ดูประเด็นหลัก และรายชื่อวิทยากรได้ที่ (๑) ประเด็นสำคัญคือ หากดำเนินการตามแนวทางปัจจุบัน ไม่บรรลุเป้า UHC ของโลกในปี 2030 ตามที่กำหนดไว้ใน SDG 3.8 อย่างแน่นอน จึงต้องหาวิธีการที่แตกต่าง หรือเป็นนวัตกรรม
ผมชอบมาก ที่เขาบอกว่า strategic direction ยังคงเดิม คือเน้นที่ การสาธารณสุขมูลฐาน (PHC – Primary Health Care) ที่ต้องเปลี่ยนคือ strategic focus เปลี่ยนจุดโฟกัสจากโรค เป็นโฟกัสที่คน เน้นพัฒนาระบบสุขภาพที่เน้นให้บริการคน มุ่งสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของคน มุ่งสร้างศรัทธาของคนต่อระบบ ให้ใช้บริการอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล ไม่ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย
และผมขอเพิ่มว่า คนต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษาสุขภาวะของตนเอง ให้แข็งแรง ก็จะเท่ากับช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมสุขภาพ ค่าสร้างสุขภาพถูกกว่าค่าซ่อมมาก ความท้าทายในการดำเนินการ UHC จึงอยู่ที่การจัดระบบให้คนสร้างสุขภาพตนเองให้มากที่สุด
ผมจึงดีใจ ที่ในวันที่ ๒๘ มกราคม ช่วงบ่าย มี Side Event 049 : Empowering UHC through population-based health promotion จัดโดย สสส. และมีการเอ่ยให้เอาใจใส่การสร้างเสินมสุขภาพในหลากหลายโอกาส
UHC จะได้ผลดี จึงไม่ใช่การดำเนินการเฉพาะวงการสุขภาพหรือวงการสาธารณสุขเท่านั้น ต้องดำเนินการใน sector อื่นๆ ด้วย เช่นระบบคมนาคม ผมไปเห็นที่ประเทศในกลุ่ม นอร์ดิก ที่เขาแบ่งถนนเป็น bike lane ส่งเสริมให้คนขี่จักรยานไปทำงาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายประจำวัน มีผลดีต่อสุขภาพ และยังเป็นการลดมลพิษในอากาศอีกด้วย
มลพิษในอากาศจาก PM 2.5 เป็นผลร้ายต่อ UHC ของไทยอย่างแน่นอน น่าจะมีคนทำวิจัย คาดการณ์ผลกระทบต่อสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพระยะยาว
ข้างบนนั้น เขียนก่อนการประชุม ในวันประชุม ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ๑๔.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. มีรองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก Nakao Yamamoto เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่านบอกว่าในโลกนี้ แต่ละปีมีคนสิ้นเนื้อประดาตัว จากการจ่ายค่าบำบัดความเข็บป่วย ๑๐๐ ล้านคน เป็นปัญหาที่ต้องเอาชนะให้ได้ ปัญหานี้ประเทศไทยกล่าวได้ว่าหมดไปแล้ว จากการมีระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้าในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา
แต่เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ผมก็ได้ฟังจากคนที่รู้จักสนิทสนมท่านหนึ่ง ที่แม่เป็นมะเร็ง melanoma ที่เท้า ลามไปที่ปอด ขายบ้านราคาสองล้านเศษและหมดเงินไปแล้ว จากค่ายาคีโมชนิดใหม่
Keynote Speech
เขาเชิญ Beverly Ho ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้าน UHC ของประเทศฟิลิปปินส์ มาพูด keynote สรุปได้ว่า
ประเทศฟิลิปปินส์ ออกกฎหมายคุ้มครองสุขภาพถ้วยหน้าในปี ๒๕๖๒ ให้เป็นระบบที่เน้นการสาธารณสุขมูลฐาน และเน้นการสร้างเสริมสุขภาพ ประเด็นท้าทายได้แก่ กลไกดำเนินการให้บรรลุผล ข้อจำกัดของระบบราชการ การร่วมมือกับภาคธุรกิจเอกชนในการพัฒนาระบบกำกับดูแล และการพัฒนาคนทำงานในระบบที่ไม่ใช่วิชาชีพด้านสุขภาพ
Panel Discussion
Ghana วิทยากรคือ Kaku Awonoor, Director, Ghana Health Services บอกว่าความท้าทายหลักๆ ได้แก่
แคนาดา วิทยากรคือ Erica Di Ruggiero Director, Global Health & Associate Professor
Dalla Lana School of Public Health, University of Toronto บอกว่าความท้าทายของ UHC ได้แก่
ภาคประชาสังคม วิทยากรคือ Justin Koonin, President, ACON, Australia บอกว่าข้อท้าทายหลักคือ การดำเนินการ UHC ให้ได้ผลต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย แต่มีฝ่ายที่เป็นขั้วตรงข้าม ไม่ไว้วางใจกัน หรือรังเกียจกัน และการบรรลุสภาพ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ไม่ใช่ประเด็นทางเทคนิค แต่เป็นประเด็นทางการเมือง
Takao Toda Vice President for Human Security and Global Health, JICA บอกว่าประชาชนมีความคาดหวังจาก UHC เพิ่มขึ้นๆ เป็นคล้ายภาพลวงตา (mirage) ที่วงการ UHC ต้องวิ่งไล่ โดยที่มาตรการที่ให้ผลสูงยิ่งต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพ อาจอยู่นอก UHC เช่น มาตรการด้านโภชนาการ ท่านเสนอให้ panel คุยกันเรื่องการเปลี่ยน mindset เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย UHC
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ม.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น