Occupational profile
น้องก้อน(นามสมมติ), เพศชาย, อายุ 4 ปี 11 เดือน, Dx. Autism spectrum disorder, ทานยา Risperidone 0.5 mg เป็นประจำ
มีพฤติกรรมซ้ำๆ(ทานอาหารซ้ำ,ใส่เสื้อผ้าซ้ำ,กระโดดซ้ำๆ) ไม่มองหน้าสบตา ไม่สามารถสื่อสารได้ทั้งท่าทางและคำพูด บอกความต้องการไม่ได้ กลัวการถูกสัมผัส(tactile defensiveness) วอกแวกง่าย มีการแสดงออกทางอารมณ์ไม่เหมาะสมเมื่อถูกขัดใจ พอช่วยเหลือตนเองในเรื่องการทำความสะอาดร่างกายได้บ้าง ตักอาหารทานเองได้ เด็กมีความสามารถทางด้านการเคลื่อนไหวปกติ สามารถจับคู่ แยกหมวดหมู่สัตว์ วางตัวอักษรภาษาอังกฤษลงบล็อคได้ถูกต้องเมื่อทำเป็นตัวอย่างให้ดูก่อน แต่เล่นของเล่นไม่เป็น ไม่เล่นร่วมกับผู้อื่น ครอบครัวพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และมีความต้องการให้ลูกสามารถเรียนหนังสือได้แบบเด็กทั่วไป แต่อุปสรรคคือเด็กสามารถเข้ารับการบำบัดได้แค่สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจทำให้การบำบัดมีประสิทธิภาพน้อยลงถ้าไม่มี home program ไปทำที่บ้านด้วย ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกรณีศึกษานี้คือเด็กสามารถสื่อสาร บอกความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยท่าทางหรือคำพูด สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มีการแสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมเพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นขั้นพื้นฐานที่เด็กควรจะต้องทำได้ก่อนที่จะออกไปอยู่ในสังคม(โรงเรียน,นอกบ้าน)เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตนเองในอนาคตได้อย่างอิสระและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
Diagnostic reasoning
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ : ผู้รับบริการไม่มีการสื่อสาร ไม่มองหน้าสบตา เล่นคนเดียว พัฒนาการด้านภาษาไม่ตรงตามช่วงวัย เทียบเคียงในหมวด Mental and behavioral disorder (F90-F98, ICD10) และมีอาการตามเกณฑ์วินิจฉัย DSM-5 คือด้านการเข้าสังคม (ไม่มองหน้าสบตา เล่นคนเดียว) ด้านภาษา (พัฒนาการด้านภาษาช้า) และด้านพฤติกรรม (มีความคิดที่ไม่ยืดหยุ่น ชอบทานอาหารซ้ำ ใส่เสื้อผ้าซ้ำ กระโดดซ้ำๆ)
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางกิจกรรมบำบัด : ผู้รับบริการได้รับการวินิจฉัยเป็น Autism spectrum disorder ส่งผลต่อCurrent Occupational Role Performance คือ Occupational Deprivation เนื่องจากผู้รับบริการไม่ได้เรียนหนังสือและมีปัญหาทางด้านสังคม มักจะชอบเล่นคนเดียว(ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่ไม่ตรงตามช่วงวัย), ไม่มองหน้าสบตา
ด้านภาษา พูดคุยสื่อสารไม่ตรงตามช่วงวัย ด้านพฤติกรรม มีพฤติกรรมซ้ำ, ความคิดไม่ยืดหยุ่น, มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเมื่อถูกขัดใจ ทำให้ผู้รับบริการขาดโอกาสในการเข้าสังคม และขาดโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
Procedural reasoning
จากการให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์จึงตัดสินใจเลือกทำการประเมินโดยอยู่ภายใต้กรอบอ้างอิงการบูรณาการประสาทความรู้สึก (SI FoR) และกรอบอ้างอิงพัฒนาการ (Developmental FoR) โดยมีรายละเอียด คือ
เมื่อทำการประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวบรวมข้อมูลเพื่อระบุปัญหาและวางแผนการรักษาได้ว่า ปัญหามีในด้านสังคมที่ชอบเล่นคนเดียว ไม่มองหน้าสบตา ด้านภาษา ไม่สามารถสื่อสารบอกความต้องการของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ด้านพฤติกรรม มีพฤติกรรมซ้ำๆ กระโดดซ้ำ ทานอาหารซ้ำ ใส่เสื้อผ้าซ้ำ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อไม่พอใจ เมื่อเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาร่วมกับความต้องการของผู้ปกครองแล้วสรุปได้ว่า จะจัดการปัญหาด้านภาษาและพฤติกรรมก่อนเนื่องจากส่งผลกระทบกับการเรียน(ที่เป็นความต้องการหลักของผู้ปกครอง)มากที่สุด โดยระหว่างบำบัดก็จะกระตุ้นให้เด็กได้มีการมองหน้าสบตาผู้พูดมากขึ้นไปด้วย
Interactive reasoning
จากครั้งแรกที่พบกับน้องได้เริ่มต้นสร้างปฏิสัมพันธ์โดยการใช้สีหน้ายิ้มแย้ม ค่อยๆเข้าหาน้องอย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สร้างความคุ้นเคยและความไว้วางใจกับเด็ก ไม่ขัดใจ ไม่บังคับให้เด็กทำกิจกรรม จนท้ายๆชั่วโมงการฝึกเด็กเริ่มเดินผ่านเข้ามาใกล้บ่อยขึ้น แต่เดินแค่ผ่านๆ ยังไม่ได้เข้ามาถึงตัว หลังจากหมดชั่วโมงการฝึกได้เข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ปกครองของเด็กโดยเริ่มต้นสร้างปฏิสัมพันธ์จากการแนะนำตัวนักศึกษากับผู้ปกครอง ขออนุญาตสอบถามข้อมูลนำไปประกอบการศึกษาต่อเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรวบรวมข้อมูลมาระบุปัญหาและวางแผนการรักษาต่อไป พูดจาอย่างมีมารยาทและเป็นกันเอง ไม่เร่งรัดเอาคำตอบ ให้เวลาผู้ปกครองในการทบทวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็ก ความสามารถของเด็ก ความชอบของเด็กรวมถึงความต้องการของผู้ปกครองด้วย รับฟังอย่างตั้งใจ
Conditional reasoning
ในการจะมองกรณีศึกษานี้ให้ครอบคลุมต้องมองจากหลายๆมุมมอง ทั้งตัวเด็ก สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก กิจกรรมที่เด็กทำได้/ไม่ได้ ความสามารถที่มีอยู่ ดังนั้นจึงเลือกใช้ model PEOP ในการมองผู้รับบริการ
Person - เด็กชาย อายุ4ปี11เดือน Dx.Autism spectrum disorder หันเหความสนใจง่าย ไม่มองหน้าสบตา สื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจไม่ได้(ทั้งพูดและท่าทาง) เล่นสมมติไม่เป็น ชอบเล่นคนเดียว ชอบกระโดดซ้ำๆ ใส่เสื้อผ้าซ้ำ ทานอาหารซ้ำ กลัวการถูกสัมผัส แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเมื่อถูกขัดใจ
Environment - คุณพ่อกับคุณแม่เป็นผู้เลี้ยงดู โดยมีคุณแม่เป็นผู้ดูแลหลัก คุณพ่อเป็นชาวต่างชาติ พูดภาษาไทยไม่ได้ มักมีกิจกรรมครอบครัวที่ออกไปเที่ยมด้วยกันอยู่เสมอ
Occupation - ผู้รับบริการเล่นของเล่นไม่ถูกวิธี ไม่มีปฎิสัมพันธ์กับเพื่อน ไม่พูดคุยสื่อสาร (Play and Social participation) สามารถช่วยเหลือตนเองได้บ้างในการทำความสะอาดร่างกาย ทานอาหาร (ADLs)
Performance - ผู้รับบริการมีการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นปกติ รับรู้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ จับคู่โมเดลสัตว์สามมิติกับภาพสัตว์สองมิติได้
สรุปความก้าวหน้าของกรณีศึกษาผ่าน SOAP NOTE
13/03/62, น้องก้อน(นามสมมติ), เพศชาย, อายุ4ปี11เดือน, Dx.Autism spectrum disorder
S ผู้รับบริการมีปฏิสัมพันธ์ดีขึ้น เดินเข้ามาในอ้อมแขน ยอมให้กอด สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เริ่มคุ้นเคยกับนักศึกษามากขึ้น เริ่มพูดเป็นคำที่มีความหมายพร้อมแสดงท่าทางเมื่อบอกให้ทำได้ เช่น เอา(พยักหน้า), ขอ(แบมือ)
O ผู้รับบริการมองหน้าสบตาทุกครั้งที่เรียกชื่อ มีช่วงความสนใจเพิ่มขึ้นจาก 4 นาที เป็น 6 นาที ยังไม่สามารถแสดงออกได้เหมาะสมเมื่อถูกขัดใจ มีการคว่ำถังถั่ว
A Short attention span, Occupational Deprivation โดยเฉพาะต้องการฝึกทักษะด้านพฤติกรรม สังคมและภาษาอย่างต่อเนื่อง
P Improve attention span, ให้ home program เพื่อพัฒนาทักษะด้านพฤติกรรม สังคมและภาษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Pragmatic reasoning
จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กรณีศึกษากับอาจารย์ มีคำแนะนำถึงกรณีศึกษา ดังนี้
Story telling
จากการกลับมาทำกรณีศึกษา น้องก้อน(นามสมมติ) เพศชาย อายุ4ปี11เดือน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Autism spectrum disorder ทำให้ต้องนึกย้อนไปถึงตอนที่ได้เจอกรณีศึกษาเมื่อปีที่แล้ว(2562) เป็นครั้งแรกที่ได้ลงมา observe กรณีศึกษาแบบใกล้ชิดขนาดนี้ ได้เห็นการทำงานของพี่นักกิจกรรมบำบัด สิ่งที่เราได้ลงมือทำจะเป็นการพูดคุยสอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง ได้ช่วยพี่นักกิจกรรมบำบัดฝึกเด็ก เป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ลองทำจริงๆ ตอนแรกเด็กไม่กล้าเข้าใกล้เลย แต่เราก็พยายามจะเป็นมิตร ให้น้องรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจจะยอมให้เราเล่นด้วย ตอนสุดท้ายดีใจมากๆที่พออ้าแขนให้น้องแล้วน้องเดินเข้าแขน ยอมให้เรากอดง่ายๆเลย ได้เรียนรู้วิธีเอาชนะใจเด็กน้อยแล้ว ทำให้เรากล้าที่จะเข้าหาเด็กมากขึ้นเยอะเลย นอกจากการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กแล้วยังได้ทริคเล็กๆน้อยในการรับมือกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของน้องด้วย นั่นคือความใจเย็น เราต้องตอบสนองเด็กด้วยท่าทีที่ใจเย็นและจับเด็กอย่างกระชับ หากเด็กทำลายข้าวของ ปาสิ่งของ ให้จับมือเด็กหยุดการกระทำนั้นอย่างกระชับ ไม่แน่นเดินจนเด็กเจ็บ ไม่หลวมเกินจนหลุด แล้วพูดด้วยถ้อยคำดีๆ แล้วจับมือเด็กจัดการข้าวของที่กระจัดกระจายกลับเข้าที่จากนั้นปล่อยให้เด็กทำเอง เมื่อทำได้ก็เพิ่มแรงเสริมทางบวก เป็นความรู้สึกใหม่มาก ณ ตอนนั้น และคิดว่าตอนนี้ที่จะออกไปฝึกงาน หากเจอสถานการณ์แบบนี้ก็จะใช้วิธีนี้ในการรับมือกับเด็ก รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้นึกถึงตอนไปดูกรณีศึกษานี้ น้องเป็นครูสอนประสบการณ์ให้เราจริงๆ
นศ.กบ.รัชดาพร พาเจริญ 6023030
References
ไม่มีความเห็น