ขณะที่ผมเขียนบันทึกนี้ (๔ ทุ่ม ๒๖ ม.ค. ๖๓) จีนประกาศภาวะฉุกเฉินขั้นสูงสุดทั่วประเทศแล้ว หลังจากที่มีผุ้ติดเชื้อกระจายไปเกือบทุกมณฑลแล้ว ยกเว้นเพียงทิเบตเท่านั้น มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า ๒,๐๒๙ ราย ตายแล้ว ๒๕ คน รัฐบาลจีนห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศทั้งหมด ในขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อแล้ว ๘ ราย (รัฐมนตรีแจ้งว่า ๕ รายหายดีแล้ว เฝ้าระวังอยู่ ๓ ราย) ... ต่อไปนี้เป็นประเด็นข่าวที่น่าสนใจ
เหล่านี้เป็นข่าว จริงเท็จอย่างไร ผมไม่อาจจะยืนยันได้ แต่ประเด็นที่อยากแลกเปลี่ยนเป็นข้อสังเกตคือ พฤติกรรมการกินของมนุษย์ คือจุดแห่งความหายนะครั้งนี้และครั้งถัด ๆ ไป
สัตว์ ๑๐ ประเภทที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ภิกษุฉัน ทรงห้ามฉันเนื้อสิงโต เสือโคร่ง เสือเหลือง เสือดาว และหมี ด้วยเหตุว่าสัตว์เหล่านี้ได้กลิ่นจึงฆ่าภิกษุเสียเมื่อพบ ทรงห้ามฉันเนื้องู เนื้อสุนัข ด้วยเหตุว่าเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดน่าขยะแขยง ทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อช้าง เนื้อม้า ด้วยเหตุว่าประชาชนและพระราชาจะติเตียนเอาได้ และทรงห้ามฉันเนื้อมนุษย์ ด้วยเหตุมีนางอุบาสิกาสละเนื้อตนเองให้พระฉัน จนตนเองเจ็บป่วย
ขณะนี้คนไทยจำนวนมากที่กินสัตว์ที่ทรงห้ามไว้ การกินงูดูเป็นเรื่องปกติ หลายที่กินหมาเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะคนจีน กินงู กินหมี กินเสือ กินสัตว์ป่า .... ผมมีความเห็นว่า เรากำลังรับวิบากจากการกินของเรานี้เอง
ในฐานะพุทธศาสนิกชน นอกจากจะรักษาศีล ๕ แล้ว คนไทยควรจะประกาศเลิกกินสัตว์ทรงห้ามอย่างจริงจัง ... วิธีนี้อาจเป็นเกราะวิเศษปกป้องคนไทยไม่ให้เจอสถานการณ์ร้ายแรงเหมือนจีน ... เราอาจเป็นเหมือนทิเบต ที่ปลอดภัย ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย..
ไม่มีความเห็น