต้หวันมีคนติดเชื้อแค่ 77 คน การโต้ตอบต่อวิกฤตการณ์แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่รวดเร็วและการสาธารณสุขที่ครอบคลุมสามารถป้องการระบาดได้


เพียงแค่ 81 ไมล์จากจีนแผ่นดินใหญ่ รัฐที่เป็นเกาะของไต้หวันและผู้คนที่อาศัยอยู่เกือบจะ 24 ล้านคนเผชิญกับความเสี่ยงขั้นสูงสุด เพราะโคโรนาไวรัสที่เกิดใหม่เกิดขึ้นที่อู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว

แต่แทนที่ทำให้เกิดการโกลาหน ประเทศกับควบคุมสถานการณ์ ไต้หวันมีคนติดเชื้อแค่ 77 คน และมีคนตายจากโควิท 19 แค่คนเดียว เกือบ 30% ของคนติดเชื้อได้รับการรักษา ในขณะที่ประเทศจีนมีคนติดเชื้อถึง 81,000 คน

ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการหนาแน่นของประชากรสูงที่สุด ประมาณ 1.4 พันล้านคนเทียบกับไต้หวันคือ 24 ล้านคน อย่างไรก็ตามอัตราประชากรต่อหัวสูงกว่าไต้หวันถึง 25 เท่า

ในการต่อสู้กับการระบาดทั่วประเทศ รัฐบาลในกรุงไทเปได้สร้างระเบียบความปลอดภัยถึง 124 แห่ง มาตรการความปลอดภัยที่คิดมาแล้วอย่างดี, กว้างขวาง, และรวดเร็ว

เจสัน หวัง ที่เป็นศาสตราจารย์ด้านการอนามัยเกี่ยวกับเด็กมหาวิทยาลัย Stanford กล่าวว่า “นโยบายและการกระทำมีความก้าวหน้ากว่าการควบคุมชายแดน แต่ตระหนักรู้ว่ามันไม่เพียงพอ”

วิธีการที่ไต้หวันจัดการกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน มีคนติดเชื้อประมาณ 127,000 และตายเกือบ 5,000 ทั่วโลกได้อย่างไร?

ในบทความที่พิมพ์ขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในนิตยสารของ American Medical Association หวังให้เครดิตกับการกระทำที่รวดเร็วและเริ่มต้นของรัฐบาล ซึ่งก็คือ รัฐบาลได้ใช้ผลประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางการสาธารณสุข และการวิเคราะห์ข้อมูล, การรักษาที่สามารถจ่ายเงินได้, การปรับปรุงทางการศึกษากันอย่างกว้างขวาง

ไต้หวันตรวจสอบอย่างเข้มข้นกับคนที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น

ในวันที่ 31 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ของจีนแจ้งต่อองค์การอนามัยโลกว่าประเทศจีนมีผู้เป็นโรคปอดอักเสบหลายคน ในวันนั้นศูนย์ควบคุมการเกิดโรคของไต้หวันเริ่มจับตาผู้โดยสารที่เดินทางมาจากอู่ฮั้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้บอกให้สายการบินจากอู่ฮั่นรอเพื่อที่จะตรวจสอบผู้โดยสารเป็นรายบุคคล

นโยบายสาธารณสุขรายงานว่า “คนที่น่าสงสัยจะถูกสแกนหาไวรัสประมาณ 26 คน นี่รวมถึงโรคซาร์และเมอร์ด้วย ผู้โดยสารที่แสดงอาการจะถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน และประเมินว่าการรักษาในโรงพยาบาลเหมาะสมหรือไม่”

ในกลางเดือนมกราคม ไต้หวันส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมีหน้าที่หาข้อเท็จจริงในประเทศจีน แต่ต้องรับอนุญาต เพราะความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวันไม่ค่อยจะแนบแน่นหนัก

Kolas Yotaka ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลไต้หวันบอกกับข่าว NBC ว่า “พวกเขาไม่อนุญาตให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เห็น แต่ผู้เชี่ยวชาญของเรารู้สึกว่าสถานการณ์จะเป็นไปในแง่ลบ”

ต่อมารัฐบาลเริ่มที่จะกระชับนโยบายด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยให้กระชับขึ้น

ตอนปลายเดือนมกราคม ไทเปได้เสนอศูนย์การควบคุมการระบาดแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายคือให้ความสำคัญกับนโยบายที่ป้องกันการสาธารณสุข ในวันที่ 26 มกราคม ไทเปเป็นชาติแรกที่ห้ามสายการบินที่มาจากอู่ฮั้น

ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลห้ามไม่ให้ส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างชาติ และให้ความมั่นใจว่าราคาขายต้องไม่เกิน 0.17 ดอลลาร์ต่อชิ้น

เมื่อถึงปลายกุมภาพันธ์ ไทเปได้แจกจ่ายหน้ากากเกือบ 6.5 ล้านแผ่นไปที่โรงเรียนประถมและมัธยม และสถาบันสอนพิเศษ พร้อมกับสารล้างมือประมาณ 84,000 ลิตร และเทอร์โมมิเตอร์ที่ใช้มือจับจำนวน 25,000 อัน   

การตรวจจับข้อมูลทางสาธรณสุขแบบเข้มข้น โดยผ่านทางข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และการทดสอบซ้ำๆ

โครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุขของไต้หวัน รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (a big data analysis) เป็นผลมาจากการระบาดของโรคซาร์เมื่อปี 2003 ซึ่งทำให้คนตายถึง 77 คน และเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก

หลังจากการระบาดในปี 2003 ไต้หวันได้นำมอนิเตอร์วัดอุณหภูมิไปไว้ที่สนามบินเพื่อสแกนผู้เดินทางที่มีไข้ และก็เป็นอาการของโควิท 19 ด้วยเช่นกัน รัฐบาลมีบทเรียนเรื่องนี้แล้ว

ผู้เดินทางก็สามารถรายงานเกี่ยวกับการเดินทางและประวัติการเจ็บป่วยโดยการใช้ QR โค้ด ซึ่งรัฐบาลจะใช้ในการแบ่งแยกโอกาสในการติดเชื้อของผู้โดยสาร โดยดูจากสายการบินแรกเริ่ม และประวัติการเจ็บป่วยในระยะเวลา 14 วัน

รายงานกล่าวว่า “คนที่ไม่ได้เดินทางไปในกลุ่มเสี่ยงจะถูกส่งไปที่หนังสือผ่านแดนเพื่อรายงานถึงสุขภาพของตน โดยการใช้ SMS เพื่อการผ่านแดนแบบรวดเร็ว และคนที่เดินทางผ่านดินแดนกลุ่มเสี่ยงจะถูกกักตัวไว้ที่บ้าน โดยการโทรศัพท์เข้าไปเพื่อยืนยันให้กักตัวอยู่ที่บ้านในช่วงระยะดูไข้นี้”

จริงๆแล้วรัฐบาลไม่ได้หลงลืมคนที่มีผลเป็นลบ มันจะมีการทดสอบใหม่เพื่อหาคนติดเชื้อต่อไป หวังบอกกับ NBC

การประกันชีวิตในไต้หวันทำให้คนไม่เกรงกลัวไปโรงพยาบาล

Kolas บอกกับข่าว NBC ว่า ระบบการป้องกันสาธารณสุขครอบคลุมถึง 99% ของประชากร รวมทั้งราคาที่สามารถจ่ายได้คือการประกันว่าคนไต้หวันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างสุขภาพทางการเกินและชีวิตส่วนตัว

เธอบอกกับข่าว NBC ว่า “ระบบประกันชีวิตของไต้หวันทำให้ทุกๆคนไม่เกรงกลัวการไปที่โรงพยาบาล หากคุณสงสัยว่าคุณกำลังติดเชื้อโคโรนาไวรัส คุณไม่ต้องกังวลว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ดี คุณเข้าไปทดสอบได้เลย คุณจะได้รับการทดสอบฟรีๆ และหากคุณต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน รัฐบาลจะจ่ายค่าอาหาร, ค่าโรงแรม, และค่ายาให้เอง”

หล่อนสรุปว่า “ดังนั้นจึงไม่มีใครหลีกเลี่ยงการไปหาหมอ เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย”  

การเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย

ในการต่อสู้กับวิกฤต ไทเปต้องการสถานีวิทยุและโทรทัศน์เพื่อที่จะเผยแพร่ประกาศการบริการสาธารณะทุกชั่วโมงเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส รวมทั้งเชื้อจะเดินทางได้อย่างไร และประชาชนจะป้องกันการติดเชื้อได้อย่างไร NBC รายงาน

Kolas บอกกับร้านขายสินค้าว่า “เราเชื่อว่าหากข้อมูลมีความโปร่งใส และผู้คนมีความรู้ทางการแพทย์ดีพอ ความกลัวจะลดลง”

ในทางกลับกัน พลเมืองก็มั่นใจในการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย Tu Chen-yang ที่เป็นครูใหญ่บอกกับข่าวNBC ว่า สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนในโรงเรียน

“กว่า 95% ของพ่อแม่วัดอุณหภูมิลูกๆที่บ้านและรายงานมาที่โรงเรียนก่อนการมาของเด็ก ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ตาม แต่ผู้คนมีความรับผิดชอบในเรื่องการสาธารณสุขของพวกเขาเอง”

ตึกที่เป็นของเอกชนและของรัฐมีการสแกนที่ทางเข้าเพื่อหาอาการไข้ ตึกที่เป็นอพาร์ทเม้นจะมีสารล้างมือภายนอกหรือข้างในลิฟต์ ข่าว NBC รายงาน

มันต้องใช้ประเทศทั้งหมดในการทำให้ผู้คนปลอดภัย และการร่วมไม้ร่วมมือและการกระทำที่รวดเร็วของไต้หวันจะช่วยในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัสในประเทศได้อย่างแน่นอน

 แปลและเรียบเรียงจาก

Isaac Sher. Taiwan has only 77 coronavirus cases. Its respond to the crisis shown that swift action and widespread healthcare can prevent an outbreak.

https://www.businessinsider.com/coronavirus-taiwan-case-study-rapid-response-containment-2020-3

หมายเลขบันทึก: 677361เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2020 18:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2020 18:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท