กินเนื้อน้อย อายุยืน


ท่านผู้อ่านมีประสบการณ์ถูกเพื่อนๆ เตือนเรื่องกินเนื้อน้อยไหมครับ... ผู้เขียนมีประสบการณ์จากผู้หวังดีหลายท่าน

                                    

ท่านผู้อ่านมีประสบการณ์ถูกเพื่อนๆ เตือนเรื่องกินเนื้อน้อยไหมครับ… ผู้เขียนมีประสบการณ์จากผู้หวังดีหลายท่าน <ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> ครั้งหนึ่งผู้เขียนไปอบรมที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพื่อนช่างกล้องโทรทัศน์เห็นผู้เขียนกินข้าวมาก กินกับน้อย เลยเตือนว่า คุณนี่ไม่รู้จบหมอได้อย่างไร กินอาหารไม่ถูกหลักเลย ท่านว่าพลางตักเนื้อเพิ่มใส่จานของท่านพลาง </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">Picnic</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent"></p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">อีกครั้งหนึ่งผู้เขียนไปอบรมการลงรหัสโรค และตรวจสอบเวชระเบียน… เพื่อนเจ้าหน้าที่เวชสถิติท่านเตือนว่า กินเหมือนคนโบราณเลย กินข้าวมาก กับน้อย กินอย่างกับคนโบราณรุ่นคุณย่าที่กลัวเป็นตานขโมยพูดไปยิ้มไป(คงดีใจที่ได้ต่อว่าหมอ)</p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify">เดือนนี้(ธันวาคม 2549) นักโภชนาการโรงพยาบาลโผล่มาดูปิ่นโตอาหารกลางวันของผู้เขียน ท่านเห็นแต่ผักแล้วบ่น(ด้วยความปรารถนาดี)ว่า ไม่เห็นมีโปรตีนเลย อาจารย์น่าจะเติมเต้าหู้ปลาลงไป จะได้มีโปรตีนบ้าง</div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">ความจริงผู้เขียนกินข้าวกล้อง… เติมถั่วเหลืองกับถั่วแดงหลวงในข้าว กินนมไม่มีไขมัน เติมงาป่นลงในกับข้าว มีเต้าหู้ ปลาตัวเล็กตัวน้อย และปลาเป็นบางมื้อ</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-align: justify"> กินอย่างนี้น่าจะได้รับโปรตีนพอ… ผลการตรวจเลือดหาระดับโปรตีนก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่อนไปทางสูง(ลองเจาะตรวจมา 2 ครั้งแล้ว) </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">วันนี้มีข่าวดีสำหรับท่านที่กินเนื้อน้อย และท่านที่ชอบออกกำลังครับ… รองศาสตราจารย์นายแพทย์ดอกเตอร์ลูอีกี ฟอนทานา อาจารย์โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยวอชิงตันท่านทำการศึกษาผู้ใหญ่วัยกลางคน 3 กลุ่มๆ ละ 21 คน</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> กลุ่มแรกกินอาหารมังสวิรัติ(ไม่กินเนื้อ) เป็นอาหารโปรตีนต่ำ ประมาณ 0.8 กรัม/กิโลกรัม/วัน กลุ่มที่สองกินอาหารโปรตีนสูง และวิ่งระยะไกลเป็นประจำ </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">กลุ่มที่สามกินอาหารโปรตีนสูงแบบชาวอเมริกัน(หนักเนื้อ นม เนย ไข่) กลุ่มนี้วันๆ เน้นนั่งๆ นอนๆ (sedantary)</p>                 <ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify">ผลการตรวจสารเคมีในเลือดพบว่า กลุ่มแรกคือ มังสวิรัติมีระดับฮอร์โมน และโปรตีนที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งลดลงมากที่สุด </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">กลุ่มที่สองคือ กลุ่มกินเนื้อ และวิ่งระยะไกลมีระดับฮอร์โมน และโปรตีนที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งลดลง ทว่า… น้อยกว่ากลุ่มมังสวิรัติ</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> กลุ่มที่สามคือ กลุ่มกินเนื้อ และนั่งๆ นอนๆ ไม่ออกกำลังพบมีระดับฮอร์โมน และโปรตีนที่มีความสัมพันธ์กับมะเร็งเพิ่มขึ้น </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">สารเคมีในเลือดที่เปลี่ยนไปชัดเจนได้แก่ IGF-1 (insulin-like growth factor) หรือสารกระตุ้นการแบ่งตัว และเจริญเติบโตของเซลล์ที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนอินซูลิน(จากตับอ่อน)</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-align: justify"> สาร IGF-1 มีความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">อาจารย์ลูอีกีท่านแนะนำว่า ถึงแม้การศึกษานี้จะเป็นการศึกษาแรกเริ่ม จำเป็นต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อยืนยัน หรือคัดค้านต่อไป</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> ทว่า… การกินธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ ถั่ว ปลา ผัก และผลไม้ให้มากขึ้นน่าจะมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้ </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">นอกจากนั้นควรกินเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น หมู แกะ วัว ควาย ฯลฯ ให้น้อยลงด้วย</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> การกินเนื้อแดงมากเกินมีส่วนทำให้ได้รับไขมันแฝง(ในเนื้อ) ไขมันสัตว์มีไขมันอิ่มตัวสูง ทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดสมองตีบตันหรือแตก(อัมพฤกษ์ อัมพาต) เสี่ยงมะเร็งมากขึ้น </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">นอกจากนั้นการกินเนื้อแดงมากเกินมีส่วนทำให้ได้รับสารฟอสฟอรัสมากเกิน การขับฟอสฟอรัสออกจะทำให้ปัสสาวะมีความเป็นกรด(ฟอสฟอรัส)สูง</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify"> ไตจะต้องทำงานหนักมาก(ในการขับกรด) และเกิดการสูญเสียแคลเซียม(เป็นด่างที่ช่วยลดความเป็นกรด)ออกทางปัสสาวะมากขึ้น </div></li></ul><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">การสูญเสียแคลเซียมบ่อยๆ ทำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกโปร่งบางในระยะยาว</p><p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">                 </p><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify">ผู้เขียนขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านออกกำลังกายเป็นประจำด้วย… เพื่อเสริมผลดีของอาหารประเภทเนื้อน้อย พืชผักมากยิ่งขึ้น</div></li></ul><ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-indent: 0cm; text-align: justify">ท่านผู้อ่านมีประสบการณ์ถูกใครแซวเรื่องกินเนื้อน้อยบ้างไหมครับ…</div></li></ul>    แหล่งข้อมูล: <ul>

  • ขอขอบพระคุณ > Low-protein diet might reduce cancer risk. > http://today.reuters.com/news/articlenews.aspx?type=&storyid=2006-12-14T161739Z_01_COL367829_RTRUKOC_0_US-LOW-PROTEIN.xml&src=nl_ushealth1400 > December 13, 2006. // source: American Journal of Clinical Nutrition, December 2006.
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๙.
  • </ul>    เชิญอ่าน... <ul><li><div class="MsoBodyTextIndent" style="margin: 0cm 0cm 0pt 18pt; text-indent: -18pt; tab-stops: list 18.0pt"> บ้านสาระ >>> http://gotoknow.org/blog/talk2u > เชิญท่านผู้อ่านชมบันทึกย้อนหลังได้จากปฏิทินกิจกรรมทางขวามือ (เลือกจากเดือนและปี) </div></li></ul>

    หมายเลขบันทึก: 67414เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2006 10:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (20)
    ขอบคุณอาจารย์หมอวัลลภ มากค่ะ

    รับทราบและจะนำไปปฎิบัติค่ะ ^-^
    ผมและแม่แทบไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ คงเหลือแต่ปลาครับ เราเน้นผักพื้นบ้านที่หลากหลาย .... อยากสอบถามอาจารย์หมอถึง อาหารที่บำรุงตับ ครับ..น่าจะทานอะไรบ้าง

    ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยวและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

    • ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยว และท่านผู้อ่านทุกท่านเช่นเดียวกัน...

    ประกาศ...

    • ถ้าหากไม่มีความผิดพลาดทางเทคนิค > ผมจะเดินทางไปทำบุญที่พนมเปญ กัมพูชาในระว่างวันที่ 16-20 ธันวาคม 49
    • กลับมาแล้วคงจะมีเรื่องเล่าดีๆ เพราะไปคราวนี้ไปทางบก > จากลำปาง... แวะไปหาคุณหมอชิตที่กรุงเทพฯ > ไปอรัญประเทศ > เข้ากัมพูชาทางบก > ไปพนมเปญ...

    ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีอาหารที่ดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ

    ขอขอบคุณอาจารย์จตุพร และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

    • ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่บ้านอาจารย์ไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่ ทานปลา และผักหลากหลาย

    ถ้าเพิ่มข้าวกล้อง ปลาตัวเล็กตัวน้อย นมไม่มีไขมัน(หรือไขมันต่ำ) งาดำ งาขาว ถั่ว และเต้าหู้เข้าไปหน่อยน่าจะได้แร่ธาตุที่ป้องกันโรคได้มากมาย เช่น โรคกระดูกโปร่งบาง โรคความดันเลือดสูง ฯลฯ

    • อาหารที่บำรุงตับได้แก่ อาหารครบส่วน หลากหลาย และมีไขมันไม่สูงเกิน... การกินอาหารไขมันสูงมีส่วนทำให้เสี่ยงต่อภาวะไขมันในตับสูง และอาจเป็นตับแข็งได้
    • ไม่มีสารอาหารวิเศษที่จะบำรุงตับ... มีแต่อาหารที่ดีกับร่างกายโดยส่วนรวม

    เรื่องที่ควรเน้นคือ ควรงดสิ่งที่ไม่ดีกับตับ...

    • (1). ไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์... แอลกอฮอล์ทำลายตับ ตับอ่อน สมอง และเป็นสารก่อมะเร็ง
      (2). อาหารขึ้นรา โดยเฉพาะถั่วลิสงที่ทิ้งไว้นานๆ ตามร้านก๋วยเตี๋ยว... ถั่วลิสงที่ทำเองก็ไม่ควรกินบ่อยเกินวันเว้นวัน เพื่อลดโอกาสได้รับสารก่อมะเร็ง(อะฟลาทอกซิน)
      (3). ไม่สำส่อนทางเพศ เพื่อป้องกันการติดไวรัสตับอักเสบบี ซี ดี เอฟ
      (4). ใช้ช้อนกลาง และไม่ใช้ภาชนะร่วมกับคนอื่น เช่น จาน ช้อน ส้อม แก้ว ฯลฯ เพื่อป้องกันการติดไวรัสตับอักเสบเอ
      (5). ลดสารเคมีในอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องอาศัยการทำลายขั้นต้นที่ตับ และขับออกทางไต เช่น สีผสมอาหาร ยากันบูด ฯลฯ
      (6). วิธีลดข้อ (5) ง่ายๆ คือ หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อสำเร็จรูป เช่น หมูหยอง หมูแผ่น หมูยอ ไส้กรอก แฮม ฯลฯ

    ขอให้คุณแม่ของอาจารย์ อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีอาหารที่ดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ

    • ท่านอาจารย์ Beeman ได้เปรียบนะครับ
    • ท่านกินเจ
    • แวะไปดูบันทึกครูบาสุทธินันท์หรือยังครับที่KM ในมหาชีวาลัยอีสาน   
    • ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยและมีคามสุขครับคุณหมอ

    ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย...

    ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

    • ทราบมาว่า ท่านอาจารย์ beeman กินมังสวิรัติ...
    • เพิ่งทราบวันนี้จากข้อคิดเห็นของอาจารย์ว่า กินเจ

    ปี 2548 ผมไปพักที่วัดแฌมเย่ ย่างกุ้ง พม่า... ได้คุยกับพระฝรั่งท่านหนึ่ง (Robert)

    • ท่านบอกว่า ท่านฉันมังสวิรัติ
    • ทว่า... ผมเห็นท่านฉันน้ำมันปลา(แคปซูล)ด้วย
    • นี่ก็เป็นมังสวิรัติแบบกินปลา ซึ่งน่าจะดีกับสุขภาพมากกว่ามังสวิรัติไม่กินปลา

    ขอขอบคุณอาจารย์ที่กรุณาอวยพรให้เดินทางปลอดภัย...

    • ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีอาหารที่ดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ
    • สุขภาพชาว Blog คงดีขึ้นกันถ้วนหน้า  สำหรับความรู้ที่คุณหมอนำมาแบ่งปัน
    • แล้วจะนำไปปฏิบัตินะคะ

                                                            ด้วยความเคารพ

    ขอขอบคุณอาจารย์ชาลิสา และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

    • ขอขอบคุณอาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านเช่นเดียวกัน

    ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีอาหารที่ดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ

    ขอบพระคุณคุณหมอที่เล่าเรื่องสุขภาพดีๆ ให้พวกเราระมัดระวังตัวกันครับ

    ส่วนใหญ่ไม่ได้ทานอาหารที่บ้าน (อยู่คนเดียว + ทำไม่เป็น) เวลาทานนอกบ้านก็พยายามสั่งผักมากินแต่ก็ไม่ทราบว่าสะอาดแค่ไหน อีกอย่างไม่ทราบทำไมผักในร้านอาหารแพงเหลือเกิน ช่วงนี้พยายามกินผักเยอะ ๆ ครับ

    ขอบคุณมากเลยครับ

    ได้ความรู้ดีมาก

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานเนื้อ

    ไม่ชอบกินผัก   ต่อไปจะไม่กินเยอะแล้วครับ

    ไม่มีเวลาออกกำลังกายด้วย

    ขอบพระคุณอาจารย์วัลลภครับ 

    • แวะมาทักทาย พอดีเจ้าของบ้านไม่อยู่ ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ
    • ช่วงหลังผมทานเนื้อน้อยลงมากๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ใหญ่ รู้สึกตัวเองเบาสบายขึ้นมากครับ
    • ที่ยากก็คืออย่างไร และเท่าไร คือความพอดีของแต่ละบุคคลครับ 

    หมอสุข

    เพิ่งกลับจากกัมพูชา (16-19 ธันวาคม 49) ขอกล่าว "จุมเรียบซัวบาท (= สวัสดี + ครับ)" ตามธรรมเนียมเขมรทักทายอาจารย์หนึ่ง...

    • ขอขอบพระคุณอาจารย์หนึ่งเช่นเดียวกันครับ

    ขอกล่าว "จุมเรียบเลียบาท (= สวัสดี + ครับ / ใช้กับการลา เพราะ "ลา" = "เลีย")...

    • ขออาจารย์หนึ่งและท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...

    เพิ่งกลับจากกัมพูชา (16-19 ธันวาคม 49) ขอกล่าว "จุมเรียบซัวบาท (= สวัสดี + ครับ)" ตามธรรมเนียมเขมรทักทายอาจารย์ Aj Kae...

    • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์ใส่ใจสุขภาพ และพยายามทานผักมากๆ

    คนที่เรียน หรือทำงานทางด้านคอมพิวเตอร์ / IT อย่างอาจารย์น่าจะรักษาสุขภาพให้มากกว่าคนทั่วไป

    • เพราะบุคลากร iT เป็นบุคลากรสำคัญของประเทศชาติ (ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม)
    • ถ้าคนเก่งมีสุขภาพดี + คิดจะทำดีแล้ว... จะทำดีได้มาก และนานกว่าคนทั่วไป (เพราะใช้ปัญญาทำดี)

    ขอกล่าว "จุมเรียบเลียบาท (= สวัสดี + ครับ / ใช้กับการลา เพราะ "ลา" = "เลีย")...

    • ขออาจารย์ Aj Kae และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...

    เพิ่งกลับจากกัมพูชา (16-19 ธันวาคม 49) ขอกล่าว "จุมเรียบซัวบาท (= สวัสดี + ครับ)" ตามธรรมเนียมเขมรทักทายคุณ "ตามหารักแท้"...

    • ขอแสดงความยินดีที่คุณ "ตามหารักแท้" จะเริ่มใส่ใจสุขภาพตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะจะทำให้โครงสร้างสุขภาพแข็งแรงมากกว่าเริ่มต้นตอนอายุมากๆ
    • แข็งแรงแล้ว... เชิญไปบริจาคเลือดที่คลังเลือด สภากาชาด หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านครับ

    ขอกล่าว "จุมเรียบเลียบาท (= สวัสดี + ครับ / ใช้กับการลา เพราะ "ลา" = "เลีย")...

    • ขอให้คุณ "ตามหารักแท้" และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...
    • จุมเรียบซัวบาท
    • ยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทศไทยครับ
    • ไปเมืองไหนมาบ้างครับ รออ่านเรื่องที่อาจารย์เขียนครับ
    • ผมเขียนเรื่องของคุณหมอไว้ที่
    • คลิก
    • จุมเรียบเลียบาท

    เพิ่งกลับจากกัมพูชา (16-19 ธันวาคม 49) ขอกล่าว "จุมเรียบซัวบาท (= สวัสดี + ครับ)" ตามธรรมเนียมเขมรทักทายอาจารย์หมอสุข...

    • ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุข 
    • จริงอย่างที่อาจารย์กล่าวครับ... คือ ความพอดีของแต่ละคนคงจะไม่เท่ากัน

    นักโภชนาการไทยมักจะแนะนำให้ทานเนื้อวันละ 8 ช้อนโต๊ะ หรือเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง 16 ช้อนโต๊ะ

    • คำแนะนำของนักโภชนาการสหรัฐฯ แนะนำให้ลดเนื้อลงครึ่งหนึ่ง และให้ใช้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช โดยเฉพาะถั่วเหลืองแทน เช่น เต้าหู้ โปรตีนถั่วเหลือง ฯลฯ
    • นอกจากนั้นยังแนะนำว่า ไม่ควรกินเนื้อเกินครั้งละ 3 ฝ่ามือ (ประมาณ 90 กรัม) + ไม่เกิน 3 ครั้ง / สัปดาห์ เพื่อลดไขมันอิ่มตัวที่แฝงในเนื้อแดงลง

    ขอกล่าว "จุมเรียบเลียบาท (= สวัสดี + ครับ / ใช้กับการลา เพราะ "ลา" = "เลีย")...

    • ขอให้อาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...

    เพิ่งกลับจากกัมพูชา (16-19 ธันวาคม 49) ขอกล่าว "จุมเรียบซัวบาท (= สวัสดี + ครับ)" ตามธรรมเนียมเขมรทักทายอาจารย์ขจิต...

    • คณะของเรา(แม่ชีมาลี แม่ชีพรทิพย์ และผม)ไปส่งอาจารย์สา เรน (แม่ชีเขมรที่เพิ่งสึก) และสามเณรแดง ดีพร้อมลังหนังสือประมาณ 6 ลัง
    • ไปกัมพูชาทางด่านอรัญประเทศ > ปอยเปต (เขมรออกเสียงคล้าย "ปอยแปต") > เช่ารถกระบะไปบันเตียเมียนเจย > บัตดัมบอง(พระตะบอง) > พนมเปญ

    เพิ่งทราบว่า การนั่งรถกระบะในกัมพูชาอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

    • เพราะมีการจอดรับคนข้างทางไปเรื่อยๆ ขนไม้เถื่อน... จนผู้โดยสารส่วนหนึ่ง(รวมทั้งผม)ต้องขึ้นไปนั่งบนท้ายรถที่มีไม้อยู่ด้านล่าง
    • อาจารย์สา เรนต้องโทรศัพท์(มือถือ)ไปขอให้ท่านพระสา แอมพร้อมคนขับนำรถวัดไปรับระหว่างทาง เพราะเสี่ยงมากเกินไป

    โชคดีจังที่รอดกลับมา...

    • ขากลับก็ย้อนรอยเดิม ทว่า... มาทางรถประจำทางตอนกลางวัน
    • คราวนี้เดินทางปลอดภัยกว่าขาไปแยะ

    เชิญติดตามอ่านได้ที่ "บ้านสาระ" เร็วๆ นี้ครับ(หากไม่มีข้อขัดข้องทางเทคนิค)

    • ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาอ้างอิงข้อคิดเห็นของผมไว้ในบันทึก...

    ขอกล่าว "จุมเรียบเลียบาท (= สวัสดี + ครับ / ใช้กับการลา เพราะ "ลา" = "เลีย")...

    • ขอให้อาจารย์ขจิต และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท